2 ยอยก
ตอนที่ 2 ยอยก
หลังจากอวี้ซินขุดหน้าดินไปได้พอสมควร
ท่านแม่กับพี่ชายของนางก็กลับมาถึงบ้าน
สองแม่ลูกทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ที่เห็นว่าอวี้ซินฟื้นขึ้นมาแล้ว
พวกเขาพากันดึงตัวของนางที่กำลังพลิกหน้าดินอย่างเอาจริงเอาจังเข้าบ้านไป
“ลูกแม่เจ้าฟื้นขึ้นมาแล้วเหตุใดไม่พักผ่อน ไยเจ้าถึงได้ไปขุดพรวนดินอยู่เช่นนั้น”
เฉินหรูซีเอ่ยถามบุตรสาวและนั่งลงข้างๆ นางอย่างห่วงใย
“ข้าจะปลูกข้าวเจ้าค่ะ”
เฉินอวี้ซินที่รู้แล้วว่าสองคนนี้เป็นใคร เพราะระบบได้ทำการแจ้งเตือนขึ้นมา
นางจึงยิ้มอ่อนหวานให้ท่านแม่และพี่ชายไป
“ปลูกข้าว? เราไม่มีเมล็ดพันธุ์ข้าวด้วยซ้ำ เจ้าจะเอาอะไรมาปลูกได้”
พอตงห่าวพูดจบ มือน้อยๆ ของอวี้ซินก็ชี้ไปที่ด้านหลังของพี่ชายที่มีกระสอบป่านถุงใหญ่วางอยู่
“นั่นข้าวหรือ?”
ตงห่าวถึงกลับตาโต
“ลูกแม่ ข้าวเปลือกกระสอบนี้เจ้าได้มาจากที่ใด”
หรูซีเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความสงสัย
บ้านของพวกนางก็อยู่รอบนอกถนนเส้นหลัก และชาวบ้านที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงก็มีความเป็นอยู่ที่ไม่ได้แตกต่างจากนางมากเท่าไหร่
นางคงไม่ได้ไปขโมยข้าวใครมาใช่ไหม?
ติ๊ง!
[คำเตือน! โฮสต์ไม่ควรบอกถึงการมีอยู่ของระบบ เพราะมันจะนำเรื่องเดือดร้อน มาให้กับโฮสต์ในภายหลัง…]
“ข้าฝันว่ามีท่านเทพใจดีมอบข้าวนี้ให้ข้า และให้ข้านำมันไปปลูกเจ้าค่ะ”
อวี้ซินที่อยู่ในร่างของเด็กสาวมองตาท่านแม่ไม่กะพริบแล้วตอบไป
ถึงอย่างไรมันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี! ที่ข้าจะบอกว่าข้าวเปลือกนี่ผุดออกมาจากกลางอากาศ
อวี้ซินจึงบอกไปด้วยสีหน้าจริงใจ ถึงนางจะต้องโกหกก็ตาม
“จริงหรืออวี้ซิน แล้วเจ้าเห็นหรือเปล่าว่าเป็นเทพองค์ใดที่มอบข้าวนี้ให้กับเจ้า”
เฉินตงห่าวเอ่ยถามน้องสาวอย่างตื่นเต้นดีใจ
“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ รู้เพียงแค่ว่าข้าวนี้กินไม่ได้ เพราะท่านให้นำมาปลูกเพื่อแจกจ่ายทุกคน”
“เสียดายจังที่กินไม่ได้ ข้าวเยอะเพียงนี้หากเอามาหุงคงจะอิ่มท้องไปหลายวันแท้ๆ”
ตงห่าวทำหน้าเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เอาล่ะๆ เจ้าก็เลิกถามน้องสาวของเจ้าได้แล้ว ว่าแต่ร่างกายของลูกไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่ เจ้าหลับไปตั้งสามวันเต็มๆ เจ้าหิวบ้างหรือเปล่า”
พอเฉินหรูซีพูดถึงเรื่องของกิน ท้องของอวี้ซินก็ร้องเสียงดังออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
พี่ชายของนางและท่านแม่หัวเราะชอบใจออกมา อวี้ซินเขินอายจนใบหน้าเปลี่ยนสี
“เดี๋ยวแม่ไปต้มผักป่ามาให้เจ้ากินนะ หรือเจ้าอยากกินมันเผาด้วย แม่จะได้ทำให้เจ้ากินพร้อมกันไปเลย”
เฉินหรูซีถามบุตรสาว
“ข้าเอามันเผาด้วยขอรับ”
ตงห่าวยกมือบอกมารดา
“ได้ๆ แม่จะทำเผื่อเจ้าด้วย”
เฉินหรูซีพูดจบ ก็ลุกขึ้นจากระเบียงหน้าบ้าน แล้วเดินไปข้างๆ บ้านก่อนจะเริ่มก่อไฟและต้มผักสดๆ ที่พึ่งเก็บมาได้
หรูซีเอาหัวมันหวานใส่เข้าไปในเตาไฟ กลบด้วยขี้เถ้า เพื่อให้มันหวานสุกพร้อมกันกับต้มผัก
“มีแต่ผักเหรอเจ้าคะ”
อวี้ซินเอ่ยถามพี่ชายที่นั่งข้างๆ ที่กำลังเอาผ้าเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า
“ก็ใช่น่ะสิ นอกจากผักแล้วยังจะมีอย่างอื่นได้เช่นไร”
เฉินตงห่าวขำขันน้องสาว
“ไม่มีเนื้อบ้างหรือเจ้าคะ”
อวี้ซินเอ่ยถามพี่ชายอีกครั้ง
“เนื้อนั้นหายาก หากโชคดีไปเจอไก่ป่าแล้วจับมันได้ เราถึงจะมีเนื้อกิน”
ตงห่าวบอกอวี้ซินไป และนึกในใจว่าน้องสาวของเขาคงอยากจะกินเนื้อ
ครั้งหน้าหากเขาขึ้นเขาไปอีก และเจอไก่ป่าสักตัวเขาจะต้องจับมันให้จงได้ เพื่อที่จะให้น้องสาวที่กำลังทำหน้าบึ้งตึงยิ้มออกมาอย่างสุขใจ
“ปลาก็ไม่มีหรือเจ้าคะ”
อวี้ซินเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
หากไม่มีเนื้อ อย่างน้อยๆ ปลาในแม่น้ำก็น่าจะมีบ้าง
“ปลารึ? บนภูเขามีลำธารอยู่สายหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นพวกปลามันก็ว่ายน้ำเร็วมาก จนเราตามจับมันไม่ทัน”
ติ๊ง!
[โฮสต์สามารถสร้างที่จับปลาได้…]
เสียงแจ้งจากระบบดังขึ้นมาในหัวของอวี้ซิน
“แล้วข้าต้องทำอย่างไร?”
อวี้ซินพูดกับระบบออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ
“น้องพี่… ถึงเจ้าอยากจะกินมันมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเจ้าก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจนั้นไปอยู่ดี เพราะไม่สามารถที่จะจับปลาพวกนั้นได้”
ตงห่าวคิดว่าน้องคุยกับเขาถึงได้ขานตอบไป
ติ๊ง!
[ขั้นตอนการทำกับดักปลา…
หนึ่ง ใช้เชือกสานกันเป็นตาข่ายให้ได้ขนาดที่ต้องการ
สอง นำไม้ไผ่ขนาดเล็กสองลำมาวางไขว้กัน
มัดยึดแต่ล่ะมุมเอาไว้เป็นรูปสี่เหลี่ยม และผูกติดกับตาข่าย
สุดท้าย หาไม่ไผ่ที่ทนและแข็งแรง ขนาดพอดีมือ มามัดเป็นที่จับ…]
“ข้าเข้าใจแล้ว”
อวี้ซินที่ได้รับข้อมูลมาตอบกลับระบบไป
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็กินพวกมันหวาน และ ผัก ไปเถอะนะ หรือหากเจ้าหิวมาก ก็แบ่งข้าวให้ข้าสักหน่อย เดี๋ยวข้าจะเอาไปต้มโจ๊กให้เจ้ากิน”
เฉินตงห่าวมองไปที่กระสอบข้าวเปลือกด้านหลัง แล้วกลืนน้ำลายลงคอ
เกือบปีแล้ว ที่เขากินข้าวไม่เคยอิ่มท้องเสียที พอเห็นข้าวเปลือกเต็มกระสอบเขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากกินมันอีกครั้ง
“อันที่จริงข้าก็หิวข้าวเช่นกัน แต่หากข้าทำเช่นนั้นข้าก็จะถูกท่านเทพลงโทษ”
อวี้ซินแสดงออกทางสีหน้าว่านางก็หิวไม่แพ้กันกับพี่ชาย
ทว่าเจ้าระบบนี่ก็เอาแต่สั่งห้ามไม่ให้นางนำข้าวไปทำเป็นอาหาร แถมยังเน้นย้ำให้นางปลูกข้าวให้สำเร็จอีกด้วย
“พี่ชาย บ้านของเราพอจะมีตาข่ายบ้างหรือไม่เจ้าคะ”
อวี้ซินคิดถึงเรื่องยอยกปลาที่ระบบบอก นางจึงถามพี่ชายออกไป
“ก็มีอยู่นะเจ้าจะเอาไปทำอันใดหรือ”
ตงห่าวเอ่ยถามน้องสาว
“ข้าจะทำที่ดักปลาเจ้าค่ะ ไปกันเถอะพี่ชายข้าอยากกินปลาจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”
อวี้ซินดึงมือพี่ชายที่ตัวสูงกว่านางหนึ่งคืบให้ลุกขึ้นไปทำกับดักปลา
พอเห็นว่าทุกอย่างมีพร้อมแล้ว นางกับพี่ชายจึงร่วมมือกันทำยอยกปลาออกมา
แม้ตงห่าวจะไม่ค่อยเข้าใจที่นางบอกเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ให้ความร่วมมือกับน้องสาวเป็นอย่างดี จนกระทั่งผู้เป็นแม่เรียกให้ไปกินมันเผาและผักต้มเกลือ พวกเขาถึงได้พากันหยุดพัก และกลับมาทำต่ออีกครั้งจนถึงช่วงบ่าย
อวี้ซินอ้อนวอนมารดาให้พานางขึ้นเขาไป และบอกว่าจะลองจับปลาจากสิ่งนี้
“ก็ได้ๆ ในเมื่อพวกเจ้าตั้งใจทำมันออกมาแล้ว เช่นนั้นแม่ก็จะพาพวกเจ้าไปลองใช้งานมันดู”
เฉินหรูซีเห็นว่าบุตรสาวมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งตอนนี้แดดร่มลมตก ไม่ได้ร้อนอย่างช่วงเที่ยงวัน นางจึงช่วยลูกๆ ถือยอยกขนาดพอดีมือขึ้นเขาไป
“เจ้าเอาเสียมไม้มาด้วยเพราะอันใด”
ระหว่างทางตงห่าวก็อดไม่ได้จึงได้ถามน้องสาวออกไป
“สิ่งนี้จำเป็นต้องใช้เจ้าค่ะ”
อวี้ซินเพียงแค่ตอบไป นางไม่ได้อธิบายอันใดต่อ แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง
ติ๊ง!
[ระบบตรวจพบมันฝรั่งจำนวนหนึ่ง อยู่ห่างจากโฮสต์ออกไปไม่ไกล โฮสต์โปรดตรงไปตามเส้นทางนี้…]
“มันฝรั่งหรือ ว้าว! มีมันฝรั่งด้วย”
อวี้ซินยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งๆ ที่นางก็ไม่รู้ว่ามันฝรั่งคืออะไรแต่ความรู้สึกของนางกลับบอกว่ามันเป็นของที่นางรู้จักเป็นอย่างดี และช่วยทำให้อิ่มท้อง
“อวี้ซินนั่นเจ้าจะไปไหน ลำธารอยู่ทางด้านโน้นเลยนะ”
ตงห่าวที่เห็นน้องสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกนอกเส้นทางไป เขาก็ตะโกนตามหลังน้องสาวทันที
“อวี้ซิน!!”
หรูซีได้ยินเสียงบุตรชายร้องทัก นางก็หันหลังกลับแล้ววางยอยกลงข้างทางก่อนจะรีบวิ่งตามบุตรสาวไปทันที
“ตงห่าวตามแม่มา บนป่าเขามันอาจทำให้น้องของเจ้าหลงทางได้ เร็วเข้า! ตามแม่มาเร็วๆ”
หรูซีรีบเดินนำไปก่อน และบอกให้บุตรชายตามนางไปยังเส้นทางที่อวี้ซินเดินไป
“มันฝรั่งล่ะ ข้าเจอมันฝรั่งกลุ่มใหญ่ด้วย”
เฉินอวี้ซินย่อตัวลง แล้วจับใบมันฝรั่งอย่างคุ้นเคย เหมือนกับว่าต้น และใบแบบนี้ นางเคยพบเห็นมันมาก่อน
“อวี้ซิน!!!”
เสียงร้องตามหลังมาของมารดา ทำให้อวี้ซินหลุดจากความคิดที่ว่า นางรู้จักมันฝรั่งเหล่านี้เป็นอย่างดีไป
“ท่านแม่ข้าพบมันฝรั่งเจ้าค่ะ”
อวี้ซินหันไปส่งยิ้มให้กับมารดา
กลับกันหรูซีกับวิ่งเข้ามากอดบุตรสาวอย่างตกใจ
“จู่ๆ เจ้าก็เดินดุ่มๆ ออกนอกเส้นทาง แม่ตกใจมากเลยนะรู้ไหม”
หรูซีแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หากบุตรสาวของนางหลงป่าขึ้นมาไม่รู้ว่านางจะเป็นเช่นไร
“อวี้ซินเจ้าวิ่งเร็วมากเลย พี่กับท่านแม่ตามหลังเจ้าแทบไม่ทันแน่ะ”
ตงห่าวเอามือปาดเหงื่อบนหน้าผากออกแล้วพูดออกไป
“ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านแม่กับพี่ชายเป็นห่วงเจ้าค่ะ ครั้งหน้าหากข้าจะทำอะไรข้าจะบอกพวกท่านก่อน”
อวี้ซินเห็นว่าท่านแม่ของนางเป็นห่วงนางจริงๆ เพราะท่านแม่กอดนางเอาไว้แน่นมาก
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
หรูซีลูบหัวน้อยๆ ของบุตรสาว
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจอมันงั้นหรือ แล้วมันอยู่ที่ไหนล่ะ”
ตงห่าวหันซ้ายหันขวาไม่เห็นต้นมันเลยสักต้นจึงเอ่ยถาม
“นี่ไงเจ้าค่ะ มันฝรั่งเยอะมากกก”
อวี้ซินชี้ไปที่พุ่มต้นไม้เล็กๆ ที่ไม่สูงนัก ก่อนนางจะผละออกจากอ้อมกอดท่านแม่แล้วใช้เสียมในมือขุดพื้นดินเบาๆ
“มาเถอะเดี๋ยวแม่ขุดให้ ดินบนภูเขามันค่อนข้างแข็ง เดี๋ยวเจ้าจะเจ็บมือเอาได้”
หรูซีเห็นบุตรสาวมั่นใจมาก นางจึงอาสาขุดดินให้
พอขุดลงไปได้ไม่นาน หัวมันฝรั่งสีเนื้ออ่อนก็โผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาให้ทุกคนได้ยลโฉม
“นี่หน่ะหรือมันฝรั่งที่เจ้าว่า”
หรูซีดึงเอาก้อนกลมๆ ที่นางใช้เสียมสับโดยไม่ตั้งใจออกมาให้บุตรสาวดู
“เจ้าค่ะ นี่แหละเจ้าค่ะมันฝรั่ง ข้าจะเอาไปต้ม เอาไปเผา เอาไปผัดมันต้องอร่อยมากแน่ๆ เลยเจ้าค่ะ”
อวี้ซินเผลอพูดคำติดปากออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใส
เอ๊ะ! ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนกับว่ารู้จักมันฝรั่งนี่เป็นอย่างดี แถมยังรู้วิธีทำอาหารอีก
อวี้ซินแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา
“หากมันนี่กินได้ พี่จะช่วยเจ้าขุดอีกแรง”
ตงห่าวฉีกยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าของสิ่งนี้กินได้ เขาก็ไม่รีรอที่จะลงมือใช้มีดพร้าในมือขุดมันขึ้นมา
ผ่านไปหนึ่ก้านธูป…
อวี้ซินก็ได้มันฝรั่งมาครึ่งตะกร้า ทั้งสามแม่ลูกจึงได้วางมือจากการขุดที่ดุเดือดลง ทั้งยังกลัวว่าผู้อื่นจะมาพบมันฝรั่งเข้า ทั้งสามแม่ลูกจึงหาอะไรมาปกปิดพื้นดินเอาไว้
หากนำกลับไปแล้วมันฝรั่งนี่กินได้จริงๆ ทั้งสามแม่ลูกก็จะมีสิ่งประทังชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง
“ท่านแม่แล้วยอยกปลาของข้าล่ะเจ้าคะ”
เมื่อนั่งพักจนหายเหนื่อย อวี้ซินที่ไม่เห็นท่านแม่ถือตาข่ายดักปลาของนางมาด้วยจึงเอ่ยถาม
“ตอนนั้นท่านแม่รีบมากจึงทิ้งมันไว้ข้างทางหน่ะ แต่เจ้าไม่ต้องห่วงไปนะ ของสิ่งนั้นไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร ดังนั้นมันจะถูกวางไว้เช่นเดิมอย่างแน่นอน”
ตงห่าวรีบตอบน้องสาวแทนท่านแม่ไป
“เช่นนั้นเรารีบไปจับปลากันเถอะเจ้าค่ะ กลับไปเราจะได้ทำน้ำแกงปลาใส่มันฝรั่ง มันต้องอร่อยเข้ากันอย่างแน่นอนเลยเจ้าค่ะ”
อวี้ซินลุกขึ้นปัดเศษดินที่ติดเสื้อผ้าออกแล้วเดินนำทางกลับไปตามเส้นทางเดิม
“ลูกแม่เจ้าจำทางกลับมาได้อย่างไร”
หรูซีที่สะพายตะกร้ามันฝรั่งเดินตามหลังบุตรสาวมาถึงกลับเกิดความสงสัย
“อ่อ นั่นไงเจ้าคะ ตอนที่ลูกเดินเข้าไปในป่าลูกได้หักกิ่งไม้ทำเป็นสัญลักษณ์เอาไว้ ขากลับลูกก็เลยไม่หลงทาง”
อวี้ซินชี้ไปที่กิ่งไม้ที่นางทำเครื่องหมายเอาไว้
“แบบนี้นี่เอง เอาล่ะจากนี้ไปแม่จะเดินนำทางเอง ส่วนเจ้าจะไปไหนมาไหนก็ให้บอกแม่ก่อนรู้ไหม”
เมื่อเดินออกมาถึงถนนสายหลัก ที่ผู้คนใช้เดินทางเป็นประจำ หรูซีก็บอกบุตรสาวให้เดินตามนางไปและจะทำอันใดก็ให้บอกนางก่อน
“ท่านแม่ท่านหนักหรือไม่ ให้ข้าเป็นคนแบกมันฝรั่งเถอะ”
ตงห่าวเอ่ยถามมารดาเพราะเขาอยากแบ่งเบาภาระของผู้เป็นแม่
“ข้างหน้าก็จะถึงลำธารแล้วล่ะ ตามแม่มาเร็วเข้า”
หรูซีพูดบ่ายเบี่ยงบุตรชาย แล้วเดินถือยอยกขนาดพอดีมือนำทางไปจนถึงลำธาร
ในลำธารมีน้ำขังอยู่มาก น้ำในลำธารแห่งนี้ก็ใสสะอาดจนสามารถมองเห็นตัวของปลาได้อย่างชัดเจน
ติ๊ง!
[หย่อนตาข่ายลงน้ำแล้วเฝ้ารอ
หากมีปลาเข้ามาในตาข่ายให้รีบยกขึ้น…]
“ท่านแม่ ข้าช่วยเองขอรับ”
ตงห่าวเห็นท่านแม่จะย่อตัวลงเขาก็รีบไปช่วยรับเอาตะกร้าไว้ทันที
“ขอบใจนะตงห่าว”
หรูซีส่งยิ้มให้กับบุตรชาย แล้วถามว่าให้ทำเช่นไรกับตาข่ายในมือของนาง
พออวี้ซินบอกวิธีใช้ให้กับท่านแม่แล้ว หรูซีก็ทำตามที่ลูกสาวบอก
จากนั้นรอคอยไม่นาน พวกปลาที่ขี้สงสัยกลุ่มหนึ่งก็แหวกว่ายเข้ามาในยอยก
อวี้ซินยกนิ้วนับหนึ่ง สอง สาม ก่อนจะบอกให้ท่านแม่ยกตาข่ายขึ้นจากน้ำด้วยความเร็ว
“ปลาตัวอ้วนขอรับท่านแม่”
ตงห่าวโห่ร้องไชโยเสียงดัง ก่อนจะจับปลาใส่ตะกร้าของตนที่ว่างอยู่ แล้วเอามีดพร้ากับกระบอกน้ำไปวางใส่ตะกร้าของท่านแม่แทน
“ได้สามตัวเลยหรือนี่”
อวี้ซินถึงกับงงที่ได้เห็นปลาตัวใหญ่สดๆ ดิ้นไปมา
ดูเหมือนว่าปลาพวกนี้จะไม่ฉลาดเอาเสียเลย อวี้ซินกระตุกริมฝีปากขวาขึ้น
“เนื้อของมันต้องหวานนุ่มชุ่มคออย่างแน่นอน ข้าจะไม่กินน้ำแกงปลาแล้ว ข้าจะต้มเนื้อปลาแน่นๆ ใส่กับมันฝรั่งแทน”
อวีซินพูดออกมาพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ
“ท่านแม่เดี๋ยวข้าเอายอยกนี่ไปวางเองขอรับ”
ตงห่าวรีบอาสาเอายอยกนี่ไปวางลงน้ำอีกครั้ง
“ท่านแม่เราทำแบบนี้อีกรอบ แล้วค่อยกลับบ้านนะขอรับ อย่างไรเสียพรุ่งนี้ปลาก็คงไม่เน่า เอาไปมากหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นไร”
ตงห่าวหันไปพูดกับแม่ของตน
“เอาแบบนั้นก็ได้ เช่นนั้นวันนี้บ้านเราก็กินปลากับมันฝรั่งนี่ก็แล้วกัน”
หรูซียิ้มอ่อนให้บุตรชาย ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้อวี้ซินที่คิดค้นวิธีจับปลาง่ายๆ นี้ขึ้นมา
ด้วยสิ่งนี้จะทำให้พวกเขาอิ่มท้องไปอีกมื้อ ไม่สิ! หากยังจับปลาได้อยู่ต่อไปละก็… บ้านของพวกเขาก็จะไม่หิวโหยอีกต่อไป
หรูซียิ้มไม่หุบเมื่อมองไปเห็นใบหน้าเล็กๆ ที่ลุ้นว่าปลาจะเข้ายอยกหรือไม่
โชคดีจริงๆ ที่เจ้าฟื้นขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ในเมื่อท่านเทพให้เจ้าปลูกข้าว แม่ก็จะช่วยเจ้าปลูกข้าวเอง
หรูซีเผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลายออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบสามปี