9. เป็นแค่ตัวล่อ
“ว่าแล้วเชียว คิดไว้มิมีผิด” ฟางซินเอ่ยเสียงเบา นางยืนแง้มหน้าต่างมองดูการต่อสู้ด้านนอก หลังจากไต่ลงมาจากขื่อด้วยท่าทางคล่องแคล่ว นางยืนมองอยู่มินาน เพราะกลุ่มคนที่บุกเข้ามามิได้เก่งต่อสู้เลยสักนิด สู้มิถึงสองยกก็ถูกรวบตัว และส่วนมากก็ชิงปลิดชีพตนเอง มิยอมให้ตนถูกจับไปทรมานเช่นที่ได้ยิน
“อนุซู อนุซูเจ้าคะ” สาวใช้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาพร้อมกับจางเหยา องครักษ์ที่ตี้ซีเหยียนสั่งให้เฝ้าจวน โดยมิทันมองว่าผู้เป็นนายนั้นยืนกอดอกมองคนทั้งคู่อยู่ที่หน้าต่าง และนึกขันกับท่าทีตื่นของหรงเอ๋อ
“แย่แล้ว อนุซูต้องถูกจับไปแล้วแน่เลย ต้องรีบแจ้งข่าวให้ท่านอ๋องทราบนะพี่จางเหยา” หรงเอ๋อรีบเขย่าแขนอีกฝ่าย ทว่าองครักษ์หนุ่มกลับจับไหล่นางให้หันไปทางฝั่งที่ผู้เป็นนายยืน ซึ่งนางมองพวกเขาด้วยสายตาเรียบเฉยมิมีท่าทางตื่นกลัวเฉกเช่นสตรีทั่วไปที่ควรจะมี
“อนุซู บาดเจ็บหรือไม่เจ้าคะ” รีบจับร่างของผู้เป็นนายหมุนไปมา แม้ตนพึ่งรับใช้ได้มิกี่วันหรงเอ๋อก็เป็นห่วงนางมาก เพราะฟางซินมิเคยเอ่ยวาจากดขี่บ่าวไพร่ในจวน
“จะเป็นก็ตอนที่พี่จับหมุนไปมานี่แหละ เวียนหัวนะ” สาวใช้มองค้อนเล็กน้อยเมื่อได้ยินผู้เป็นนายเอ่ยเช่นนี้
“ข้าน้อยขออภัยนะเจ้าคะที่มิได้มาอยู่เป็นเพื่อนท่าน ยามนั้นถูกขังไว้ในห้อง กว่าจะรู้ว่าเกิดเรื่องคนร้ายก็ถูกจับได้หมดแล้ว” บอกเสียงเบาเพราะสำนึกผิด
“มิเป็นไร ข้ายังสบายดีมิเห็นหรือ” ตอบแล้วก็ยิ้มหวานส่งให้ ก่อนจะมองเลยไปที่องครักษ์หนุ่มด้วยสายตาต่างจากที่ใช้กับหรงเอ๋อ ทำเอาจางเหยาร้อนหนาวจนขนลุก
“นายของเจ้าอยู่ที่ใดกันล่ะ” เสียงกดต่ำดังขึ้น สายตานั้นแม้จะดูเรียบเฉย ทว่ามันก็แฝงไว้ด้วยการบังคับในตัว องครักษ์หนุ่มกลืนน้ำลายเหนียวลงคอก่อนจะตอบ
“อยู่ที่เรือนนิทราขอรับ” ตอบพร้อมกับหลีกทางให้นายหญิงเดิน แม้ตี้อ๋องจะมิได้เคร่งครัดเรื่องการเคารพนาง ทว่าสตรีผู้นี้ก็มิเคยถือตัวและวางอำนาจกับพวกเขาแม้นางจะทำได้ จึงเกิดความเกรงใจขึ้นมาโดยมิต้องฝืน
“อนุซู จะไปจริงหรือเจ้าคะ” เพราะเกรงว่ายามนี้ตี้อ๋องอาจจะสอบสวนคนร้ายที่เหลืออยู่ หรงเอ๋อจึงเกิดกลัวขึ้นมา แม้ชื่อเรือนจะฟังดูไพเราะ ทว่าความหมายของมันก็คือหลับใหลมิได้ตื่น เรียกง่ายๆ ว่าเป็นที่สำเร็จโทษของคนกระทำผิดก็ได้ ที่ตี้อ๋องมิพาตัวคนร้ายไปสอบสวนที่หน่วยก็เพราะเกรงจะถูกฆ่าปิดปากเสียก่อน
“หากกลัวท่านอ๋องจะตำหนิ เจ้าก็รออยู่ที่นี่” บอกแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ของจวน ซึ่งหรงเอ๋อก็ยังวิ่งตามด้วยความเป็นห่วง แม้จะตื่นกลัวก็เถอะ
พอมาถึงทางเข้าซึ่งมีต้นไผ่ปลูกล้อมรอบเอาไว้ เสียงร้องโหยหวนก็ดังออกมาให้ได้ยิน สองเท้าเล็กจึงหยุดชะงัก
“อนุซูรออยู่ตรงนี้ดีกว่าขอรับ ข้าน้อยจะไปรายงานท่านอ๋องให้ ว่าพระองค์มีเรื่องหารือ” จางเหยาเอ่ยกับนายหญิง เพราะเกรงนางจะตื่นกลัวกับภาพด้านใน
“อืม” รับคำแล้วก็เดินถอยออกมานั่งรอที่ตั่งในสวนใต้ต้นพุทราใหญ่ นางมิเคยได้เดินมาสำรวจแถวนี้ เพราะถูกสั่งห้ามเอาไว้ จึงมิรู้ว่ามีของโปรดอยู่มิไกล
“พี่หรงเอ๋อดูสิมีผลเต็มเลย” เป็นปกติของมนุษย์เมื่อเห็นของชอบก็มักจะดีใจจนยิ้มร่า “ข้าจะปีนขึ้นไป พี่รอเก็บด้านล่างนะ” เอ่ยบอกพร้อมกับยกชายกระโปรงขึ้น สาวใช้รีบร้องห้ามเสียงหลง ทว่ามิทันผู้เป็นนายที่กระโดดเกาะกิ่งแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วแม้มันจะมืด มีเพียงแสงคบไฟในสวนที่ส่องให้เห็นรำไรก็เถอะ
“อนุซูไยถึงเร็วเพียงนี้เจ้าคะ อย่างกับลิงเลย” มิรู้ว่าอีกฝ่ายชมหรือตำหนิ ทว่าฟางซินก็หัวเราะร่วนออกมาให้ได้ยิน ก่อนจะมองหาผลที่อยู่ใกล้มือ
นางอยู่บนนั้นนานกว่าหนึ่งเค่อ [15 นาที] สองมือก็ถือผลพุทราเอาไว้ กัดกินมันอย่างเอร็ดอร่อย จนกระทั่งคนที่นางมาหาเดินออกมาพร้อมกับคนสนิททั้งสาม
“บังอาจ ท่านอ๋องอนุญาตให้เก็บพุทราได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ลงมาประเดี๋ยวนี้” ตงไห่ส่งเสียงตำหนิดังจนหรงเอ๋อตกใจทิ้งผลไม้ในมือ หมอบลงกับพื้นอย่างตื่นกลัว
ฟางซินหรี่ตามองลงมาจากต้นไม้เล็กน้อย พอจะจำได้ว่าผู้ที่เอ่ยนั้นเป็นใคร และผู้ที่กิ่งไม้บังใบหน้าอยู่ก็คงเป็นท่านอ๋องมิผิด ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มก่อนจะปีนป่ายลงมาอย่างเชื่องช้า ต่างจากยามที่ขึ้นไปหน้ามือเป็นหลังมือ
“ช่วยด้วยข้าลงมิได้” เมื่อมาถึงกิ่งสุดท้าย ซึ่งมันดูเหมือนจะสูง ทว่าก่อนนั้นนางแค่ดีดปลายเท้าก็กระโดดเกาะได้แล้ว แต่ยามนี้กลับทำเป็นตื่นกลัวกอดลำต้นเอาไว้
“หึ! น่าขันเสียจริง” ตงไห่ยังมิวายหยัน
“ลงมิได้ก็นั่งอยู่บนนั้นแหละ” เสียงเย็นของตี้อ๋องดังขึ้น พร้อมกับสายตาคมดุมองร่างเล็กเกาะต้นไม้มิต่างจากลิง ยิ่งมองก็ยิ่งหงุดหงิด “เหอะ! นี่หรืออนุที่ข้าขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้ง ช่างไร้คุณสมบัติสิ้นดี” ตำหนินางในใจ
“หึ! คงคิดจะหาทางเข้าใกล้พระองค์เสียมากกว่านะพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องอย่าหลงกลนางเชียว” ตงไห่รีบเตือนผู้เป็นนาย ทว่ากลับได้สายตาตำหนิจากสหายทั้งสองมาแทน เพราะมิชอบใจนักที่เขามักจะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับอนุซู แม้นางจะมิได้เป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องก็เถอะ แต่พวกตนก็มิอยู่ในฐานะจะหยามหมิ่นอนุที่ถูกแต่งตั้งได้
ฟางซินถอนหายใจออกมาดังพอให้คนด้านล่างได้ยิน ก่อนจะตัดสินใจลงมาจากต้นไม้เอง เพราะดูท่าการเสแสร้งทำตัวอ่อนแอคงมิได้ผล เพราะผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี มิมีใจเมตตาต่อนางเลยสักนิด ทว่าก็ทำให้แน่ใจได้แล้วว่าเขารังเกียจนางอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
ตี้อ๋องยืนมองอนุของตนไต่ลงมาท่าทางคล่องแคล่ว เขามิแปลกใจนักที่นางทำเช่นนี้ได้ เพราะหญิงชาวบ้านแถบหัวเมืองคงมิต่างจากนางนัก “หึ! ทำตัวอย่างกับลิง ข้ามิน่ารับปากแม่นมเลย” นึกตำหนิตนเองในใจ พร้อมกับทำหน้าเบื่อมองไปยังร่างเล็กที่ไต่ลงมาแล้วยืนหันหลังให้
ฟางซินมัวแต่ก้มปัดอาภรณ์ของตน จึงมิทันได้เงยหน้าให้อีกฝ่ายเห็น เป็นเหตุให้ผู้ที่อยากรู้เกิดร้อนใจ เดินตรงเข้ามาหานางเพื่อถามถึงยามที่คนร้ายบุกเข้ามา เขาอยากรู้ว่านางหลบซ่อนอยู่มุมใด เพราะยามที่สืบสวนทุกคนต่างก็บอกว่านางมิได้อยู่ในห้อง ทว่าจางเหยาก็ยืนยันว่าอนุซูมิได้ออกจากห้องมาแม้แต่น้อย
“พูดมา!! เจ้าไปแอบอยู่ที่ใดพวกมันจึงหาเจ้ามิเจอ” เสียงกดต่ำดังขึ้นจากด้านหลังของอนุตัวน้อย ทำให้นางต้องรีบหันกลับมาเพราะเสียงเขาอยู่ใกล้มาก ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับสามี จึงทำให้ตี้อ๋องมองเห็นความงามนางได้ชัดเจน แม้จะมีเพียงแค่แสงคบไฟส่องมารำไรก็เถอะ
ทว่าเขาก็ได้เห็นแล้วว่าอนุตัวน้อยมิได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหล่เช่นที่เคยคิด กลิ่นหอมจางๆ จากกายสาวลอยเข้าจมูกโด่งจนอ๋องหนุ่มเผลอสูดดม และเขาก็ยังยืนอยู่เช่นนั้นจนฟางซินต้องเอียงคอและเปล่งวาจาด้วย
“หน้าหม่อมฉันมีสิ่งใดติดหรือเพคะ?” ถามในสิ่งที่สงสัยทันที เพราะคนตัวโตเอาแต่จ้อง เสียงหวานที่เปล่งออกมาเรียกสติตี้อ๋องให้คืนกลับ เขาผงะถอยยืนห่างออกมาหนึ่งก้าว มองสตรีตรงหน้ามิวางตา ทว่ามันก็มีเสียงตำหนิขึ้นอีกครั้งจากองครักษ์คนเดิมที่อยู่ด้านหลัง
“อนุซูมิได้ยินที่ท่านอ๋องรับสั่งถามหรือขอรับ เหตุใดมิตอบ!” ตงไห่รีบย้ำคำของผู้เป็นนายเสียงดัง พร้อมกับเดินมาหยุดข้างกายท่านอ๋อง
“ข้าจะตอบคำถามท่านอ๋องหรือไม่ มิน่าเกี่ยวอันใดกับเจ้านะ เป็นเพียงองครักษ์ใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับเจ้านายได้หรือ เจ้าเป็นใคร แล้วข้าเป็นใคร” น้ำเสียงนี้กดต่ำใส่องครักษ์หนุ่มตรงหน้ามิต่างจากที่เขาเอ่ยกับนาง
ใช่ว่าฟางซินจะเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงและหลงในอำนาจที่มี ทว่านางมิเคยดูถูกผู้อื่น ใครดีก็ดีตอบ ใครร้ายก็จะร้ายตอบเช่นกัน หากนางมิได้ทำสิ่งใดผิด ก็มิเห็นต้องเกรงผู้ใดมิเว้นแม้แต่เจ้าของจวน
ตงไห่ถึงกับหน้าถอดสีมิคิดว่าอนุซูที่เคยมอมแมมจะงามได้ถึงเพียงนี้ ทว่าสิงที่ไม่คาดคิดมากกว่านั้นก็คือสตรีผู้นี้กล้าวางอำนาจใส่ตน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นนางก็มิมีท่าทีหัวสูง พอถูกแต่งตั้งก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทว่าที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือผู้เป็นนายกำลังใช้สายตาตำหนิเขา
ตี้อ๋องมิได้เอ่ยอันใดเพียงแต่ในหัวเขาก็คิดว่าคำพูดของฟางซินมันก็มิผิดเลย นางได้รับแต่งตั้งอย่างถูกต้องแม้จะเป็นเพียงอนุเขา ก็เท่ากับว่าเป็นนายผู้หนึ่งในจวน