8. เป็นอนุท่านอ๋อง
หญิงสาวจากยุค 2023 ยังคงตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน ใครมันจะเชื่อว่าอยู่ดีๆ เธอจะกลายมาเป็นอนุของท่านอ๋อง ซึ่งเขาสามารถขึ้นครองบัลลังก์ตอนไหนก็ได้
“อีตาขี้เก๊กเนี่ยะนะเป็นท่านอ๋อง และราชนิกูลสกุลตี้” เธอนึกในใจเกี่ยวกับเจ้าของจวน ถึงเขาจะหน้าตาดี และดูภูมิฐาน แต่ฟางซินก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงท่านอ๋องได้
“งั้นหรือ เช่นนั้นช่วยเล่าให้ฟังอย่างละเอียดได้หรือไม่ แล้วที่นี่มีอนุกี่คน แล้วพระชายาอ๋องล่ะ เอ่อ แล้วข้าต้องเรียนขนบธรรมเนียมอะไรพวกหรือไม่ เจ้าช่วยบอกข้าด้วยนะ จะได้เตรียมตัวถูก” ถามสาวใช้ตัวเท่ากันกับเธอด้วยท่าทางอยากรู้ ไหนๆ ก็ตกกระไดพลอยโจนมาแล้ว เธอคงต้องตามน้ำเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปได้
“เรื่องนั้นท่านอ๋องมิได้รับสั่งเจ้าคะ บอกเพียงว่าให้ดูแลอนุซูให้ดี จะออกไปที่ใดรายงานพ่อบ้านก็พอ”
“เอ๋! จริงหรือ ข้าออกนอกจวนก็ได้หรือ” รีบถามทันที คิดว่าจะถูกขังเอาไว้เสียอีก
“เจ้าค่ะ แต่ต้องมีคนติดตามไปด้วย ห้ามออกไปลำพัง”
“อืม” ตอบรับแค่นั้น ใบหน้ามอมแมมก็เผยยิ้มออกมา สาวใช้ซึ่งมีอายุมากกว่าปีเดียวจึงอดมิได้ที่จะยิ้มเอ็นดูนาง ก่อนจะจัดการถอดอาภรณ์ออกให้ คราแรกฟางซินก็มิยอม ทว่าหรงเอ๋อก็บอกว่ามันคือหน้าที่ มิเช่นนั้นก็ต้องให้คนอื่นมาทำ อนุซูต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด
“มิน่าเชื่อเลยนะเจ้าคะ ล้างเนื้อตัวแล้วอนุซูจะผิวพรรณดีเพียงนี้ งดงามยิ่งนัก มิแปลกใจเลยเหตุใดท่านอ๋องถึงยอมรับท่านเป็นอนุ” สาวใช้เอ่ยชมสตรีตรงหน้า ในขณะที่ก้มถูเนื้อตัวให้ด้วย
“หึ! อีตาอ๋องนั่นน่ะเหรอ มองฉันอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือสิไม่ว่า ถ้าท่านยายไม่ร้องขอเขาไว้ ฉันก็คงไม่ถูกพาตัวมาแบบนี้หรอก” นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็อดต่อว่าอีกฝ่ายมิได้ แม้ว่าตอนนี้นางจะสบายขึ้นก็เถอะ
ทว่าอยู่ในตำแหน่งนี้ก็มิรู้จะเกิดปัญหาใดขึ้นมาอีก ความเป็นไปเป็นมาก็ยังมิแน่ชัด อย่างไรก็ต้องดูไปยาวๆ
หลังจากอาบน้ำและล้างผมจนเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ฟางซินก็ถูกจับให้แต่งกายด้วยอาภรณ์งดงาม เนื้อผ้าบางเบาพริ้วไหว เฉกเช่นสตรีชั้นสูงในเมือง ผมเกล้าขึ้นครึ่งหัวแล้วปล่อยยาวสลวยลงมาจนถึงกลางหลัง เครื่องทองรูปดอกไม้ถูกปักแซมและประดับด้วยปิ่นดอกโบตั๋นมีเส้นระย้าลงมาเพิ่มความงดงามเข้าไปอีก
ใบหน้าเนียนใส แก้มแดงปลั่งต่างจากคราแรกที่พบเจอ อันที่จริงมันก็เป็นเจตนาของนางเองด้วย ที่จะปิดบังตัวตนเอาไว้ เพราะการเดินทางกับบุรุษมากมายมันมิน่าไว้ใจเลย การทำตัวมอมแมมน่ารังเกียจถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี
“อนุซูงามราวกับเทพธิดาเลยนะเจ้าคะ” หรงเอ๋ออดมิได้ที่จะเอ่ยชม เพราะสตรีตรงหน้างามผิดหูผิดตาเป็นอย่างมาก ราวกับเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้
“เอาไว้ข้าจะบอกวิธีดูแลผิวก็แล้วกันนะ” เอ่ยเสียงใส
ฟางซินยืนมองตัวเองในกระจกทองเหลือง มิอยากเชื่อสายตาตนเองเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ยามนี้นางกลายมาเป็นอนุท่านอ๋อง หลังจากเข้ามาอยู่ในยุคนี้ได้สามปีกว่าผ่านเรื่องราวมามากมาย จากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้นอีกก็มิรู้
“เห้อ! ยิ่งกว่าการผจญภัยอีกมั่งชีวิตเรา” ตัดพ้อในใจ ทว่านางก็ต้องยอมรับ เพราะทุกอย่างมันเริ่มต้นตั้งแต่ก้าวเข้าไปในถ้ำแล้ว คงไม่มีทางหวนกลับไปได้อีกแน่
จากวันนั้นฟางซินก็ใช้ชีวิตในฐานะอนุของตี้อ๋อง และก็ผ่านมาได้ห้าวันแล้วหลังจากที่เข้ามาอยู่ในจวนนี้ ทว่ายังมิเห็นผู้ที่ขึ้นชื่อว่าสามีเลย เพราะเขาออกไปสืบเรื่องการยักยอกเงินที่เมืองฉาง ทิ้งให้อนุตัวน้อยรับราชโองการแต่งตั้งลำพัง ทว่านางก็มิได้เดือดร้อนอันใด เรียกได้ว่าถูกใจมากกว่าที่เป็นเช่นนี้
ค่ำคืนของวันที่ได้รับราชโองการ ฟางซินนั่งเคาะนิ้วคิดหาอะไรทำแก้เบื่อ เพราะมิชอบเดินไปเดินมาชมนกชมไม้เช่นสตรีชั้นสูง และยิ่งมิชอบการเย็บปักถักร้อยด้วย ทว่านางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบตรงไปที่หัวเตียง
“ลืมไปเลยว่าเก็บสิ่งนี้มา” มือเล็กคลี่เอาสมุดบัญชีออกดู คิ้วสวยเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อเห็นสิ่งที่เขียนลงบนแผ่นกระดาษ “รายการบัญชีพวกนี้มันคืออะไรกัน”
เสียงหวานเปล่งออกมาได้แค่นั้น เสียงเอะอะก็ดังขึ้นจากด้านนอก มันเงียบไปในเวลาอันรวดเร็ว ฟางซินจึงรีบกระโดดปีนขึ้นไปอยู่บนขื่อด้านบน ด้วยท่วงท่าของนักยิมนาสติก ซึ่งว่องไวและรวดเร็วจนคนร้ายที่บุกเข้ามามองมิทัน ได้แต่ยืนงงสงสัยว่านางหายไปได้อย่างไร
“หัวหน้า คนของเรารายงานว่านางอยู่ในห้องนี้ เหตุใดจึงมิมีใครเลย” เสียงหนึ่งดังขึ้น
“นั่นสิ หรือจะมีช่องลับ” เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็รีบตรวจดูตามมุมห้องรวมถึงพื้นพรมที่อาจจะปกคลุมทางหนี
“มิมีเลยหัวหน้า มันหายไปได้อย่างไรกัน” หนึ่งในคนร้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับเกาหัว มิเข้าใจว่าสตรีตัวน้อยหายไปได้เยี่ยงไร ห้องก็มิใช่ว่าจะใหญ่โต
“มาตามหาเรางั้นหรือ ไม่น่าใช่คงเป็นสมุดนี้มากกว่า” มือเล็กจับพลิกสิ่งของที่ถืออยู่ในมือ นึกขอบคุณตัวเองอยู่บ้างที่ร่ำเรียนวิชาต่อสู้มา รวมถึงยิมนาสติกเพื่อใช้ในการแสดง เพราะนอกจากเรียนฟางซินก็เป็นสตั้นในฉากบู๊ของซีรี่ย์ดังในประเทศ ไม่ว่าจะขี่ม้า ยิงธนู ต่อสู้เธอก็ได้หมด
บางที่ก็ช่วยจัดฉากโดยเฉพาะเรื่องไหนที่ต้องใช้เอฟเฟกต์ เกี่ยวกับระเบิดอะไรพวกนี้ เธอเลยไม่ตื่นกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก พ่อแม่ก็รับราชการทหาร พวกเขาสอนทุกอย่างให้เธอเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก ฟางซินเลยกลายเป็นสาวแกร่ง โดยขัดกับภายนอกที่มีใบหน้าหวาน และรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้อาภรณ์นี้
“ทว่า คนของเรารายงานว่านางยังมิทันออกไปจากห้องนี้นะขอรับ” ลูกสมุนนับสิบก็ยังวนเวียนเดินหา ทว่าภายในห้องก็ยังมิพบผู้ใด คนอยู่บนขื่อเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ เมื่อคนกลุ่มนี้มิยอมถอยออกจากห้องเลย ซ้ำยังรื้อค้นข้าวของเสียกระจุย ดูท่าคงมาหาสิ่งที่นางถืออยู่จริงๆ ทว่าฟางซินกำลังสงสัยว่าเหตุใดเวรยามในจวนถึงได้เงียบนัก
“ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ คนเหล่านี้ทำไมเข้ามาได้ง่ายจัง แล้วเวรยามไม่คิดจะเข้ามาช่วยเราเลยเหรอ” นึกในใจพร้อมกับชะโงกลงมาดูกลุ่มคนร้ายที่เดินวนอยู่ด้านล่าง ยังมิมีใครคิดว่าอนุซูที่พึ่งแต่งตั้ง จะปีนขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ เพราะได้ยินมาว่านางเป็นเพียงสาวชาวบ้าน
“พี่ใหญ่หามิเจอเลยขอรับ ข้าว่าเราออกไปจากที่นี่กันเถอะ ขืนชักช้าคนของหน่วยพยัคฆ์รู้เข้า เราอาจจะหนีออกไปมิได้นะขอรับ” สมุนที่ยืนเฝ้าหน้าประตูเอ่ยกับพี่ใหญ่ของตน เพราะรู้ดีว่าที่นี่คือจวนตี้อ๋อง หากมิได้รับค่าจ้างดีงามพวกเขาก็มิเสี่ยงอันตรายเช่นนี้เป็นแน่ ทว่ายิ่งอยู่นานมันก็ยิ่งวังเวง เพราะด้านนอกยามนี้เงียบสงัดมาก
“จริงด้วย จวนอ๋องมีเวรยามแน่นหนามาตลอด เหตุใดวันนี้ถึงได้ดูเงียบเชียบนัก” ลูกพี่ใหญ่เอ่ยเสียงกดต่ำ เขายกมือสั่งให้คนของตนสำรวจไปด้านนอก
“มิมีผู้ใดเลยขอรับ แม้แต่ยามที่เราตีก่อนจะเข้ามา” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้คนร้ายนับสิบเริ่มตื่นตระหนก
“ดูท่าเราคงหลงกลพวกมันแล้ว” เสียงรอดไรฟันเปล่งออกมา ทำให้คนบนขื่ออดหยันในใจมิได้
“หึ! พึ่งจะรู้ตัวกันเหรอ แต่อย่างว่าแหละ ใครจะคิดว่าอีตาอ๋องนั่นจะใช้อนุตัวเองเป็นเหยื่อล่อกันล่ะ” ก่นด่าเจ้าของจวนในใจ มิคิดว่าเขาจะร้ายกาจเพียงนี้ กล้าเอานางเป็นเหยื่อล่อโดยมิสนความปลอดภัยเลยสักนิด
“ในเมื่อหาคนและของมิพบ ก็แยกย้ายกันออกไป อย่าให้ถูกจับได้เชียว มิเช่นนั้นพวกเจ้าจะทรมานยิ่งกว่าตาย”
“มะ หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับลูกพี่”
“เจ้าคงมิเคยได้ยินการทรมานของหน่วยพยัคฆ์สินะ หากถูกคนของตี้อ๋องจับได้ข้าขอกัดลิ้นตายเองเสียดีกว่า” หนึ่งในคนร้ายที่เริ่มตาขาวเอ่ยขึ้น สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกพ้องของตนเป็นอย่างมาก มิเว้นแม้แต่ผู้ที่เป็นหัวหน้า นำพาพวกเขาเข้ามาในคืนนี้
“เอาเถอะ รีบออกจากจวนดีกว่า อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย แยกย้ายกันไปจะได้มิเป็นที่สังเกต” ลูกพี่ใหญ่ของกลุ่มคนร้ายออกคำสั่ง ก่อนจะก้าวออกจากห้องพักของอนุซู มุ่งหน้าออกไปยังประตูด้านหลังที่พวกเขาแอบเข้ามา ทว่ากำลังลัดเลาะอยู่ในสวนก็ถูกหน่วยพยัคฆ์ล้อมไว้เสียก่อน ทำให้เกิดการต่อสู้กันในเวลาต่อมา