6. หายไปแล้ว
ถึงจะเสเพล ทว่าเขาก็ถือตัวนัก หลับนอนกับผู้ใดก็แค่กระแทกแล้วก็ปลดปล่อย มิเคยปรนเปรอให้เลยสักคน แม้แต่อนุในจวนที่เขามีถึงสี่คน ก็ยังมิเคยได้สัมผัสแนบชิดเพียงนี้มาก่อน มิรู้เพราะเหตุใดเขาจึงมิตั้งแง่กับนาง
ลิ้นสากสอดเข้าไปอย่างเอาแต่ใจ จนคนใต้ร่างถึงกับต้านทานมิไหว สุดท้ายนางก็คล้อยตามแรงปรารถนา เพราะยาที่ตงไห่ให้กินเริ่มออกฤทธิ์แล้ว มือเล็กจึงเริ่มยกขึ้นกอดรัดคนตัวโตเอาไว้ ซึ่งเป็นที่ถูกใจของอ๋องหนุ่มยิ่งนัก แม้การตอบรับของนางจะเงอะงะ ทว่ามันก็ถูกใจเขามากเหลือเกิน ลิ้นสากจึงยังคงตวัดเกี่ยวกัน
เพราะสัมผัสนุ่มละมุนนี้เขามิเคยได้รับมันมาก่อน ทั้งหวานทั้งซาบซ่านจนมิยอมผละออก ด้านล่างก็อัดกระแทกลงถี่รัวจนคนตัวเล็กเกร็งปลดปล่อยน้ำรักออกมา อ๋องหนุ่มรู้สึกถึงไออุ่นที่รดหัวบานหยัก ซึ่งปกติเขาจะหงุดหงิดยามสตรีเสร็จสมไปก่อน
ทว่ากับนางเขากลับยินดี ก่อนจะเร่งซอยเอวสอบกระดกขึ้นลงจนน้ำขาวขุ่นพุ่งทะลักเข้าร่องรักนางจนอุ่นวาบมิต่างกัน
“อ๊า..เจ้าทำข้าเสียวมากเหลือเกิน” เสียงแหบพร่าดังขึ้น ก่อนจะจ้องมองใบหน้าหวานที่แดงก่ำแล้วในยามนี้ นางมิตอบอันใดเขาทว่ามือเล็กกลับรั้งท้ายทอยเขาลงมา
“อ๊า..เจ้าทำข้าเสียวมากเหลือเกิน” เสียงแหบพร่าดังขึ้น ก่อนจะจ้องมองใบหน้าหวานที่แดงก่ำแล้วในยามนี้ นางมิตอบอันใดเขาทว่ามือเล็กกลับรั้งท้ายทอยเขาลงมา
ลิ้นแดงสอดเข้าปากอ๋องหนุ่มโดยที่เขาเองก็ยังมิทันตั้งตัว จึงทำให้ตาโตด้วยความตกใจ ปกติมีแต่เขาที่เริ่มก่อน มิเคยมีใครกล้าหาญทำเช่นนี้ ทุกนางล้วนแต่นอนรอให้เขากระแทกเพื่อปลดปล่อย ทว่านางผู้นี้กลับเก่งกล้าบังอาจรั้งเขาลงมาแลกลิ้นกันเสียได้ แต่มันก็ถูกใจตี้ซีเหยียนยิ่งนัก
เอวสอบจึงขยับเคลื่อนตัวโยกดันท่อนลำของตนให้กดเน้นใส่ จนเสียงครางของทั้งคู่เริ่มสอดประสานกันอีกครั้ง ซึ่งมันก็เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนใต้ร่างดูจะชอบใจเป็นอย่างมาก
ตอบรับอ๋องหนุ่มราวกับคนหิวกระหาย ซึ่งดูทั้งคู่จะเข้าขากันดียิ่งนัก ร่างกำยำขยับสะโพกหนาเด้าใส่รัวเร็ว ทำให้สตรีตัวน้อยต้องดันใบหน้าคมคายออกห่าง เพื่อเผยอปากสูดเอาอากาศเข้าปอด
แรงเสียดสีด้านในร่องรักนั้นมันเสียวซ่านจนนางหายใจมิทัน ตี้ซีเหยียนมองริมฝีปากนางซึ่งบวมเจ่อก็ยิ้มชอบใจ ก่อนจะเหยียดกายตรงแล้วตรึงเอวคอดเอาไว้ท่าเดิม และอัดกระแทกเข้าใส่จนร่างเล็กสั่นคลอนไปตามแรง
“อ๊า!..ร่องของเจ้าดูดแน่นเหลือเกิน” เสียงครางกระเส่าแหบพร่าดังขึ้น พร้อมกับขยับสะโพกหนากดลงเน้นย้ำทุกครั้ง ซึ่งเขาดันท่อนลำเข้าสุดจนชนกับผนังด้านใน สองขาของนางถูกมือเรียวดันจนฉีกออกกว้าง โดยมีขาแกร่งช่วยดันเอาไว้ ทำให้ทั้งคู่ยังคงบดเบียดตัวตนแนบกัน
“อื้อ!..นายท่านข้าน้อยเสียว” เสียงครางหวานเปล่งออกมา เป็นที่ถูกใจของคนตัวโตยิ่งนัก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาประกบปากแลกลิ้นกันอีกครั้ง
ซึ่งสตรีแปลกหน้าก็ไม่ปฎิเสธแม้แต่น้อย และยังคงตอบสนองเป็นอย่างดี ทุกสัมผัสทั้งคู่ต่างก็ตอบรับกันเต็มที่ เพราะด้านบนกดเด้าใส่ ด้านล่างก็ขมิบช่องรักจนครางเสียวแทบไม่เป็นประสา
นางดูดตวัดเกาะเกี่ยวปลายลิ้นเขาจนน้ำลายไหลเยิ้มออกมา แต่ทั้งคู่ก็หาได้ใส่ใจไม่ มีแต่จะขยับสะโพกหนาถี่ขึ้นเพราะต่างก็ใกล้จะถึงจุดหมายกันแล้ว
“อ๊ะ!..นายท่านข้าจะมิไหวแล้ว..อ๊า!”
“ฮืม!..ซี๊ด!..ร่องเจ้าเอามันนัก ข้าก็จะมาแล้ว..อ๊า”
เสียงกระเส่าเปล่งตามมา พร้อมกับรั้งใบหน้าคนใต้ร่างให้อยู่ตรงกัน เพื่อให้นางจดจำว่าผู้ใดที่อยู่บนตัวยามนี้ ท่อนลำใหญ่ถูกดันเข้าออกจนเกิดเสียงหยาบโลน
“อ๊า!..ข้าเสียวหัวดุ้นเหลือเกิน..ฮืม.ร่องของเจ้าดีขนาดนี้เชียว..อ๊า..ข้าชอบ..ข้าชอบ” ชายหนุ่มเปล่งเสียงออกมาเพราะความกระสันเสียวที่มากขึ้น จนท่อนลำนั้นแข็งขืนเต็มที่ มันยิ่งเพิ่มความคับแน่นในร่องรัก
“อื้อ!..นายท่านเจ้าขาแรงอีก..อ๊า!..ข้าน้อยเสียว” เสียงหวานครางออกมา เมื่อถูกร่างแกร่งอัดกระแทกท่อนลำเข้าออกถี่รัว มิกี่อึดใจทั้งคู่ก็ปลดปล่อยใส่กันภายใน
“อ๊า!..ไม่ไหวแล้ว..ดูดดียิ่งนัก..แตกแล้ว..ฮืม” เสียงกระเส่าดังขึ้น ก่อนจะกดเน้นลงแรงๆ อีกสองสามที
น้ำรักพุ่งออกมาจนด้านในอุ่นวาบ พร้อมกับเสียงหายใจหอบถี่ที่ดังขึ้นมาแข่งกัน เพราะคนใต้ร่างก็เสร็จสมไปพร้อมกับอ๋องหนุ่ม ทำให้เนินเขาของสตรีตัวน้อยกระเพื่อมไหวไปตามแรงหายใจ จนผู้ที่อยู่บนตัวนางไม่อาจทนต่อภาพยั่วยวนเบื้องหน้าได้ เอ่ยบอกเสียงกระเส่าทันที
“ต่อเลยนะ” เขาเอ่ยเสียงทุ้ม ก่อนจะยิ้มร้ายมอบให้สตรีแปลกหน้า ซึ่งนางกำลังมองเขาด้วยสายตาเว้าวอน มันยิ่งทำให้อ๋องหนุ่มถูกใจยิ่งขึ้น ค่ำคืนหฤหรรษ์จึงบรรเลงต่อไปเสียงดังลั่นตลอดทั้งคืนกว่าทุกอย่างจะสงบลง
สายของวัน เสียงของทหารที่ตื่นขึ้นมาช่วยกันขนย้ายข้าวของส่วนหนึ่งเข้าเมือง เพราะวันพรุ่งก็ต้องเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว ทำให้คนบนเตียงเริ่มงัวเงียตื่น
และเป็นคราแรกที่ตี้ซีเหยียนอนุญาตให้สตรีนอนค้างคืนด้วย ทว่าพอเปิดเปลือกตาขึ้น และเอียงตัวหมายจะควานหาร่างเล็กที่นอนกอดเมื่อคืน กลับไร้เงาของนาง ซึ่งควรจะนอนอยู่บนเตียงกับเขา เพราะเมื่อคืนถูกจับกินไปหลายรอบ
“หายไปไหนแล้ว นี่นางยังมีแรงลุกออกไปอีกหรือ” เสียงบ่นดังขึ้น ก่อนจะมีเสียงหายใจดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะอารมณ์ที่หงุดหงิดขึ้นมาดื้อๆ
“ตงไห่!!” เสียงเรียกตะโกนดังขึ้นทันที พร้อมกับใบหน้าบูดบึ้งของอ๋องหนุ่ม ซึ่งคนสนิทถึงกับผูกคิ้วเข้าหากันทันที
“มีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” จงฟานซึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับสหายเอ่ยถามผู้เป็นนาย
“สตรีเมื่อคืนอยู่ที่ใด” ถามเสียงห้วน ก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัว ใบหน้าก็ยังคงบูดบึ้งตามอารมณ์
“เสร็จงานนางก็รับเงิน รีบออกไปจากที่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ถามหาเช่นนี้นางทำสิ่งใดมิถูกใจหรือพ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวกระหม่อมจะส่งทหารออกไปตามล่า” คนสนิทรีบเอ่ยบอก
“ช่างเถอะ ก็แค่สตรีนางเดียว” เอ่ยเสียงเบื่อ เพราะคิดว่าจะหาสตรีเช่นนี้ที่ไหนก็ได้ เขามีเงินมีอำนาจไยต้องให้คนตามหาสตรีที่คนสนิทซื้อมาให้กิน
“ฉางอี้ออกไปขุดคลองแล้วหรือ” หันมาถามถึงสหายที่น่าจะตื่นนานแล้ว เพราะแม่ทัพหนุ่มเป็นเช่นนี้เสมอ
“ไปแต่เช้าแล้วขอรับ วันนี้พาฮูหยินไปด้วย เพราะว่าคนป่วยมิค่อยมี หมอที่เหลือก็พอดูแลได้” บอกก่อนจะช่วยผู้เป็นนายแต่งตัว จึงได้ยินเสียง หึ! ดังขึ้น
“มีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” คนสนิทขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะเสียงนี้ฟังดูเย้ยหยันอยู่ในที ทำให้เขาอดสงสัยมิได้ว่า ผู้เป็นนายจะเอ่ยถึงสหายเช่นใดอีก
“ข้าก็แค่มิอยากเชื่อว่าฉางอี้จะตกม้าตายเพราะสตรีนางเดียว หึ! อ่อนหัดสิ้นดี” ตี้ซีเหยียนเอ่ยเยาะสหาย ซึ่งอีกฝ่ายมิได้อยู่ที่นี่ด้วย จงฟานจึงได้แต่ยิ้มแหยมิกล้าออกความคิดเห็น เพราะเรื่องเช่นนี้หากมิเจอกับตัวก็คงพูดได้
คนเราเมื่อเจอคนที่ถูกใจ จากแข็งก็กลายเป็นอ่อน มีให้เห็นกันนักต่อนักแล้ว ตี้อ๋องก็มิแน่ว่าจะพ้น เพราะหลังจากนั้นมา ตี้ซีเหยียนก็เริ่มปลดอนุปีละคนสองคน จนกระทั่งมิเหลือแม้สักนาง