บท
ตั้งค่า

4. ลักพาตัว

เพื่อนบ้านวิ่งมาแจ้งข่าวร้าย ร่างเล็กรีบวิ่งตรงไปยังทิศใต้ซึ่งเป็นที่พักพิง พอมาถึงตรอกเล็กก่อนจะถึงบ้านก็ถูกกลุ่มคนขวางเอาไว้เสียก่อน

“เจ้าคือหลานสาวของหญิงชราผู้นั้นสินะ” ตงไห่คนสนิทของตี้อ๋องเอ่ยขึ้น ฟางซินจึงได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายนิ่ง เพราะเขาดูหน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน ทว่า! ในใจนั้นร้อนรุ่มอยากกลับไปดูผู้มีพระคุณเต็มที แต่คนเหล่านี้กลับยืนขวางเอาไว้ มิยอมเปิดทางให้

“ข้ารีบ ช่วยหลีกทางให้ที” บอกพร้อมกับใช้มือดันอีกฝ่าย ทว่าคนผู้นี้ก็แข็งแรงเหลือเกินมิกระเทือนสักนิด

“ไปกับเรา” เอ่ยเพียงเท่านั้น นางก็ถูกสับเข้าที่คอจนหมดสติ ต่อหน้าซานตงซึ่งเป็นสหายรุ่นพี่ที่วิ่งตามมา ทว่าพอเห็นดาบของคนกลุ่มนี้เขาก็ยืนตัวสั่นงันงก มิกล้าเข้ามาช่วยสตรีที่เขามีใจชอบพอ ตงไห่มองด้วยหางตาก่อนจะสั่งคนของตนจัดการให้ซานตงสลบไปเสีย เขาแบกสตรีตัวน้อยขึ้นบ่าแล้วตรงไปยังรถม้าที่จอดรออยู่

ร่างเล็กถูกโยนลงบนพื้นพรมอย่างไม่ถนอมเลยสักนิด ทว่านางก็ยังหมดสติ จนผู้ที่นั่งอยู่ในรถม้าอดที่จะเอาเท้าเขี่ยให้นางตื่นมิได้ แต่อีกฝ่ายก็มิรู้สึกตัวเลย

“ไร้ประโยชน์สิ้นดี” เสียงกดต่ำดังขึ้นมา พร้อมกับสายตาเหยียดมองไปยังร่างเล็กซึ่งผมเผ้ายุ่งเหยิงฟุบอยู่กับพื้นรถม้า ที่โยกคลอนเพราะกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง

เช้าวันใหม่ เปลือกตาเรียวเปิดขึ้นหลังจากที่หลับไปตลอดคืน เพราะรถม้ากำลังเคลื่อนเดินทางต่ออีกครั้ง ร่างเล็กลุกขึ้นถดไปอยู่ที่มุม เงยหน้ามองคนตัวโตท่าทางดุ เขาดูมิน่าไว้ใจเลยสักนิด แม้จะหน้าตาดีก็เถอะ

“ไยต้องจับข้ามา ท่านยายข้าล่ะ” รีบถามเขาทันที คิดว่าอย่างไรคนผู้นี้ก็ต้องรู้เรื่องของผู้มีพระคุณเป็นแน่ มิเช่นนั้นคนที่สับคอนางคงมิเอ่ยถึงท่านยาย

“ตายแล้ว ต่อจากนี้เจ้าต้องอยู่กับข้า” ตี้อ๋องตอบหญิงสาวตรงหน้า เนื้อตัวนางก็ดูมอมแมมเป็นอย่างมาก คงเพราะก่อนนั้นเก็บผักดินเลยเปื้อนตามอาภรณ์

และยังลามมาตามเนื้อตัวเพราะคลุกดินตอนที่ถูกตงไห่สับต้นคอ นางล้มลงฟุบกับพื้น เพราะคนสนิทของตี้อ๋องมิได้รับตัวไว้เลย ใบหน้าจึงเปรอะเปื้อนจนดูมิได้ ไหนจะคราบครีมพอกหน้าก่อนนั้นที่ทาเอาไว้อีก

“แต่ข้ามิใช่คนของท่าน เลือกได้ว่าจะอยู่หรือไม่ก็ได้” นางยังคงมิยอมจึงต่อปากกับเขา สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือยิ้มหยัน หากสตรีตรงหน้ารู้ว่าเขาเป็นใครคงมิเอ่ยเช่นนี้

“เจ้ามิมีสิทธิเลือก ทุกอย่างขึ้นตรงกับข้า” เสียงกดต่ำเปล่งออกมา พร้อมกับนัยน์ตาคมจ้องมองอย่างเป็นต่อ คนถูกบังคับหาได้ใส่ใจคำของอีกฝ่าย นางลุกขึ้นหมายจะออกไปจากรถม้าที่ยังวิ่งอยู่ ทว่าพอเปิดผ้าม่านได้ ก็ต้องมุดหน้ากลับเข้ามาตามเดิม พร้อมกับถอนหายใจแรง

“หึ! นึกว่าจะเก่งกว่านี้เสียอีก” เสียงหยันดังมา

“ชิ! ใครมันจะโง่กระโดดลงไป” เอ่ยแล้วก็หันหลังให้เขา จริงอย่างที่นางเอ่ย ผู้ชายมากมายบังคับม้าขนาบข้างนับสิบ กระโดดลงไปมีหวังถูกฆ่าหมกป่าแน่ ฟางซินได้แต่นั่งกอดเข่าเหลือบมองเจ้าของรถม้าด้วยความหมั่นไส้

“เขาจะพาเราไปไหนกันนะ ป่านนี้จะมีคนจัดการงานศพคุณยายหรือยัง หนูขอโทษนะคะที่อกตัญญู ไม่ได้อยู่ดูแลงานศพด้วยตัวเอง” นึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฟางซินยังมิทันได้รู้ต้นสายปลายเหตุด้วยซ้ำเรื่องการตายของผู้มีพระคุณ พอเพื่อนบ้านแจ้งข่าวว่ายายเจียงเสียก็รีบวิ่งกลับเรือนทันทีมิได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลย

ตี้ซีเหยียนมองสตรีตรงหน้าก็พาให้หงุดหงิด เขามิน่ารับปากคนแก่เลย ทว่าหากนางมิเข้ามาขวางทางลูกดอกอาบยาพิษ เขาก็คงตายอยู่ในเรือนนั้นไปแล้วกระมัง คำขอของคนใกล้ตายตี้อ๋องจึงจำต้องทำตาม รอแค่ถึงเมืองหลวงก็จะทิ้งนางไว้ที่จวน เพียงเท่านั้นก็หมดภาระที่รับคำกับหญิงชราได้แล้ว นั่นคือสิ่งที่ตี้อ๋องตั้งใจเอาไว้

พลบค่ำ รถม้าจอดพักที่เมืองหนึ่ง ก่อนจะถึงเมืองหลวง ระยะห่างอีกหนึ่งร้อยลี้ [50 กิโลเมตร]

“ลงไป” เสียงกดต่ำดังขึ้น พร้อมกับนัยน์ตาคมจ้องมา

“ชิ! ทำอย่างกับคนเขาอยากจะนั่งอยู่ด้วย” บ่นออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเปิดม่านออกมายืน สายตาทุกคู่หันมาที่นางเป็นตาเดียวจนฟางซินต้องลอบกลืนน้ำลาย

“หลบอย่าขวางทาง” ไม่ว่าเปล่าแต่มือเขายังผลักคนตัวเล็กกว่าจนเซตกลงจากรถม้าด้วย ดีที่ฟางซินเป็นนักกีฬามาก่อน เลยลงมายืนในท่าที่มั่นคงได้ มิล้มลงไปให้เหล่าบุรุษนับสิบได้ขบขัน หากเป็นเช่นที่คิด

เพราะดูท่าแต่ละคนคงปรามาสนางมิน้อย หลังจากถูกสับคอครั้งเดียวก็หลับเป็นตายข้ามคืน ก็คนมันมิทันตั้งตัว เป็นใครจะไม่ล้มทั้งยืนบ้าง รอให้มีโอกาสก่อนเถอะ

“นี่อาหารเจ้า ทำกินเองแล้วกัน” จงฟานยื่นปลาตัวใหญ่ให้กับหญิงสาว คราแรกจะทำให้กินเอง แต่ถูกเหล่าสหายดักทางเอาไว้เสียก่อน เลยต้องยื่นส่งให้ทั้งที่ปลายังเป็นอยู่

“ขอบคุุณเจ้าค่ะ” มือเล็กรับมาก่อนเดินตรงไปยังกิ่งไม้แห้ง แล้วใช้ไม้เสียบปากปลาจนทะลุไปถึงหาง ชายฉกรรจ์ทั้งหมดพากันมองด้วยความอยากรู้ว่านางจะทำเช่นไรต่อ ท่าทางชำนาญและคล่องแคล่วนี้น่าสนใจยิ่งนัก ตี้อ๋องเองก็มิละสายตา เพียงแต่มิได้มองนางตรงๆ

“ข้าขอไปตรงนั้นได้หรือไม่” ชี้ไปที่ทุ่งหญ้า ซึ่งบริเวณนั้นมีหญ้าแห้งตายเป็นเวิงกว้าง

“ก็ไปสิ อย่าคิดวิ่งหนีเชียว เจ้าไปไม่พ้นหรอก”

“ชิ! ใครเขาจะโง่เช่นที่เจ้าเอ่ยกันล่ะ” ตอบกลับพร้อมกับคว่ำปากใส่ ตงไห่ถึงกับขบกรามแน่น หากนางมิใช่หลานสาวของผู้มีพระคุณเจ้านายเขาคงจัดการไปแล้ว

ตี้อ๋องยกยิ้มที่มุมปากอย่างที่มิเคยทำมาก่อน เป็นเพราะเขาพึ่งเห็นคนสนิทถูกย้อนคำเป็นคราแรก ในหน่วยนี้แค่ชาวบ้านได้ยินชื่อก็ตื่นกลัวกันแล้ว แต่สตรีผู้นี้กลับกล้าต่อปากต่อคำกับคนที่ลงมือสับคอนางได้ ช่างมิเกรงดาบที่คนสนิทเขาถืออยู่เสียเลย

ด้านฟางซิน นางเดินมาหยุดที่พงหญ้าแห้ง แต่ตรงกลางเป็นดินสีขาวปรากฏอยู่บนผิวเป็นหย่อม ๆ เนื้อดินฟุ้งกระจายแตกมิจับตัว นางนั่งยองๆ ลงมองเล็กน้อย

“น่าจะเป็นดินเค็ม” มิเอ่ยเปล่าแต่ใช้มือเขี่ยแล้วเอามาแตะลิ้นเสียอย่างนั้น ทำเอาบุรุษที่มองอยู่ต่างก็พากันขมวดคิ้ว มองการกระทำของนางเป็นตาเดียว

นางเทน้ำลงดินเล็กน้อย แล้วขุดเอามาพอกปลาที่เสียบไม้อยู่ อันที่จริงฟางซินจะย่างกินเลยก็ได้ แต่ดันมองเห็นดินเค็มเข้าพอดี เลยอยากเพิ่มรสชาติของอาหารที่จะเอาใส่ปากของตนก็เท่านั้น

“หึ! เจ้าทำบ้าอันใดกัน หากมิกินไยมิส่งคืนข้ามา ทำให้เสียของเช่นนี้ได้เยี่ยงไร” ตงไห่รีบส่งเสียงตำหนิสตรีตัวน้อยทันที แต่อีกฝ่ายทำเพียงแค่มองหน้าเขาเท่านั้น ซ้ำยังเดินมานั่งย่างปลาหน้าตาเฉย มิเอ่ยบอกยุทธวิธีในการปรุงอาหารอันเลิศรสที่กำลังจะมีขึ้นในอีกมิช้า 

#อยากหัวเราะคนผลักน้องลงรถม้า อีกหน่อยจะเป็นยังไงนะ 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel