บท
ตั้งค่า

13. สิ่งที่ตามหา

“อะไรกัน เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย ทำเหมือนเป็นห่วง แล้วก็มาพูดจาเหน็บแนมใส่เนี่ยะนะ” ฟางซินนึกในใจ มองหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับคิ้วสวยที่ผูกกันเป็นปม

“คนผู้นั้นลงมือสังหารท่านยายจริงหรือเพคะ” เอ่ยถามในสิ่งที่สงสัยมานาน ในเมื่อเขาต้องการให้ช่วย ก็ควรบอกเรื่องเกี่ยวกับการตายของยายเจียงให้ชัด

“เอ่ยเช่นนี้อนุซูคิดว่าพวกเราเป็นคนลงมือกระนั้นหรือขอรับ” จงฟานถามขึ้นมาบ้าง หลังจากฟังอยู่นาน

“ก็ข้ามิเห็น พวกเจ้าจะเอ่ยเช่นไรก็ได้” ตอบอย่างที่คิด

เป็นเหตุให้ตี้อ๋องถึงกับหงุดหงิดขึ้นมา เพราะดูเหมือนอนุของตนจะเชื่อคนยากแม้เขาจะบอกกล่าวเอง ทางเดียวที่จะให้ฟางซินเชื่อเขาคงต้องบอกสาเหตุที่แท้จริงแล้ว

“ท่านยายที่อุปการะเจ้าคือแม่นมของข้าเมื่อยี่สิบปีก่อน เหตุนี้นางจึงเอาตัวมาบังลูกดอกจนต้องตายแทนข้า หากนางเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา มีหรือที่ข้าจะต้องรับปากพาเจ้ามาเป็นอนุเช่นนี้ ครานี้เข้าใจหรือยังว่าเหตุใดข้าจึงต้องการรู้ว่าพวกมันหาสิ่งใดกันอยู่”

“ท่านยายคือแม่นมของท่านอ๋อง เหตุใดนางถึงมีชีวิตลำบากเช่นนั้นล่ะเพคะ” อดสงสัยมิได้ เพราะหญิงชราอยู่ลำพังในบ้านหลังเล็ก โดยมิมีผู้ใดใส่ใจ หากนางเคยเป็นแม่นมจริงไยท่านอ๋องมิดูแลนางเลยสักนิด

“นางทำผิดคบหากับองครักษ์ จึงถูกขับออกจากวัง ช่วงแรกก็ยังได้รับข่าวอยู่บ้าง ทว่าผ่านไปหลายปีก็มิได้ข่าวคราวอีกเลย จนกระทั้งข้าพบนางอีกก่อนจะตายแค่ห้าวัน ยังมิทันได้ตอบแทนบุญคุณ ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน”

ตี้อ๋องบอกตามจริง เพราะคนตัวเล็กดูท่าจะจับสังเกตเก่ง หากเขาเอ่ยเป็นอย่างอื่น นางก็ต้องสงสัยอีกเป็นแน่

“ข้าบอกความจริงกับเจ้าหมดแล้ว ครานี้ควรเป็นเจ้าที่ต้องเอ่ยความจริงออกมาเสียที” เสียงกดต่ำดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าอีกมินานใบหน้ายิ้มแย้มนี้ จะต้องแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งในอีกมิช้า หากอนุตัวน้อยยังคงอ้ำอึ้งมิบอกความจริงกับเขาเสีย

“เรื่องนี้เราคุยกันในห้องได้หรือไม่เพคะ” คำตอบของนางทำให้ทุกคนต่างก็หันมามองเป็นตาเดียว 

ภายในห้องนอนของฟางซิน ยามนี้ตี้อ๋องนั่งที่โต๊ะกลางห้อง หลังจากเดินตามอนุตัวน้อยของตนเข้ามา แม้คนสนิทอย่างตงไห่จะเอ่ยคัดค้าน เพราะเกรงว่านางจะใช้มารยาหลอกล่อผู้เป็นนายเช่นที่เขาคิด

ร่างเล็กเดินไปที่เตียง คุกเข่าลงแล้วก็สอดมือเข้าใต้เตียงควานหาบางสิ่งที่โยนเข้าไป ทว่าแขนนางก็สั้นเกินจึงทำให้วนอยู่นานจนตี้อ๋องถึงกับส่ายหัว เมื่อเห็นท่าทางของนางที่ก้มแนบกับพื้นเพื่อหยิบเอาบางอย่างด้านใน

ร่างสูงเดินเข้ามาก่อนจะคุกเข่าลงด้านหน้านางก้มส่องเข้าไปใต้เตียง ริมฝีปากหนาเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่านั่นคือสมุดบัญชี ซึ่งมันน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้อนุเขาถูกตามล่า

“ข้าจัดการเอง” บอกก่อนจะดึงเอาร่างเล็กขยับออกมา ตี้อ๋องหมายจะก้มลงไปดูว่ามันสามารถเอื้อมถึงหรือไม่ ทว่าพอฟางซินเงยขึ้นใบหน้าทั้งคู่ก็อยู่ห่างแค่คืบ

ทุกอย่างหยุดนิ่งมีเพียงเสียงของลมหายใจที่เปล่งออกมาให้ได้ยิน ดวงตาสวยสบเข้ากับนัยน์ตาคม ซีเหยียนลอบกลืนน้ำลาย เพราะเป็นคราแรกที่เขาได้อยู่ใกล้นาง กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้าจมูกจนเผลอสูดดม

แก้มเนียนใสแดงระเรื่อขึ้นทันที ใบหน้าก็เห่อร้อนจนหูเริ่มแดง นางผงะถอยหนีเพราะตกใจ จึงทำให้เซจนเกือบจะล้ม ทว่าสามีก็ยื่นแขนมาเกี่ยวเอวคอดเอาไว้ได้ทัน เขารั้งนางเข้ามาจนร่างกายแนบชิดกัน

สองมือเล็กยกขึ้นมาวางบนไหล่แกร่ง โดยที่เอวคอดก็ถูกสามีโอบกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่ปลายจมูก นัยน์ตาคมจ้องสบตานาง และเลื่อนต่ำลงมายังปากอิ่ม ซึ่งยามนี้นางขบเม้มริมฝีปากไว้ บ่งบอกถึงอาการประหม่าจนเห็นได้ชัด ยิ้มร้ายผุดขึ้นทันที

“หึ! เห็นทุกทีเก่งนักมิใช่หรือ ไยยามนี้ถึงได้ตื่นนัก หรือว่าสิ่งที่เห็นก่อนนั้นมันแค่เสแสร้งเท่านั้น” ไวกว่าความคิด มือเรียวก็เลื่อนขึ้นมาที่ท้ายทอยนาง

ริมฝีปากหนาประกบลงในยามที่นางมิทันตั้งตัว อนุตัวน้อยมิอาจดิ้นหนีหรือผลักไส เพราะถูกมือเรียวตรึงเอาไว้แน่น เอวคอดก็ถูกกอดรัดไว้ พร้อมกับสัมผัสเอาแต่ใจของตี้อ๋อง ซึ่งยามนี้ขบเม้มปากอิ่มให้เปิดออก ก่อนจะสอดลิ้นอุ่นเข้าไปด้านในควานหาความหวานที่ซ่อนอยู่

ฟางซินต่อต้านในคราแรก ทว่ามินานสัมผัสคุ้นชินมันก็นำพาให้นางคล้อยตามเขา ตอบรับลิ้นอุ่นที่ตวัดเกาะเกี่ยวกันเป็นที่ถูกใจของตี้อ๋องเป็นอย่างมาก จนเขารั้งนางให้เข้ามาแนบชิดมากกว่าเดิม พร้อมกับตรึงใบหน้างามให้หันตามทิศทางที่เขามอบจูบให้

ตี้ซีเหยียนมิเคยบดจูบกับสตรีมาก่อน มีแค่อนุผู้นี้และใครบางคนที่อยู่ในความทรงจำของเขาเมื่อเกือบสี่ปีก่อน ซึ่งตี้อ๋องมิเคยลืมนางเลย และมันทำให้นับแต่นั้นเขามิค่อยเข้าใกล้สตรีอีก ทว่าฟางซินกลับทำให้เขาโหยหา และอยากเข้าใกล้นางต่างจากสตรีอื่น เช่นยามนี้ที่เขากำลังรั้งนางเข้าหาจนแทบจะกลายเป็นร่างเดียวกัน

เสียงครางดังขึ้นในลำคอของทั้งคู่ มือเล็กซึ่งเคยวางที่บ่า ก็แปรเปลี่ยนเป็นโอบรอบคอตี้อ๋องเอาไว้ จนลืมไปเลยว่าก่อนนั้นทั้งคู่มิถูกกัน และเขาก็บอกว่ามิพิศวาสนาง ทว่ายามนี้ตี้อ๋องกลับเอาแต่ตวัดเรียวลิ้นเกาะเกี่ยวกับตน จนความวาบหวามแผ่ซ่านไปทั่วร่าง

สัมผัสหวานละมุนเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมือใหญ่เริ่มอยู่มิสุขกระตุกเชือกผูกเอวนางออก ทำให้อาภรณ์ที่สวมอยู่เริ่มหลุดรุ่ยจนเผยไหล่ขาวเนียน เหลือเพียงซับในสีขาวปักลายโบตั๋นซึ่งปิดสองเต้าอวบได้เพียงแค่ครึ่งเท่านั้น

สัมผัสเย็นวาบทำให้ฟางซินได้สติ รีบดันแผงอกแกร่งออกห่างทันที น้ำลายจากปากไหลยืดลงมาเป็นสาย พร้อมกับดวงตาสวยหยาดเยิ้ม ทว่าฟางซินก็ต้องยับยั้งชั่งใจ มิให้เกิดเรื่องเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบของทั้งคู่

“พะ…พอเถอะเพคะ” บอกพร้อมกับก้มหน้าหนี ซึ่งคนตัวโตก็มิได้กล่าวอันใด ทำเพียงแค่ยื่นมือลงมาจับชายเสื้อขึ้นคลุมให้นางตามเดิม และยังผูกเชือกคืนให้ด้วย

นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้าหวานที่เอาแต่ก้ม ซึ่งยามนี้นั่งแหมะลงกับพื้น สองมือก็ยกขึ้นกำปกเสื้อของตนแน่น “ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน” นึกในใจพร้อมกับยิ้ม

“ขยับออกสิ หรืออยากให้ข้าทำเหมือนเมื่อครู่อีก หรือว่าติดใจ” เสียงทุ้มเปล่งออกมา พร้อมกับยื่นหน้าเข้าใกล้ จนคนตัวเล็กรีบกระเถิบหนีไปจนสุดพื้นเตียง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel