บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

ขณะทิมล๊อคประตูรถอยู่นั้น โจก็เงยขึ้นมองด้านหน้าของตัวบ้าน มันเป็นตัวอาคารทรงสูงอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างโทรมมีระเบียงยาวรายล้อมไว้อันเป็นลักษณะของทาวน์เฮ้าส์แบบเอ็ดเวิร์ด

“โจสำหรับเรื่องเมื่อคืนนี้....” ทิมเอ่ยขึ้นขณะเอากุญแจใส่กระเป๋ากางเกง

“ฉันไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนั้นอีก” โจคู้ไหล่ลง “ที่จริงงานมันก็สนุกดีหรอกนะ ฉันว่าเราลืมมันเสียดีกว่า”

แต่ที่จูดี้ทำกับคุณมันน่าตำหนิมาก....”

“ก็แค่ผู้หญิงขี้หึงคนหนึ่งเท่านั้นล่ะน่าทิม ต่อสู้เพื่อแย่งชิงผู้ชายคนเดียวกัน ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละเหมือนกันหมดทุกคน มันเป็นสัญชาติญาณดิบมากกว่า”

“อ้าว ! แล้วคุณไม่คิดจะต่อสู้บ้างหรอกเหรอ ?”

“เพื่ออะไร เพื่อนิคน่ะเหรอ ?” เธอฝืนยิ้มให้เขา “ฉันว่าเราไปดูเขาระลึกชาติกันจะดีกว่า” แต่ทิมกำลังมองหน้าเธออย่างจะเตือน

“โจคนดี คุณช่วยจำไว้หน่อยได้ไหมว่าผู้ชายนี้เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนนะ อย่าทำอะไรหักหาญเกินไปนัก”

“ฉันไม่เคยคิดจะหักหาญเอากับใครทั้งนั้นแหละ ทิม” เธอใช้นิ้วหัวแม่มือเกี่ยวสายกระเป๋าถือขึ้นคล้องไหล่ “ตอนนี้ฉันทำหน้าที่เป็นนักสังเกตการณ์ที่ดีที่สุดอยู่แล้วและขอรับรองว่าจะไม่วิจารณ์อะไรออกมาเลยแม้แต่คำ เดียว”

ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดกระโปรงยาวเดินมาเปิดประตูบ้านด้านหน้าให้ พวงผมรัดรวบไว้หลวมเป็นหางลา ในมือถือกระดานเหน็บเอกสารอันหนึ่งไว้

“คุณเฮชแชมกับคุณคลิฟฝอร์ดนะคะ” เธอเอ่ยขึ้นเหมือนจะยืนยัน “คนอื่นๆ เขามาพร้อมกันหมดแล้วล่ะค่ะเชิญตามฉันมาได้เลย”

ห้องโถงทางเดินที่ค่อนข้างสลัวปูไว้ด้วยพรมเนื้อหนาสีน้ำตาลเข้มทำให้ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าขณะที่คนทั้งสองเดินตามเธอผู้นั้นผ่านห้องต่างๆ หลายห้องที่ปิดประตูไว้และขึ้นบันไดต่อไปยังชั้นสอง ห้องนั้นเป็นห้องใหญ่หันหน้าออกสู่สวนไม้ดอกแคบๆ ทางด้านหลังของตัวบ้าน ทั้งสองได้พบบิลล์ วอลตันกับคนอื่นอีกสิบสองคน ซึ่งนั่งรอกันอยู่ในเก้าอี้ที่จัดขึ้นเป็นรูปวงกลม วอลตันยื่นมือมาให้สัมผัส

“สบายดีหรือ ?” เขาถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “เออ ทิมผมทำตามที่คุณขอร้องมาแล้วนะ ผมบอกให้ทุกคนที่นี่ทราบกันแล้วว่าวันนี้มีนักข่าวชายหญิงมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ก็ไม่มีใครคัดค้านหรอก” เขาเป็นบุรุษร่างเล็กอายุประมาณห้าสิบ เรือนผมสีน้ำตาลค่อนข้างยุ่ง โจจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สีเขียวขณะสัมผัสมือกับเขา

จากที่ใดที่หนึ่งข้างนอกมีเสียงเด็กเล่นกันอยู่ในท่ามกลางแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ดังเอะอะเกรียวกราวเธอได้ยินเสียงตะโกนด้วยความตื่นเต้น เสียงลูกบอลที่ถูกเตะเต็มแรง แต่ทว่าภายในห้องนี้บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความเงียบสงบดังที่คาดหมายไว้ เธอมองเห็นเด็กสาวสองคนนั่งเคียงกันอยู่ในเก้าอี้ปลายแถวสีหน้าบอกความตื่นกลัวบ้าง ที่นั่งถัดจากเด็กสาวสองคนเป็นผู้ชายสวมเสื้อสเว็ตเตอร์คอตลบกำลังกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับเพื่อนและหัวเราะกันเบาๆ

สภาพภายในห้องเห็นได้ชัดว่าเป็นห้องทำงานที่ค่อนข้างกว้าง บรรยากาศน่าสบาย ไม่มีความเป็นระเบียบเหมือนห้องทำงานทั่วไป ผนังด้านหนึ่งเต็มไปด้วยหนังสือ ส่วนฟากที่อยู่ตรงข้ามประดับด้วยภาพเขียนแบบญี่ปุ่น โจเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่เหลืออยู่ส่วนทิมเลื่อนร่างเข้าไปนั่งทางด้านหลังของเธอ เขาถอดครอบเลนส์กล้องถ่ายรูปออกและเอาวางลงบนเก้าอี้ข้างตัว

วอลตันเดินไปที่หน้าต่างรูดผ้าม่านเข้ามาครึ่งหนึ่งปิดบังแสงสีทองยามพลบค่ำลง จากนั้นก็เดินไปกดสวิทช์โคมไฟตั้งโต๊ะแล้วจึงหันมายิ้มกว้างให้กับทุกคนที่นั่งรวมกันอยู่ภายในห้อง

“ท่านสุภาพสตรีและท่านสุภาพบุรุษครับ ก่อนอื่นผมขอต้อนรับทุกท่านที่ได้มารวมกันอยู่ ณ ที่นี้ ผมหวังว่าในค่ำวันนี้ท่านจะได้รับทั้งความรู้และความสนุกไปพร้อมกัน แต่ก่อนที่เราจะเริ่มดำเนินรายการผมอยากบอกกับทุกท่านว่าไม่มีสิ่งใดที่ท่านต้องกลัวเลย ไม่มีผู้ใดจะรับการสะกดจิตได้ถ้าเขาไม่ต้องการ” เขาเหลือบตามองมาทางโจที่กำลังหยิบโน้ตออกมาจากกระเป๋าถือและเอาวางไว้บนเข่า

“ปกติแล้ววิธีการดำเนินงานของผมก็คือทำการทดลองง่ายๆ เสียก่อน เพื่อหาว่ามีใครในพวกท่านเหมาะสมเป็นผู้รับการทดลองสะกดจิตที่ดีได้ และจากกลุ่มผู้ที่ผมเห็นว่าเหมาะสมผมจะขออาสาสมัครเพื่อรับการสะกดจิตในขั้นลึกเพื่อย้อนอดีตถ้าเป็นไปได้”

“ผมขอเน้นว่าสิ่งที่ผมกล่าวมานี้ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้เสมอไป เพราะมีอยู่หลายครั้งที่ผมพบว่าในท่ามกลางผู้เข้าชมไม่มีผู้ใดเหมาะสมเข้ารับการสะกดจิตในขั้นลึกได้เลย” เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “เพราะเหตุนี้ล่ะครับผมจึงพอใจกับวิธีการสะกดจิตหมู่ที่มีผู้เข้าร่วมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป เพราะมันทำให้ผมมีโอกาสเลือกได้มากขึ้น”

โจขยับตัวอย่างอึดอัดยกขาขึ้นไขว่ห้าง เหลือบตามองไปรอบๆ ก็เห็นทุกคนที่นั่งรวมกันอยู่ในห้องกำลังมองหน้าวอลตันอย่างตั้งอกตั้งใจฟังในทุกสิ่งที่เขาพูดคล้ายกับถูกสะกดจิตไปแล้วครึ่งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ เสียงทุ้มนุ่มนวลของวอลตันชักชวนใจผู้ฟังให้เคลิบเคลิ้มตามเขาไปได้

“เอาละครับ” เขาเดินไปนั่งตรงขอบโต๊ะทำงานหันมาเผชิญหน้ากับทุกคน “ตอนนี้ผมอยากให้ทุกคนมองมาที่นิ้วผม” เขายกนิ้วชี้ขึ้นช้าๆ จนอยู่ระดับเดียวกับดวงตา “เมื่อผมยกมือขึ้นท่านจะพบว่ามือของตัวเองพลอยยกตามขึ้นมาด้วยราวกับมันมีวิญญาณของมันเอง”

โจรู้สึกว่านิ้วมือของตัวเองรัดอยู่รอบดินสอที่ถือไว้กระชับแน่นเข้า มือทั้งสองข้างยังคงวางอยู่บนตักอย่าง แนบแน่น จากปลายหางตาเธอมองเห็นมือของผู้ชายผู้ที่นั่งอยู่ติดกันกำลังบิดอย่างพร้อมจะเคลื่อนไหว แต่แล้วก็ตกลงบนเข่า เธอสังเกตเห็นลูกกระเดือกที่เคลื่อนขึ้นลงขณะเขากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืนใจเต็มที

เธอหันกลับไปมองวอลตันผู้กำลังมองดูปฏิกิริยาที่กำลังเกิดอยู่กับทุกคนอย่างไม่สนใจเท่าไร

“เอาละครับดีมาก ตอนนี้ผมอยากให้ทุกคนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบาย เพ่งสายตามองมาที่แสงไฟบนโต๊ะทำงานข้างหลังผมนี่ก็ได้ แสงนั่นมันจัดจ้าจนตาคุณทนไม่ไหว ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ลองหลับตาลงพักสายตาเสียสักครู่ก็ได้นะครับ” น้ำเสียงทุ้มมีอิทธิพลอย่างใหญ่พลวงมันคล้ายจะปลอบประโลมทุกคนให้คล้อยตามในสิ่งที่เขาพูด

“ดีมาก ตอนนี้แม้ว่าคุณพยายามลืมตาขึ้นแต่ก็พบว่าตัวเองทำไม่ได้เอาเสียเลย เปลือกตาของคุณปิดสนิทแสงไฟนั่นมันสว่างมากจนคุณไม่อยากมองดูมัน” โจมีความรู้สึกว่าเล็บแข็งๆ กำลังจิกลงไปกลางใจมือ เธอโน้มตัวไปข้างหน้ากวาดสายตามองไปตามแถวที่คนอื่นนั่งอยู่ มีอยู่สองคนกำลังกะพริบตาถี่อย่างต่อต้าน ส่วนที่เหลือนั่งกันอยู่อย่างเงียบกริบเปลือกตาปิดสนิท วอลตันกำลังยิ้ม เขาลุกขึ้นเดินไปบนพื้นพรมช้าๆ

“ตอนนี้ผมแตะมือของคุณละนะครับ ทีละคนๆ และเมื่อผมจับมือของคุณให้ยกขึ้นคุณจะพบว่าไม่สามารถบังคับให้มันลดลงได้” ในน้ำเสียงมันมีอำนาจบางอย่างแฝงอยู่ เขาเดินเข้ามาหาผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้างโจ ไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย ดวงตาของผู้ชายคนนั้นเบิกกว้างบอกความตื่นตกใจ วอลตันเอื้อมมาจับข้อมือของเขาและยกมือที่อ่อน เปลี้ยขึ้นแล้วก็ปล่อยออก

โจแปลกใจที่เห็นมือนั้นยกค้างอยู่ในอากาศวอลตันมิได้พูดอะไรออกมาอีก เขาเดินผ่านไปยังคนอื่นที่นั่งอยู่ในแถว จากทางเบื้องหลังโจได้ยินเสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น

ครู่ต่อมาวิธีการก็เสร็จสิ้นลง วอลตันกำลังเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานเอ่ยตามหลังขึ้นว่า

“ดีมากเลยครับทุกท่าน ผมขอบคุณมาก ตอนนี้ขอให้ท่านลดมือลงและลืมตาขึ้นได้แล้ว สำหรับตอนนี้ผมขอเชิญทุกท่านดื่มกาแฟกันก่อนเพื่อที่เราจะพิจารณากันว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป”

โจเลียริมฝีปากอย่างใจคอไม่ดีนัก รู้สึกว่ามันแห้งกรังตั้งแต่ตอนที่เธอจับตามองดูมองดูปฏิกริยาที่เกิดขึ้นกับผู้ชายผู้นั่งข้างตัวอยู่แล้ว เขาลดมือลงช้าๆ ดูมันเป็นความเคลื่อนไหวตามธรรมชาติอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องใช้ความพยายามบังคับเลย เธอเหลียวมองไปทางทิมผู้นั่งอยู่ข้างหลัง เขาหลิ่วตาให้พร้อมกับยกนิ้วให้เธอด้วย ก่อนจะเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์

และราวกับมีสัญญาณลึกลับบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงคนที่เปิดประตูให้เดินเข็นรถใส่เครื่องดื่มเข้ามา บนรถคันนั้นมีเหยือกดินเผาขนาดใหญ่บรรจุกาแฟไว้เต็มพร้อมด้วยถ้วยชุด เธอเลื่อนรถไปตามแถวของผู้ชมโดยไม่พูดจาอะไรเลย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบตาใครในห้องด้วย โจจับตามองดูภาพที่เกิดอยู่ตรงหน้า อยากเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อสังเกตเห็นความเคร่งขรึมบนใบหน้าของทุกคน

เมื่อทุกคนได้รับกาแฟกันเรียบร้อยแล้ว วอลตันก็ทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง สีหน้าของเขาหมกมุ่นขณะคนกาแฟในถ้วย จนเมื่อผู้หญิงคนนั้นลับร่างไปแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้น

“ผมรู้สึกยินดีที่จะกล่าวว่าในค่ำวันนี้มีอยู่หลายท่านทีเดียวที่แสดงออกมาให้เห็นว่าตกอยู่ภายใต้อำนาจของการสะกดจิตได้โดยง่าย สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำต่อไปก็คือว่ามีใครบ้างที่อยากอาสาออกมานั่งตรงนี้” เขาชี้ไปที่เก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ข้างโต๊ะทำงาน “ถือกาแฟติดมือมาด้วยนะครับเราจะได้คุยกันว่าผมจะทำยังไงต่อไป”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel