บท
ตั้งค่า

บทที่ 18

ในห้องโถงชั้นล่างเด็กรับใช้ชาวเวลช์ผู้หนึ่งค่อยๆแอบย่องเข้าไปในครัวโดยไม่ให้ผู้ใดจับสังเกตได้ เขารีบลงมือจัดอาหารอย่างรีบเร่ง โดยตักจากหม้อที่เตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ หลังจากได้อาหารตามต้องการแล้วเขาก็ย่องขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของท่านลอร์ดอย่างเงียบกริบ เขารู้สึกเสียใจแทนหญิงสาวในชุดสีน้ำเงินเข้มผู้นั้นนัก เธอเป็นผู้หญิงที่สวยกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเห็นมาในชีวิตนี้

เธอกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเตาผิง แสงไฟจากในเตาต้องเรือนผมเธอเป็นสีทองแดงแปลกตา เวลคลุมหน้าถูกถอดทิ้งไว้กลางเตียงนอน และเธอกำลังใช้หวีงาช้างหวีผมที่สลวยงามราวเส้นไหมอยู่

เด็กชายจับจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นใจอยู่เป็นครู่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องเดินเข้าไปหาเธออยู่แล้วเมื่อเธอหันมามองเขาออกแปลกใจที่ไม่ได้เห็นน้ำตาปรากฏอยู่ในดวงตาคู่งามสักหยด ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอคงยืนร้องไห้อยู่เสียอีก

“มีอะไรหรือหนู ?” น้ำเสียงที่ถามบอกความอ่อนเพลียอย่างชัดแจ้ง

เขายืนนิ่งเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่ อับอายขายหน้าในสิ่งที่ตนเองบังอาจกระทำลงไป ลืมแก้วไวน์กับจานขนมในมือเสียสนิท

“เธอเอาอาหารมาให้ฉันใช่ไหม ?” เธอยิ้มให้เขาอยางเมตตา

กระนั้นเขาก็ยังก้าวขาไม่ออกอยู่ดี จากเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บอกให้รู้ว่าเขาเป็นเด็กรับใช้ทั่วไปเมื่อพิจารณาใบหน้าดำๆนั้นมาทิลด้าบังเกิดความข้องใจว่าเขาจะเข้าใจในภาษานอร์มังที่เธอใช้กับเขาหรือไม่ เธอจึงเอ่ยถามออกไปเป็นภาษาพื้นเมือง

“เจ้าชื่ออะไรล่ะ ?”

เด็กชายก้าวออกมาข้างหน้าเดินมาคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าเธออย่างอายๆ เขาวางแก้วไวน์กับจานขนมลงบนโต๊ะเตี้ยข้างเตียงนอนก่อนจะหันหลังวิ่งกลับออกไปจากห้องนั้น

มาทิลด้ามองตามร่างเขาไปเป็นครู่ หลังจากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนอนและเริ่มลงมือกินอาหาร ความหิวที่กำลังเกิดอยู่ทำให้เธอไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้น

เธอนั่งจิบไวน์เงียบๆ อีกนานจนในที่สุดเมื่อเทียนไขทำท่าว่าจะมอดดับลงเธอจึงได้เริ่มลงมือเปลื้องผ้าออกจากร่าง

จากห้องชั้นล่างเสียงพูดคุยเสียงหัวเราะเริ่มจางหายไปมากแล้ว มีเสียงกรนของใครบางคนดังขึ้นเสียด้วยซ้ำมาทิลด้าหันไปมองทางบันได รู้สึกสบายใจขึ้นบ้างเมื่อพบว่าวิลเลียมยังไม่ปรากฏตัวขึ้นที่นั่น

ขณะที่ทอดกายพักผ่อนอยู่บนเตียง สมองของเธอก็เริ่มใช้ความคิดอย่างหนัก เธอจำเป็นต้องรีบวางแผนการไว้ตั้งแต่คืนนี้ แต่ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางก็มีอิทธิพลมากกว่า เธอจึงหลับไปในที่สุด

โจขยับกายอยู่บนโซฟาอย่างกระสับกระส่ายเปลือกตาเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วลมหายใจกระชั้นขึ้น

“ฉันเหนื่อยเหลือเกินหลังจากขี่ม้าอยู่วันแล้ววันเล่าราวกับว่ามันจะไม่มีวันจบสิ้นลงได้” เธอพูดช้าๆ “แล้วฉันก็หลับเป็นตาย.... ตอนนี้ฟ้าเริ่มสางแล้วแสงสว่างเริ่มกระจายขึ้นแต่ก็ยังสลัวเลือนมองเห็นเงาดำวูบวาบอยู่ในห้อง ในเตาผิงมีแต่ขี้เถ้ากองโต..... ฉันง่วงมาก..... ฉันพยายามนึกให้ออกว่าเวลานี้ตัวเองอยู่ที่ไหน” เสียงพูดของเธอเงียบไปเป็นครู่ใหญ่ “ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ตามลำพังแล้วมีใครอีกคนหนึ่งอยู่กับฉันในห้องนี้ด้วย........”

“อา.... ในที่สุดเธอก็ตื่นแล้วสินะ” วิลเลียมโน้มร่างลงมาหาดึงผ้าห่มที่คลุมร่างลงไปจนถึงเอว ลมหายใจยังกรุ่นอยู่ด้วยกลิ่นไวน์ “เมียที่แสนสวยของฉัน ช่างร่านริกอยากจะมาอยู่ใกล้ผัวเสียเหลือเกินนะ มันน่าภูมิใจไม่น้อยเลยจริงไหมที่เธอคิดถึงฉันมากมายถึงเพียงนั้น” เขาเปล่งเสียงหัวเราะกึกก้อง มันเป็นน้ำเสียงที่ทำให้เธอถึงกับขนลุกเธอนอนนิ่งอยู่ในท่าเดิมเป็นครู่หวาดหวั่นจนไม่กล้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย แม้ในยามที่ฝ่ามือหยาบกร้านตระโบมลงมาบนเนินนม เธอเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มพยายามคลุมปิดบังเรือนกายอีกครั้ง กำหนดใจท่องเวทย์มนต์ที่พร่ำบนอยู่ทุกคืนวันเพื่อให้ช่วยพิทักษ์ตัวเธอยามที่ต้องพบกับอันตรายเมื่อเขาเข้าใกล้

ขณะเดียวกันเธอก็นอนนิ่งจ้องหน้าสามีอยู่ ดวงตาคู่นั้นราวมีกระแสประหลาดที่ทำให้เขาต้องหลบตาลงด้วยความรู้สึกอึดอัด

“ท่านไม่ควรแตะต้องเนื้อตัวดิฉันนะเจ้าคะ มายลอร์ด”

“อย่างนั้นรึ ? แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะให้ฉันสวดมนต์ภาวนาหรือยังไง ?” เขาคว้าข้อมือเธอไว้บิดเต็มแรงจนมาทิลด้าอยากกรีดร้อง แต่กระนั้นก็ยังบังคับน้ำเสียงให้สงบเมื่อกล่าวกับเขาว่า

“ขณะนี้ดิฉันกำลังตั้งครรภ์และจีนผู้ดูแลอาการของดิฉันอยู่บอกว่าถ้าท่านหลับนอนกับดิฉันอีกละก็ลูกที่อยู่ในท้องต้องแท้งออกมาทันที”

เธอสะกดกลั้นลมหายใจไว้ขณะจ้องหน้าเขาอยู่สังเกตเห็นความโหดเหี้ยมที่เปลี่ยนเป็นความขึ้งโกรธและมันก็เปลี่ยนเป็นความไม่อยากเชื่อก่อนจะกลายเป็นความหวาดหวั่นในเรื่องของโชคลาง เขาปล่อยมือจากเธอทันทีและยกมือทำเครื่องหมายกางเขนตรงหน้าอกขณะยืดร่างขึ้นเดินห่างออกไปจากเตียงนอน

“นั่งแม่มดนั่น ถ้ามันทำร้ายลูกของฉันละก็.... ”

“นางไม่มีวันทำร้ายลูกชายของเราหรอกเจ้าค่ะมายลอร์ด” มาทิลด้าผุดลุกขึ้นนั่งดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างไว้กระชับแน่น “นางเพียงแต่ต้องการรักษาลูกของเราไว้ เพราะเหตุนี้ละเจ้าค่ะที่ทำให้นางแนะนำให้ดิฉันเดินทางมาหาท่านในขณะที่ดิฉันยังมาได้ ลูกชายของท่านควรเกิดในแผ่นดินเวลส์แห่งนี้ซึ่งเป็นแผ่นดินของท่าน เพราะฉะนั้นท่านจะส่งดิฉันกลับไปบรามเบอร์อีกไม่ได้”

เธอจับตามองหน้าเขาอยู่ กกกอดร่างตัวเองไว้สายตาคู่นั้นบ่งบอกถึงชัยชนะยามที่จับจ้องมองแผ่นหลังของเขา วิลเลียมกำลังจ้องมองดูเถ้าถ่านที่กองอยู่ในเตาผิงและแล้วเขาก็หันกลับมามองเธอ

“นางรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง ?”

“นางมีพรสวรรค์ที่สามารถมองเห็นอะไรได้ด้วยตาทิพย์น่ะสิเจ้าคะ” มาทิลด้าตอบพร้อมยักไหล่

“แล้วนางเห็นด้วยหรือว่าฉันจะมีลูกชาย ?”

“ท่านจะได้ลูกชายที่แข็งแรง เต็มไปด้วยความกล้าหาญเจ้าค่ะมายลอร์ด” เธอสังเกตเห็นแววแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นในดวงตาขณะเขามองหน้าเธออยู่

“ดีแล้ว” วิลเลียมเอ่ยขึ้น “แต่เธออยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นอันขาด ฉันจะสั่งให้คนใช้พาตัวเธอไปอยู่ที่เบรคน๊อคเมื่ออยู่ที่นั่นเธอจะปลอดภัยกว่า”

มาทิลด้าเอนกายลงพิงหมอนถอนหายใจเบาเมื่อปิดเปลือกตาลง

“เป็นความกรุณาของท่านเจ้าค่ะมายลอร์ด ดิฉันจะพยายามทำตามคำสั่งของท่าน ดิฉันจะอธิษฐานขอความเมตตาจากพระแม่แห่งพรหมจารีย์ว่าการเดินทางต่อในครั้งนี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายขึ้นกับลูกในท้อง เวลานี้ดิฉันเหนื่อยแล้วก็อ่อนเพลียมากด้วย” เธอวางมือลงบนหน้าท้องด้วยท่าทางเหมือนเศร้าเสียใจอย่างเหลือเกิน “มายลอร์ดท่านจะไม่กรุณาให้ดิฉันพักผ่อนอยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันสองวันหรอกหรือ ? อย่างน้อยก็เห็นแก่ลูกที่อยู่ในท้องดิฉันขณะนี้”

เธอค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้น อยากเห็นปฏิกิริยาอันเกิดขึ้นจากคำพูดของตนเอง วิลเลียมดูจะไม่หวั่นไหวเลย แต่ขณะเดียวกันเขาก็เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องเตะหญ้าแห้งที่เรี่ยรายอยู่บนพื้นอย่างขุ่นขึ้งในอารมณ์ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอยู่ เมื่อเห็นเขาอยู่ในท่าครุ่นคิดเช่นนี้ มันทำให้เธอเกิดความเห็นใจเขาขึ้นมาไม่น้อย แม้ว่าเขาแทบจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอก็ตาม สีหน้าของเขาบอกความไม่แน่ใจอยู่

“ท่านดีใจเรื่องลูกของเราบ้างไหมล่ะวิลเลียม ?” เธอเอ่ยถามหลังจากเงียบกันไปเป็นครู่ใหญ่

“อ๋อ ! มันก็ต้องดีใจแน่ล่ะ” เขาตอบเสียงกระด้าง “แต่ถึงยังไงฉันก็ยังไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่อยู่ดี โดยเฉพาะวันนี้”

“ทำไมล่ะเจ้าคะ ? ดิฉันไม่ได้ไปเกะกะท่านอยู่แล้ว ดิฉันสัญญาได้นะเจ้าคะ” เธอใช้ศอกยันร่างให้ลุกขึ้นพวงผมปรกลงบนไหล่นวลสีสันของมันเจิดจ้ายามต้องแสงอาทิตย์ “ท่านเกือบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังมีดิฉันอยู่ที่นี่อีกคนและหลังจากที่ดิฉันได้พักผ่อนพอหายเหนื่อยสักสองสามวันแล้วดิฉันจะเดินทางต่อไปเบรคน๊อคตามคำสั่งของท่านถ้าท่านคิดว่านั่นเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับดิฉัน”

วิลเลียมยืดไหล่ขึ้น หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความลังเลใจ

“ถ้าฉันยอมให้เธออยู่ที่นี่” เขาพูดเสียงดัง “ฉันพูดว่า ‘ถ้า’ เท่านั้นนะ เธอต้องสัญญากับฉันข้อหนึ่งว่าเธอจะไม่ออกจากห้องไปไหนอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะฉันรู้ว่ามันไม่ปลอดภัยสำเธอ เธอต้องให้คำมั่นกับฉันในเรื่องนี้ก่อน”

“ดิฉันขอสัญญาเจ้าค่ะมายลอร์ด” เธอทำเครื่องหมายกางเขนตรงหน้าอก

“เธอต้องทำความเข้าใจกับคำสั่งของฉันให้ดี เธอจะไม่ออกจากห้องนี้ไปไหนเลยไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ตาม” เขาจ้องหน้าเธออยู่อย่างคุกคาม “และควรจะนอนอยู่แต่ในเตียงด้วย งานเลี้ยงนี่ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อเธอ มันไม่ได้เป็นเพียงงานเลี้ยงฉลองวันคริสต์มาสธรรมดาเท่านั้น แต่เป็นการชุมนุมของบรรดาบุคคลสำคัญที่อยู่ในแคว้นเวลส์ เราต้องปรึกษาหารือกันด้วยเรื่องการเมือง ขณะเดียวกัน ฉันต้องอ่านโองการของพระเจ้าเฮนรี่ให้พวกเขาฟังด้วย ก็เพราะเหตุนี้ไงล่ะที่ทำให้ฉันไม่เชิญโบลเอทมาร่วมงานด้วย เพราะมันไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาและฉันก็ไม่ได้เชิญแขกผู้หญิงมาในงานเลี้ยงครั้งนี้เลยแม้แต่คนเดียว เธอเข้าใจหรือยังล่ะ ?”

เขากระแทกเท้าเดินออกไปตรงระเบียงซึ่ง ณ ที่นั้นมีเหยี่ยวนกเขาตัวหนึ่งเกาะคอนรออยู่เมื่อเขายื่นมือออกไปมันก็บินลงเกาะบนหลังมือ เขาค่อยๆเลื่อนตัวมันลงสู่อุ้งมืออย่างทะนุถนอม กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างอยู่ตรงหูมัน และมันก็เงยขึ้นมองหน้าเขาด้วยดวงตาแจ่มแจ๋ว

“เอาละ เมื่อเธอต้องอยู่ในห้องนี้ฉันก็จะเอาเจ้าเหยี่ยวตัวนี้ไปใส่กรงของมันไว้ก่อน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงบ้าง “จำไว้ให้ดีก็แล้วกันว่าเธอออกจากเตียงไม่ได้อย่างเด็ดขาด ถ้าเธอขืนทำฉันจะใส่กุญแจขังเธอไว้” พูดจบเขาก็หันหลังเดินกระแทกเท้าออกไปจากห้อง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel