บทที่ 16
เขามองหน้าเธออย่างไม่อยากเชื่อ วิลเลียม เดอ บราโอสเป็นผู้ชายที่มีแต่อารมณ์ร้าย อายุมากกว่าเธอถึงสองเท่า มีชื่อเสียงที่ผู้ชายน้อยคนนักจะคิดอิจฉา เพียงแค่มองเห็นภาพฝ่ามือหยาบๆ คู่นั้นลูบไล้อยู่ตามเนื้อตัวเธอมันก็ทำให้เลือดแล่นขึ้นสู่สมองเสียแล้ว
“แล้วคุณคิดว่าการกลับมาอยู่กับสามีไม่น่าเบื่อหรอกหรือ ?” น้ำเสียงบ่งบอกความไม่เชื่อ
เขาเห็นเธอเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจในตัวเอง อันเป็นกิริยาที่ชินต่อสายตาเสียแล้ว
“ฉันไม่ได้ขอความเห็นคุณในเรื่องเกี่ยวกับเขานะคะ เช่นเดียวกับที่ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณอารักขาฉันเพื่อมาส่งให้ถึงมือเขา”
“ผมรู้ว่าผมเป็นคนเสนอตัวเอง” เขาสูดลมหายใจลึก “ผมจะบอกเขาอย่างนั้นด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันผมหวังว่าเขาคงเชิญให้ผมอยู่ร่วมงานเลี้ยงฉลองวันคริสต์มาสที่เขาจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าชายไซซิลวันพรุ่งนี้มันคงพอเป็นรางวัลที่ผมควรได้รับสำหรับความลำบากในครั้งนี้บ้างกระมัง ผมไม่ยอมรับแก้วแหวนเงินทองที่เขาจะให้ผมสำหรับการรับใช้ด้วยการช่วยอารักขาภรรยาของเขาหรอก และผมก็จะไม่ยอมรับคำขอบคุณจากเขาด้วยเช่นกัน”
สีหน้าของมาทิลด้าเคร่งขรึมลงกว่าเดิม เธอรู้อยู่แก่ใจว่าสามีของเธอเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวแม้แต่คำพูดที่ใช้ยกย่องชมเชยผู้ใดก็ตาม เธอเหลือบตามองหน้าริชาร์ดอยู่
“สมมุติว่าเขาเกิดไม่พอใจกับการมาของฉันล่ะ?”
“อา.... ในที่สุดคุณก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้” ริชาร์ดผิวปากวี๊ดออกมา “เขาก็อาจทุบตีแล้วก็ไล่ให้คุณกลับ บรามเบอร์เท่านั้น ซึ่งที่จริงมันก็สมควรแล้วล่ะ”
เงาที่ผ่านแว่บไปในระหว่างต้นไม้ดึงความสนใจของเขาไปจากเธอทันที เขากวาดสายตามองไปในราวป่าแห่งนั้นอย่างระมัดระวัง สีหน้าสงบราบเรียบ ขณะนี้ทุกคนกำลังจะวิ่งมาผ่านเข้าไปในหมู่ต้นจูนิเปอร์ซึ่งขึ้นเบียดกันอยู่อย่างหนาแน่นจนแทบจะไม่มีทางผ่านเข้าไปได้ มันเหมาะจะเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวของพวกคนร้าย เขารู้ว่าคนของเขาทุกคนแม้ว่าจะมีอาวุธติดตัวมาอย่างพร้อมเพรียง ย่อมไม่อาจต่อสู้กับชาวพื้นเมืองได้ถ้าคนพวกนั้นตั้งใจจะโจมตี
เขาเคยได้ยินเรื่องราวความโหดร้ายของคนพวกนี้มาก่อน พวกมันจู่โจมเข้ามาถึงตัวใช้มีดเชือดคอ และทำลายม้าด้วยการกรีดร้อง และจะหายตัวไปในทันทีก่อนที่ผู้เคราะห์ร้ายจะทันชักดาบเสียด้วยซ้ำ
เขารู้สึกขนลุกทุกครั้งที่คิดถึงเส้นทางที่มาทิลด้าตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าเธอกับเนลล์สามารถเดินทางมาด้วยกันเพียงลำพังได้ ทั้งที่มันมีอันตรายอยู่รอบข้างเช่นนี้
“คุณทำกับเมียคุณอย่างนี้หรือ ?” เธอเหลือบตามองหน้าเขา ยกมือขึ้นเช็ดหยาดฝนออกจากเปลือกตาขณะที่ขี่ม้าเคียงข้างกันต่อไป
“อะไรนะ ?”
“ก็.... ตบตีแล้วก็ส่งตัวเธอกลับบ้านนั่นน่ะสิ”
“แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเธอควงคู่มากับผู้ชายหน้าตาดีอย่างผม” เขาฝืนยิ้มออกมาอีก ดวงตายังคงเครียดเขม็งเมื่อมองผ่านม่านสีเทาเบื้องหน้า
มาทิลด้ามองหน้าเขาอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด
“เนลล์น่าสงสารจัง พยายามขี่ม้าให้ทันเรา” เด็กสาวผู้นั้นมีใบหน้าซีดเผือดนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง ดวงตาจับจ้องอยู่แต่ข้อนิ้วซีดขาวที่กระชับสายบังเหียนเปียกฝนไว้แน่นท่าทางของเธอราวจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใคร่ไว้ใจอัศวินที่ติดตามอารักขามาเท่าไรนัก มาทิลด้ามีสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิมเมื่อกล่าวต่อว่า
“เธอเป็นเพื่อนเดินทางที่ดีมากและเราก็ออกเดินทางมาด้วยกันอย่างดีโดยตลอด แต่เวลานี้รู้สึกว่าเธอกำลังเสียใจมากที่ตัดสินใจผิด นับแต่เราข้ามพรมแดนซัสเซ็กมา แม้ว่าเราจะมีคุณคอยให้ความคุ้มครองอยู่ แต่เธอก็ยังกลัวไม่หายอยู่นั่นเอง ยิ่งมาเห็นผู้ชายคนที่นอนตายอยู่ข้างทางด้วยแล้วก็ยังกลัวใหญ่ สงสัยคงต้องร้องไห้ไปอีกนาน”
“อย่าไปยั่วเย้าเธอเลย” ริชาร์ดโน้มตัวไปตบคอม้าเบาๆ “แค่ที่เธอยอมติดตามคุณมาก็ต้องถือเป็นความกล้าหาญอย่างมากแล้ว คุณเองก็ไม่ได้กล้าหาญอะไรนักหรอกตอนที่เห็นซากศพนั่นเข้า แล้วก็ไม่ควรลืมด้วยว่าไม่มีใครเขาอยากมากับคุณเลยสักคน”
ความโมโหที่เกิดขึ้นทำให้มาทิลด้ากระแทกเท้าลงกับโกลนเต็มแรง ม้าทะยานไปข้างหน้าจนเธอต้องโน้มตัวลงแนบกับหลังมัน
“คุณก็น่าจะรู้ว่าผู้หญิงทุกคนที่อยู่ที่นั่นล้วนแล้วแต่เป็นคนของเลดี้เบอร์ธาทั้งนั้น ไม่มีคนของฉันเลยแม้แต่คนเดียว เพราะฉะนั้นฉันถึงไม่ต้องการให้ใครติดตามมา เมื่อไรก็ตามที่เราไปถึงอะเบอร์กาเวนนี่ฉันต้องขอร้องวิลเลียมให้ช่วยจัดหาคนรับใช้ไว้ให้ฉันเองบ้างแล้ว”
“ก็นับว่าเป็นความคิดที่ดีทีเดียว” ริชาร์ดฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง “ผมว่าตอนนี้คุณขี่ม้าเป็นเพื่อนเนลล์จะดีกว่า ผมจะออกสำรวจไปล่วงหน้าเส้นทางนี้มีอันตรายมาก” เขาไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอได้โต้แย้งเลยเมื่อบังคับม้าให้กระโจนออกจากที่
ความเงียบสงัดของราวป่าแห่งนี้สร้างความกังวลใจให้กับเขาอยู่ไม่น้อย เขาไม่รู้ว่าผู้คนที่เคยอาศัยอยู่ในป่าหายหน้าไปไหนกันหมดไม่ว่าจะเป็นคนตัดฟืน คนหาถ่านหิน หรือแม้แต่นายพราน และถ้าไม่ใช่คนพวกนี้ก็สายตาของใครล่ะที่เขามีความรู้สึกว่าคอยจับจ้องมองความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ในพุ่มไม้รกชัฎตลอดเวลา
มาทิลด้าชะลอความเร็วของม้าลงจนกระทั่งเนลล์ขี่ม้าเข้ามาถึงตัว ดวงตาของสาวน้อยแดงกล่ำด้วยความหนาวเย็น
“มือดิฉันปวดไปหมดเลยเจ้าค่ะมันหนาวเหลือเกินหนาวจนถึงกระดูกดำทีเดียว และดิฉันก็เหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียเหลือเกินเจ้าค่ะ ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่าการขี่ม้าเดินทางจากบรามเบอร์กว่าจะมาถึงที่นี่ต้องใช้เวลาตั้งหลายวันอย่างนี้” น้ำเสียงของสาวน้อยที่รำพันความรู้สึกของตัวเองออกมาเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจที่ตามนายสาวมาซึ่งทำให้มาทิลด้ารู้สึกรำคาญอย่างช่วยไม่ได้
“เราเกือบจะถึงแล้วล่ะน่าเนลล์” มาทิลด้าไม่อำพรางความไม่พอใจของตัวเองไว้ เธอกำลังบังคับสายตาให้มองตรงไปข้างหน้าขณะวิ่งม้าตามริชาร์ดไปติดๆ มองเห็นราวป่าที่โปร่งขึ้น มีความเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดอยู่ในพุ่มไม้ทางด้านขวา เธอจึงเพ่งสายตามองไปทางนั้น พยายามมองลอดใบหนาทึบเข้าไปให้ถึงภายในหัวใจเต้นรัวแรงขึ้น เธอเชื่อว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ตรงหน้าและกำลังรอคอยเวลาอยู่
ทันใดกวางสองตัวก็กระโจนออกมาจากพุ่มไม้และห้อเหยียดขึ้นไปตามไหล่เขา ริชาร์ดวิ่งม้ากลับมาหารอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้า แต่ในมือมีดาบที่ชักออกจากฝักถือไว้ด้วยท่าทางระแวดระวังเต็มที่
“ผมคิดว่าเราต้องหาเรื่องยุ่งใส่ตัวกันสักเล็กน้อย” เขาตะโกนบอก “คุณคงเห็นแล้วสินะ คุณคิดว่าเราควรให้ทหารของผมสักสองคนตามกวางนั่นไปดีไหม เราจะได้มีอะไรไปเสริมในงานเลี้ยงพรุ่งนี้ไงล่ะ ?”
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็ผ่านเข้าไปในราวป่าที่มืดครึ้มกันอีกครั้ง ฝีเท้าม้าเหยียบย่ำลงไปบนพื้นดินที่ปกคลุมอยู่ด้วยใบไม้แห้ง นานๆ ครั้งจะเห็นสายน้ำเย็นเยือกปรากฏขึ้นทางด้านซ้ายมือ มันเป็นสีเทาขุ่นด้วยสายฝนบางครั้งเส้นทางสายนั้นจะมุ่งตรงไปข้างหน้า แต่แล้วก็ลดเลี้ยวเข้าไปในท่ามกลางหมู่ไม้และตัดผ่านไปตามแนวลาดของเทือกเขา
ขณะเดียวกันทุกคนสังเกตเห็นว่าตะวันรอนแสงลงแล้วความมืดกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ ความมืดสลัวสร้างความกดดันให้เกิดขึ้นในบรรยากาศ
หน่วยอารักขาขยับตัวเข้ามาชิดกันและรายล้อมร่างของคนทั้งสามไว้ ด้วยคำสั่งของริชาร์ด ทุกคนเปลือยดาบออกจากฝักและกระชับแน่นอยู่ในมือ มาทิลด้าสังเกตเห็นความเคร่งขรึมจริงจังในสีหน้าของเขาซึ่งทำให้อดขนลุกด้วยความสะพรึงกลัวมิได้
ทุกคนขี่ม้าผ่านเข้าไปในความมืดทึบของราวป่าเงียบๆ จนกระทั่งในที่สุดสายตาของทุกคนก็มองเห็นยอดปราสาทอะเบอร์กาเวนนี่ในระยะไกล มันดูคล้ายกับว่าปราสาทหลังนั้นลอยล่องอยู่ในท่ามกลางสายหมอกที่ก่อตัวขึ้นเหนือลำน้ำ
สีหน้าของริชาร์ดเคร่งขรึมยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อมองเห็นปราสาท เขารู้ว่าบัดนี้ทุกคนปลอดภัยจากเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในราวป่าได้ทุกนาทีแล้ว แต่ขณะเดียวกันมันก็หมายความถึงว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับ เดอ บราโอส และจะต้องรายงานการให้ความอารักขาแก่สาวน้อยผู้ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของบุรุษผู้นั้น