บท
ตั้งค่า

บทที่ 13

เขาลุกขึ้นยืนเดินไปที่โซฟาและทรุดตัวลงนั่ง “เราพบสิ่งที่ยากจะอธิบาย มันเป็นความกลัวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งที่ติดตัวมาจนกระทั่งถึงบัดนี้จากผู้ป่วยรายนี้ มันอาจเกิดขึ้นจากความคิดเอาเองหรือว่ามันอาจจะฝังรากมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเด็ก หรืออาจจะติดมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นก็ได้ งานของผมคือต้องทำให้ผู้ป่วยระลึกย้อนหลังไปจนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เราต้องเข้าไปให้ถึงจุดที่เกิดเหตุ บ่อยครั้งที่ผมพบว่ามันเป็นสิ่งรบกวนใจที่แฝงเร้นอยู่อย่างลึกลับมาก มันอาจจะเลยไปถึงสิ่งที่ติดมาจากชาติก่อนก็ยังได้นะครับ”

โจพยายามบังคับตัวเองไม่ให้แสดงความไม่เชื่อออกมาเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น

“ถ้าเช่นนั้นคุณหมอก็เชื่อเรื่องเกี่ยวกับอดีตชาติของคนเราสินะคะ”

“แน่นอน”

เธอรู้สึกว่าสายตาคมกล้าคู่นั้นจ้องจับใบหน้าของเธออยู่ โจหลบสายตาลง

“คุณหมอเบนเนทคะ ฉันเกรงว่าคุณหมอคงต้องทำให้ฉันเชื่อเรื่องนี้ให้ได้เสียแล้วล่ะค่ะ ฉันยอมรับค่ะว่าฉันรู้สึกว่าเรื่องอย่างนี้มันยังคลุมเคลืออยู่มาก ถ้าคุณหมอรับรองอย่างหนักแน่นว่าความเชื่อของคุณหมอเกี่ยวกับอดีตชาติมันเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อในเรื่องศาสนาบวกกับด้านจิตวิทยาแล้วฉันก็คงจะไม่สงสัยอะไรต่อไปอีก แต่เมื่อมันมีเรื่องของหลักการแพทย์เข้ามาข้องเกี่ยวอยู่ด้วย.......ขอโทษนะคะคุณหมอกำลังบอกกับฉันว่าคนเราทุกคนในโลกนี้เคยเกิดมาแล้วชาติหนึ่งอย่างนั้นหรือคะ?”

รอยยิ้มของคุณหมอเบนเนทบอกว่าเขากำลังใช้ความอดทนกับคำถามของเธออย่างมาก

“จากประสบการณ์ที่ผมผ่านมามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกครับ บางคนเกิดมาแล้วตั้งหลายครั้ง แต่บางคนก็เพิ่งเกิดมาเป็นครั้งแรก”

โจมองหน้าเขาเขม็งพยายามกล้ำกลืนเสียงหัวเราะด้วยความขบขันลงไว้ มองดูชายร่างใหญ่วัยหกสิบเรือน ผมสีเทาผู้กำลังลุกขึ้นยืนอีกครั้งเดินเข้ามาหาเธอที่เก้าอี้

“ผมรู้ว่าคุณต้องไม่เชื่อเรื่องอย่างนี้ คุณคลิฟฝอร์ด” เขาพูดเสียงกร้าวสายตาจ้องจับใบหน้าของเธออยู่ประกายที่อยู่เบื้องหลังกรอบแว่นวาววามขึ้น “เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมจะขอร้องคุณก็คือเมื่อคุณเข้ามาดูการทำงานของผมคุณต้องเปิดใจตัวเองให้กว้างด้วย คุณพอจะทำตามคำขอร้องของผมได้ไหมล่ะ ?”

“ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ” โจหลบตาลง “ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่ขณะเดียวกันฉันต้องคำนึงถึงจุดประสงค์ที่มาพบคุณหมอในครั้งนี้ด้วยเพราะฉะนั้นฉันจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุด” เธอวางถ้วยกาแฟที่ถืออยู่ ในมือลง “ถ้าจะว่าไปแล้วคุณหมอยั่วยุให้ฉันเกิดความสนใจขึ้นได้อย่างมากเลยค่ะ คุณหมอช่วยเล่าให้ฉันฟังก่อนจะเริ่มลงมือทำงานมือทำงานสักหน่อยได้ไหมคะว่าการที่คนเราจะเกิดใหม่อย่างที่ว่านั่นมันยากง่ายสักแค่ไหน ?”

“ในบางรายก็ไม่ยากอะไรเลย ตายไปแล้วก็เกิดแต่บางรายออกจะยากอยู่สักหน่อย” เขาตอบยิ้มๆ แต่ทำให้โจต้องสูดหายใจลึก

“แล้วอย่างฉันล่ะคะ เพียงแค่การมองคุณหมอจะบอกได้ไหมคะ ?”

“ผมคิดว่าคุณเคยเกิดมาแล้วครั้งหนึ่งนะ..... แน่นอนที่สุด”

“คุณหมอรู้ได้ยังไงคะ ?” โจรู้สึกขนลุก

“ผมอาจจะพูดผิดก็ได้” เขาไหวไหล่ “มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกด้วยสัญชาติญาณที่ผมพัฒนาขึ้นมาเรื่อยหลังจากศึกษาความเป็นไปของผู้ป่วยแต่ละรายที่มาหาผม” เขาขมวดคิ้วบางๆ “ผมกำลังคิดอยู่ว่าในผู้ป่วยรายที่คุณกำลังจะได้พบนี้อาจจะไม่อยู่ในกรณีที่เรากำลังพูดถึงกัน” สีหน้าของเขาขรึมลง “เพราะฉะนั้นผมรับรองกับคุณไม่ได้ว่าเรื่องของเธอจะเป็นประโยชน์กับข้อเขียนของคุณ ก่อนหน้านี้ผมเคยพบกับผู้ป่วยรายหนึ่งเราเรียกเธอด้วยชื่อว่าอะดีเล่ เป็นผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยวิธีนี้ซึ่งให้ความร่วมมือดีมาก เธอกลัวเกี่ยวกับน้ำอย่างรุนแรงและปราศจากเหตุผล ไม่มีเหตุผลอะไรมาช่วยอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดเธอถึงได้กลัวน้ำมากขนาดนั้น ผมกำลังคิดอยู่ว่าได้”

เขาเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือต้องลองให้เธอระลึกชาติดู บางทีเราจำเป็นต้องไปไกลถึงขนาดนั้น คือไกลกว่าตอนที่เธอยังเป็นเด็กเพื่อหาสาเหตุให้

“เอ.....รู้สึกว่าเธอจะมาช้ากว่าเวลาที่นัดหมายกันแล้วนะซาร่าห์ ลองโทรศัพท์ไปถามดูสิว่าเธอจะมาหรือเปล่าวันนี้” เสียงพิมพ์ดีดที่ได้ยินอยู่จากห้องติดต่อกันหยุดลง นายแพทย์เบนเนทสั่งซ้ำ

“ลองติดต่อไปหาคุณนายโนเบิ้ลหน่อยเถอะ ไม่รู้ว่าเธอลืมนัดกับเราหรือเปล่า” เมื่อหันกลับมามองโจเขาก็พูดต่อ

“ผู้ป่วยรายนี้มีอาการเลื่อนลอยแล้วก็ยังมีอาการของฮิสทีเรียด้วย” เขาพูดเหมือนปรารภกับตัวเอง “เพราะฉะนั้นถ้าไม่มาผมก็ไม่แปลกใจอะไรเลย” เขาหยิบแฟ้มตรงหน้าขึ้นมาพลิกดูคร่าวๆ

โจรู้สึกผิดหวังอย่างช่วยไม่ได้

“ทำไมคะผู้ป่วยส่วนมากมักจะหวาดกลัวกับการรักษาตามแบบของคุณหมออย่างนั้นหรือคะ ?” เธอเอ่ยถามหลังจากนิ่งเงียบไปเป็นครู่ นายแพทย์เบนเนทมองหน้าเธออย่างใช้ความคิด

“คงจะแปลกนะครับถ้าเขาจะไม่รู้สึกอย่างนั้นกันเลย” ซาร่าห์ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าประตู

“เสียใจค่ะคาร์ล เธอบอกว่าวันนี้มาไม่ได้ เธอบอกว่าลูกสาวไม่สบายต้องรีบไปเยี่ยม ฉันแจ้งให้เธอทราบแล้วละค่ะว่าถึงยังไงเธอต้องจ่ายเงินเป็นค่านัดหมาย....”

เบนเนทตวัดสายตามองหน้าผู้พูดเป็นเชิงบอกใบ้ว่าให้ออกไปได้พร้อมกับผุดลุกขึ้นยืน

“ผมเสียใจด้วยนะคุณคลิฟฝอร์ด ผมตั้งใจอย่างมากทีเดียวที่จะพิสูจน์ให้คุณได้เห็นแต่เกรงว่าคุณจะเสียเวลาเปล่าเสียแล้วล่ะ”

“คงไม่ถึงอย่างนั้นหรอกค่ะ” ซาร่าห์หยิบแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาถือไว้ “คุณเคยคิดจะรับการสะกดจิตด้วยตัวเองบ้างหรือเปล่าคะโจอันน่า ? ตอนนี้คาร์ลก็ว่างแล้ว อย่างน้อยคุณจะไม่ได้เสียเวลาเปล่า”

“ที่จริงฉันเคยคิดที่จะทดลองรับการสะกดจิตด้วยตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ” โจรู้สึกว่าน้ำลายที่กลืนลงออกจะฝืดคอเต็มที “คุณคิดว่าฉันจะรับการสะกดจิตเพื่อย้อนอดีตได้บ้างไหมล่ะคะคุณหมอเบนเนท ?”

“จะลองดูก็ได้นี่” เขาไหวไหล่เบาๆ “ที่จริงคนที่มีลักษณะใจแข็งมักจะเป็นผู้รับการทดลองที่ดีทีเดียว แต่นั่นแหละนะเขาก็จำเป็นต้องทำใจให้ยอมรับการสะกดจิตด้วย ไม่มีใครบังคับเขาได้หรอก ถ้าคุณพยายามสะกัดกั้นความรู้สึกต้านทานออกไปผมก็ยินดีจะทำให้”

“ฉันไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรหรอกค่ะ” โจฝืนยิ้ม “ฉันไม่เคยคิดเรื่องความกลัวที่มันยังไม่มีเหตุผลสมควรจะต้องกลัวเลย”

“ถ้าแบบนั้นเราอาจถือได้ว่ามันเป็นเพียงการหาประสบการณ์ที่เนื่องมาจากความสนใจดีกว่านะครับ” เขาโค้งกายให้เธอ

โจมีความรู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองแรงเร็วขึ้นมือชื้นไปด้วยเหงื่อ

“ฉันเกรงว่าฉันจะเป็นผู้รับการทดลองที่ใช้ไม่ได้น่ะสิคะแม้ว่าฉันจะให้ความร่วมมือด้วยดีขนาดไหนก็ตามเมื่อตอนที่เป็นนักศึกษาฉันเคยรับการสะกดจิตจากศาสตราจารย์โคเฮนมาแล้วด้วยซ้ำนะคะแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้อะไรจากฉันเลย”

เบนเนททรุดตัวลงนั่งกับขอบโต๊ะมองหน้าเธออย่างใช้ความคิด

“มิชเชล โคเฮนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสะกดคนหนึ่ง ผมเองเคยอยากจะพบเขาสักครั้งแต่บังเอิญเขาตายเสียก่อน ผมแปลกใจนะที่คุณมีอคติต่อทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังการสะกดจิตเพื่อระลึกชาติถ้าคุณเคยเกี่ยวข้องกับเรื่องอย่างนั้นมาแล้ว คุณบอกว่าเขาไม่ได้อะไรจากคุณเลยคุณหมายความว่าไม่สามารถสะกดจิตย้อนอดีตคุณได้เลยอย่างนั้นใช่ไหมครับ ?”

“ไม่ใช่ค่ะ เขาสะกดจิตฉันไม่สำเร็จด้วยซ้ำ” โจส่ายหน้าประกอบคำปฏิเสธ “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร ฉันไม่ได้ต่อต้านเลยนะคะ อยากจะให้มันเกิดขึ้นจริงๆ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel