บท
ตั้งค่า

บทที่ 12

โจอยากจะโทรศัพท์ติดต่อไปหาแซม

เธอนอนพลิกตัวกระสับกระส่ายคิดถึงแต่เรื่องบิลล์วอลตันกับซาร่าห์ พอทเตอร์ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดมาเป็นผู้หญิงชื่อเบทสี แล้วก็คิดไปถึงทิมกับจูดี้ เคอร์สันมันเป็นความคิดที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ลางเลือนหายไป แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอมองเห็นภาพภายในห้องทดลองเล็กๆ ของโคเฮน มองเห็นแม้แต่เครื่องทำความร้อนที่แซมเข้าไปยืนอยู่ใกล้ จากนั้นก็มองเห็นภาพหิมะที่พร่างพรูลงมาราวผืนผ้าม่านที่ปิดบังท้องฟ้าไว้

เธอยังจำความรู้สึกเจ็บร้าวบนฝ่ามือได้เป็นอย่างดี จำภาพนิ้วกับเล็บที่ฉีกขาดมีเลือดไหลหยาดย้อยใบหน้าที่เผือดซีดและการพูดจาตะกุกตะกักเหมือนเด็กของโคเฮน และทันใดเธอนึกไปถึงภาพเลือดที่นองเต็มพื้นห้อง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมีเลือด แล้วทำไมเลือดจึงนองไปทั่วห้องทำงานของเขา

โจผุดลุกขึ้นนั่งทันที ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อดวงตาเบิ่งมองม่านหน้าต่างห้องนอนที่เปิดไว้เพียงแค่ครึ่งผ้าคลุมเตียงยุ่งเหยิงหมอนหล่นลงไปอยู่บนพื้นห้อง จากหน้าต่างเธอมองเห็นแสงแรกของยามอรุณรุ่งที่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า ได้ยินเสียงนกร้อง บางตัวก็กรีดเสียงหวนไห้อยู่บนหลังคาบ้าน โจปวดร้าวในศีรษะเดินโซเซออกไปห้องครัว เปิดไฟและกวาดสายตามองไปรอบๆ เอื้อมมือไปหยิบกาต้มน้ำตามความเคยชิน

ในที่สุดเธอก็ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของแซมพบในสมุดจดหมายเลขเล่มเก่า เมื่อได้กาแฟดำถ้วยหนึ่งแล้วเธอก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องนั่งเล่นหยิบเครื่องโทรศัพท์ลงมา ขณะนั้นเพิ่งตีสามครึ่งแต่เธอก็ยังหมุนโทรศัพท์ไปเอดินเบิร์ก

ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย

เธอปล่อยให้โทรศัพท์เรียกอยู่ประมาณห้านาทีก่อนวางหูลง ซึ่งในตอนนั้นเองที่โจเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าแซมออกเดินทางไปต่างประเทศ เธอยกกาแฟขึ้นดื่มช้าๆ ก่อนจะลองหมุนโทรศัพท์ไปหานิคที่อพาร์ตเม้นท์ของเขาปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบอีกเช่นกัน เธอถึงกับกระแทกหูโทรศัพท์ลงแป้น

“ไปตายโหงเสียเถอะไป๊ นิค แฟรงคลิน” เธอสาปแช่งด้วยความแค้นใจ ผุดลุกขึ้นเดินไปชักผ้าม่านให้เปิดกว้างออก ทอดสายตามองลงไปยังท้องถนนที่ยังเงียบเหงาอยู่ บนโต๊ะเล็กทางเบื้องหลังมีกระดาษแผ่นหนึ่งที่จดโน้ตหวัดๆ ไว้เป็นลายมือของพีท ลีเวสัน

“ดอกเตอร์คาร์ล เบนเนท เป็นจิตแพทย์ผู้ให้การรักษาด้วยวิธีสะกดจิต เลขาคือคุณซาร่าห์ ซิมมอนส์ เป็นน้องสาวของเดวิดซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดคุณเคยชอบเขามากตอนที่เขามาเยี่ยมที่วีเม่น อินแอ๊คชั่น เคยเขียนสารคดีให้กับนิตยสารฉบับนี้เมื่อปี ’76 เขานัดหมายให้คุณไปพบวันศุกร์ตอนบ่ายสามโมงเพื่อให้คุณได้ชมการสะกดจิตรายหนึ่งอย่าพลาดเป็นอันขาดเลยนะ ผมยืนยันเรื่องเวลาที่คุณจะไปกับเขาเรียบร้อยแล้ว”

โจหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาถือไว้ แม้ว่าพีทจะยืนยันไปแล้วแต่เธอก็ยังรู้สึกไม่อยากไปที่นั่นอยู่ดี

บ่ายสองโมงกับสี่สิบห้านาที ตอนที่โจเดินช้าๆ ขึ้นไปยังเดวอนไชร์ เพลซ มองดูหมายเลขห้องต่างๆ จนในที่สุดมาหยุดอยู่หน้าห้องสุดท้ายซึ่งประตูฉาบไว้ด้วยสีครีม มีจานทองแดงประดับไว้เบื้องหน้าประตูสี่ใบ

ประตูบานนั้นเปิดออกโดยผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในเสื้อคลุมสีขาวสะอาดตา

“มาพบคุณหมอเบนเนทหรือคะ ?” เธอย้อนถามเมื่อโจแจ้งให้ทราบ “รอสักครู่นะคะดิฉันจะเรียกขึ้นไปข้างบนก่อน” ภายในห้องนั้นอบอวลอยู่ด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อและกลิ่นหอมของดอกมะลิ โจยังคงยืนรออยู่ในห้องโถงกลาง มองภาพสะท้อนของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในกระจกเงากรอบทอง ขอบตายังเป็นรอยเขียวคล้ำเนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ ใบหน้ามีริ้วรอยของความตึงเครียดขณะจับจ้องมองดูภาพของพนักงานต้อนรับที่กำลังพูดโทรศัพท์อยู่

“เชิญขึ้นไปได้เลยค่ะคุณคลิฟฝอร์ด” พนักงานต้อนรับเอ่ยขึ้นเมื่อวางหูโทรศัพท์ลง “ชั้นสองนะคะ เลขาของคุณหมอจะมารอรับคุณอยู่ตรงบันได”

โจเดินขึ้นบันไดไปช้าๆ และได้พบกับซาร่าห์ ซิมมอนส์ผู้หญิงร่างสูงโปร่งเรือนผมสีบลอนด์แต่งกายรัดกุมและโจก็พบว่าตัวเองระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เธอกลัวเหลือเกินว่าจะต้องพบกับคนในชุดเสื้อคลุมสีขาวอีกคนหนึ่ง

“คุณโจ คลิฟฝอร์ดใช่ไหมคะ ?” ซาร่าห์ยื่นมือมาให้พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น “พีท ลีเวสันเล่าเรื่องคุณให้เราฟังแล้วค่ะ ดีใจจังเลยที่ได้มีโอกาสรู้จักกับคุณ”

“แล้วเขาบอกด้วยหรือเปล่าล่ะคะว่าฉันเป็นคนขี้สงสัยที่สุดในโลก ?” โจถามปนหัวเราะ

“อ๋อ บอกค่ะ” ซาร่าห์หัวเราะเบาๆ “แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะคาร์ลเขาเป็นคนอดทน มาสิคะจะได้รู้จักเขาเสียเลย”

คาร์ล เบนเนทนั่งอยู่ตรงโต๊ะภายในห้องที่มองลงไปเห็นถนน มันเป็นห้องทำงานที่มีหนังสือจัดรายเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ตกแต่งห้องด้วยเก้าอี้นวมและโซฟาราคาแพง และเก้าอี้พนักสูงหุ้มเบาะด้วยกำมะหยี่ บนพื้นห้องที่ปูพรมไว้ยังมีพรมสั้นอัฟกัน* ปูทับกระจายไว้เฉพาะแห่ง เป็นการเน้นให้เห็นถึงระดับในสายงานอาชีพของเขาเน้นในเรื่องของความสะดวกสบายและบรรยากาศที่บ่งบอกว่าเป็นห้องทำงานของผู้ชายอย่างชัดแจ้ง โจอดนักขันไม่ได้เพราะห้องทำงานอย่างนี้น่าจะมีกลิ่นซิการ์อวลอยู่ด้วย แต่ภายในห้องนี้กลับมีเพียงกลิ่นโคโลญจ์กรุ่นจมูกแทน

*พรมที่ถักด้วยมือชนิดหนึ่ง

คาร์ล เบนเนทลุกขึ้นยืนต้อนรับยิ้มน้อยๆ เหมือนไม่แน่ใจ

“คุณคลิฟฝอร์ด....เชิญครับ เชิญนั่ง ซาร่าห์เอากาแฟมาเลี้ยงหน่อยสิ หรือว่าคุณจะเอาชาดีครับ ?” สำเนียงพูดของเขาเป็นชาวยุโรปตอนกลางอย่างไม่ผิดเพี้ยน จากนั้นก็หันไปพยักหน้ากับซาร่าห์ซึ่งหายตัวออกไปเกือบจะในทันทีที่เขาพูดจบ เขาจึงหันกลับมาทางโจอีกครั้ง “ที่นี่ครัวดูจะมีความสำคัญมาก ผมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานที่ผมทำอยู่” เขาพูดเสียงสุภาพ “ลองเล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับว่าผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง”

“ฉันเชื่อว่าพีท ลีเวสันคงเล่าให้คุณหมอฟังแล้วนะคะ” โจพูดขณะหยิบสมุดบันทึกออกจากกระเป๋าวางลงบนเข่า “ว่าฉันกำลังจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องการสะกดจิตที่ช่วยให้ระลึกชาติได้ ฉันอยากจะขอความรู้จากคุณหมอเรื่องนี้ค่ะและถ้าเป็นไปได้ก็อยากขอดูการทำงานของคุณหมอด้วย” เธอกำลังมองหน้าเขาอยู่อย่างสนใจ “เมื่อวานนี้ฉันได้ไปดูการสะกดจิตของบิลล์ วอลตันที่ริชมอนด์มาแล้ว คุณหมอรู้จักเขาไหมคะ ?”

“รู้สึกว่าผมเคยได้ยินชื่อเขาอยู่เหมือนกันนะครับ” เขาตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“คุณหมอไม่เห็นด้วยกับเขาอย่างนั้นหรือคะ ?”

“ตรงกันข้ามเลยครับ ผมทราบว่าเขาพิมพ์หนังสือที่น่าสนใจออกมาหลายเล่ม แต่ว่าวิธีการของเราแตกต่างกัน”

“คุณหมอพอจะบอกได้ไหมคะว่าแตกต่างกันยังไง ?” โจไม่ได้ละสายตาจากใบหน้าเขาเลยแม้ตอนที่ซาร่าห์เดินถือถาดกาแฟเข้ามา

“คุณคลิฟฝอร์ดครับ ผมรู้ว่าวอลตันเป็นนักสะกดจิตสมัครเล่นมากกว่า เพราะดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใช้การสะกดจิตเพื่อรักษาแบบแพทย์ ส่วนผมเป็นนักจิตวิทยาและผมใช้การสะกดจิตเพื่อรักษาผู้ป่วยที่สุขภาพจิตล้มเหลว และผมก็ใช้ตามหลักวิชาการทางด้านการแพทย์เท่านั้น เรื่องอย่างนี้ผมคงไม่อาจเปิดเผยกับนักข่าวทั่วไปได้เพราะมีเรื่องของจรรยาบรรณเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าคุณต้องการเพียงเรื่องของความตื่นเต้นละก้อผมคงจะให้อะไรกับคุณไม่ได้และคงต้องเชิญให้คุณกลับด้วย”

“ฉันเข้าใจในความหมายของคุณหมอดีค่ะ” โจตอบโกรธๆ “และฉันก็รู้ด้วยว่าที่คุณหมอพูดมานี่เพื่อป้องกันไม่ให้ฉันคัดค้านในสิ่งที่คุณหมอทำ.... ซึ่งฉันหมายถึงว่าไม่ว่าคุณหมอจะทำอะไรก็ตามมันจะต้องถูกต้องตามหลักวิชาการเสมอ” เธอรับถ้วยกาแฟมาจากซาร่าห์

“ฉันไม่ได้มาหาคุณหมอเพียงเพราะอยากจะเห็นอะไรที่น่าตื่นเต้นหรอกค่ะ”

“แล้วคุณหมอจะยอมให้ฉันนั่งดูการทำงานคุณหมอได้ไหมล่ะคะ ?” โจถามอย่างเป็นงานเป็นการเบนเนทก็พยักหน้ารับ

“ผมแจ้งให้ผู้ป่วยรายนี้ทราบแล้วครับ และเขาก็ยินดีโดยมีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือคุณต้องไม่เอ่ยชื่อเขาในบทความที่เขียน”

“เรื่องนั้นฉันรับรองได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ” โจตอบเคร่งขรึม “ถ้าเช่นนั้นคุณหมอจะช่วยให้คำอธิบายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนหน้าที่ผู้ป่วยรายนี้จะมาถึงก่อนได้ไหมคะ ?”

“ได้สิครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel