บท
ตั้งค่า

บทที่ 11

เธอวางแก้วที่ถืออยู่ในมือลงเนื้อตัวสั่นเทา สังเกตเห็นว่าทิมกำลังจับตามองเธออยู่อย่างพิศวง โจพยายามรวบรวมสติไว้ให้มั่นรู้สึกโกรธตัวเองอยู่ไม่น้อย ทันใดก็รู้สึกว่าบิลล์ วอลตันกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่กับเธอขณะจัดเอกสารจัดสารที่ก่ายกองอยู่บนโต๊ะทำงานไปพลาง

“ว่าแต่คุณพอใจในสิ่งที่คุณได้เห็นตอนค่ำวันนี้บ้างไหมล่ะครับคุณคลิฟฝอร์ด ?”

คำถามนั้นทำให้เธอจำกล้ำกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ

“มันน่าทึ่งมากเลยค่ะแล้วก็น่าสนใจมากด้วย”

“แต่ผมเดาว่าคุณคงไม่ยอมรับทฤษฎีเรื่องการระลึกชาติในสารคดีที่คุณจะเขียนขึ้นใช่ไหมครับ ? ที่จริงภรรยาผมเขาเป็นแฟนบทความของคุณนะ เขาเคยชมกับผมด้วยว่าคุณใช้คำได้คมคายมากสมกับที่เป็นนักเขียนสารคดีระดับแนวหน้าคนหนึ่งทีเดียว”

“ก็คงอย่างนั้นมังคะ” โจพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “และฉันก็เชื่อว่าเธอต้องพูดถูกทีเดียวค่ะถ้าเธอบอกกับคุณว่านี่คือความกล้าหาญอย่างยิ่งของคุณที่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้กับฉัน”

“ทำไมละครับ ผมเองไม่มีอะไรต้องปิดบังเป็นความลับอยู่แล้ว ก็อย่างที่ผมบอกคุณว่าการสะกดจิตมันเป็นของจริง ผมไม่จำเป็นต้องหาคำพูดมาอธิบายกับคุณอีกถ้าบอกว่าการสนองตอบนั่นก็เป็นเรื่องจริง ผมว่าคุณนั่นแหละจะเป็นผู้ให้คำอธิบายได้ดีกว่าผม” เขายิ้มกว้างให้เธออีก และโจก็พบว่าตัวเองกำลังยิ้มตอบเขาอยู่

“ฉันยังสงสัยนะคะ” เธอเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าถือ แต่ก็กล้าพอที่จะบอกว่าแล้วฉันจะทดลองดูค่ะ”

“เธอพูดออกมาเถอะน่าโจ มันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติอย่างนั้นใช่ไหม ?”

ทิมวางแก้วสก๊อตต์ลงบนโต๊ะเบื้องหน้าเธอและทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงข้าม โจกำลังฝืนยิ้มให้เขา

“ฉันอาจจะเพลียมากไปหน่อยก็ได้ทิม ไม่มีอะไรหรอก ไอ้เหล้าแก้วนี้ช่วยให้ฉันดีขึ้นมากทีเดียว” เธอเอื้อมมือไปหยิบแก้วขึ้นมาถือไว้ “ขอบใจมากนะที่ช่วยจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในค่ำวันนี้ให้จนเรียบร้อย”

“แต่วอลตันเขาทำให้คุณกังวลใจใช่ไหมล่ะ ? และมันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องที่คุณคิดว่าเขาแสดงหลอกคุณเท่านั้นด้วย”

“เขาไม่ได้หลอกฉันหรอกนะทิม” เธอส่ายหน้าช้าๆ อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะทำอย่างนั้นเลย “มันอาจจะเป็นเรื่องของกระแสจิตล่ะมั้ง....ไม่รู้นะ” เธอนั่งนิ่งเงียบไปเป็นครู่ “ใช่ทิม ฉันยอมรับว่าเขาสร้างความกังวลใจให้เกิดขึ้นกับฉันอย่างมาก มันก็ออกจะเป็นความรู้สึกที่โง่เขลาและฉันก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าเพราะอะไร....” ทิมยังจับตามองหน้าเธออยู่เมื่อโจเอ่ยต่อช้าๆ

“ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรที่ลึกอยู่ในใจฉัน เป็นอะไรบางอย่างที่ฉันไม่อาจเอื้อมมือเข้าไปแตะต้องมันได้แต่มันก็ลอยตัวอยู่ในใจฉันตลอดเวลาเลย มันคล้ายกับฉันนึกอะไรบางอย่างออกแต่จับเค้าไม่ได้สักทีว่ามันเป็นอะไร” เธอจิบเหล้าในแก้วเมื่อลดแก้วลงก็ยิ้มให้เขาสีหน้าแจ่มใสขึ้นกว่าเดิม

“ฟังฉันพูดแล้วเหมือนคนกำลังเป็นโรคประสาทใช่ไหม ? ฉันไม่ได้เป็นอะไรอย่างนั้นหรอกนะทิมยังสบายดีทุกอย่าง ฉันคิดว่าฉันยอมให้นิคเข้ามามีอิทธิพลเหนือฉันมากเกินไปเสียแล้วสินี่ก็เพราะไอ้การเตือนฉันด้วยความกลัวของเขานั่นแหละ เขากลัวเรื่องการสะกดจิตมาก เขาเคยพูดให้ฉันฟังครั้งหนึ่งว่าเขากลัวจะหมดสติไปแม้แต่ตอนที่ใกล้จะหลับอย่างปกติธรรมดาก็ตาม ฉันว่าเขาคงคิดว่าการสะกดจิตก็คงเป็นแบบเดียวกันนั่นแหละคล้ายกับการถูกวางยาสลบไงล่ะ”

“แล้วมันเป็นความจริงใช่ไหมที่เขาปรึกษาเรื่องนี้กับพี่ชายคุณ ?” ทิมเอ่ยถามอย่างสุภาพภายหลังจากนั่งนิ่งเงียบไปเป็นครู่

“ฉันอยากฆ่าจูดี้จริงๆ ” เธอเงยหน้าขึ้นมองดูเขาอีกครั้งสีหน้าเคร่งขรึมลงกว่าเดิม “ฉันจะไม่แปลกใจ หรอกว่าสิ่งที่แม่นั่นพูดออกมามันจะเป็นความจริง นิคเองก็บอกฉันว่าเขาเป็นคนติดต่อไปหาแซม”

“คุณคงรู้จักแซมดีสินะ”

“ใช่.... ” โจพยักหน้ารับ “เขากลายเป็นเพื่อนของฉันไปหลังจากที่.... ” ท่าทางของเธอลังเลขึ้นมา “หลังจากที่เขาได้พยายามสะกดจิตฉันครั้งนั้น เขาทำงานร่วมกับหัวหน้าเขาในเอดินเบิร์ก เรารู้จักกันที่นั่นครั้งแรกแต่เราไม่เคยเป็นคู่รักกันหรอก มันมาเกิดตอนที่ฉันพบกับน้องชายเขา”

“แล้วสายฟ้าที่มันผ่าลงมายังไม่ตกถึงดินอีกหรือ ?” ทิมเลิกคิ้วถาม

“อ๋อ ! หลังจากที่เราพบกันเมื่อคืนนี้ทุกอย่างจบสิ้นไปแล้ว บ๊ายบาย.... นิโคลาส” แม้น้ำเสียงจะรื่นเริงแต่เธอก็ขบริมฝีปากแน่น ทิมเอื้อมมาจับมือเธอไว้อย่างปลอบใจ

“โจ ผมเห็นใจคุณนะ เอาอีกสักแก้วไหมล่ะ ?” เขาลุกขึ้นยืนหยิบแก้วเธอขึ้นมาโดยไม่รอฟังคำตอบ

เธอมองตามร่างที่เดินตรงไปยังบาร์ ร่างสูงที่เคลื่อนไหวด้วยท่าทางเดินแบบสบายๆ ทิมเตือนใจให้เธอนึกถึงใครคนหนึ่งที่เธอเคยรู้จักเมื่อครั้งยังเด็กเพียงแต่นึกไม่ออกเท่านั้นว่าเป็นใคร แต่จะต้องเป็นใครคนหนึ่งที่เธอเคยชอบมาก รอยยิ้มเคร่งขรึมบังเกิดขึ้น เพราะเหตุนี่ใช่ไหมที่เธอไม่เคยรักเขา ?

เธอยื่นมือออกไปรับแก้วเมื่อเขาเดินกลับมาหา

“ฉันกำลังคิดอยู่ว่าคุณเหมือนใครคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จักนะ เพียงแต่วันนึกไม่ออกเท่านั้นว่าใคร” เธอเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ “แต่รับรองว่าต้องไม่ใช่คนที่เคยรู้จักกันมาในชาติก่อนแน่”

ทิมรินเหล้าใส่แก้วให้ตัวเองทันทีที่กลับมาถึงบ้านหลังจากไปส่งโจที่อพาร์ตเม้นท์ของเธอแล้วและปฏิเสธที่จะอยู่ดื่มกาแฟกับเธอ เมื่อทรุดตัวลงนั่งในเก้าอี้ตัวโปรดเขาเอื้อมมือไปหมุนโทรศัพท์ทันที

“ไฮ นิค เราคุยกันหน่อยได้ไหม ?” เขาเปลี่ยนมือที่ถือหูโทรศัพท์ไว้เอื้อมไปหยิบแก้ว “ฟังผมก่อนนะคุณพบกับพีท ลีเวสันหรือยัง ?”

“เขามาที่นี่ก่อนหน้านี้แล้ว” เสียงตอบของนิคเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

“เขาบอกหรือเปล่าว่าเขาจะทำยังไงต่อไป”

“ไม่เห็นพูดอะไร ว่าแต่คุณเตือนโจหรือยังล่ะ ?”

ทิมยกแก้วขึ้นดื่มเข้าไปอึกใหญ่

“ผมกำลังหวังว่าตัวเองจะไม่ต้องเป็นคนทำ แต่ถ้าผมไม่ทำก็ไม่มีใครทำได้อีกนั่นแหละ และโจคงไม่รู้ด้วยว่ามันมีอะไรอยู่ในข่าวที่เกี่ยวกับเขา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังมีคนอื่นได้ยินเรื่องนี้ด้วย เท่าที่เธอรู้น่ะมันมีคนอยู่ในห้องเพียงแค่สองคนเท่านั้นคือจูดี้กับตัวเธอ ผมว่าแม่ตุ๊กตาของคุณมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหน่อยนะ ฟังนะนิคผมอยากรู้เรื่องโจกับการสะกดจิตนั่นน่ะมันเป็นยังไงรุนแรงมากนักหรือ ?”

“ใช่เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากทีเดียว เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีอิทธิพลมากพอขอให้ช่วยกีดกันเธอให้พ้นไปจากเรื่องนี้ด้วย”

“วันนี้เราไปพบนักสะกดจิตคนหนึ่งด้วยกันมา”

“พระเจ้า”

“เปล่า ไม่ใช่หรอก เธอเพียงแต่ไปดูวิธีการสะกดจิตเพื่อระลึกชาติได้เท่านั้น มันน่าทึ่งมาก แต่มันมีความจริงบางอย่างปรากฏให้เห็นคือโจเขามีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไป เพียงแต่ว่าตอนที่วอลตันสะกดจิตคนอื่นเขาไม่รู้ตัวเท่านั้น หลังจากเลิกแล้ววอลตันถึงได้บอกว่าเธอพยายามต่อต้านกับการสะกดจิต และมันทำให้เขาผิดหวังมาก”

“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น” นิคพูดอย่างครุ่นคิด “ทิม.... เธอจะกลับไปพบกับวอลตันอีกหรือเปล่า ? หรือถ้าไม่ใช่วอลตันอาจเป็นคนอื่นคุณพอจะรู้บ้างไหม ?”

“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ เธอพูดทำนองว่าเวลานี้เธอได้ข้อมูลมากพอจะเขียนสารคดีที่ตั้งใจจะเขียนได้แล้ว นี่”

“ขอบคุณพระเจ้า ขอให้เราภาวนาอย่าให้เธอก้าวไกลเข้าไปในเรื่องนี้อีกเลย ขอโทษนะทิม จูดี้กำลังเดินเข้ามาในห้องแล้ว ผมต้องวางหูก่อน” เสียงพูดในตอนท้ายของเขาเบาลงจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ

ทิมยิ้มกับตัวเองเมื่อวางหูโทรศัพท์ลง ถ้าว่าไปแล้วบทบาทของหนุ่มเจ้าชู้ที่มีแฟนทีเดียวสองคนไม่เหมาะสมกับนิคเท่าไรนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel