บท
ตั้งค่า

หวางอี้ตัน

"องค์ชายของเสี่ยวปาจริงใจ แต่หญิงงามที่จริงใจเกรงว่าจะหายากสักหน่อย"ดวงตาสุกสกาวที่เบิ่งมองหญิงงามนางหนึ่งเดินย่อกายลงตรงหน้ารูปจำลองพระโพธิสัตว์ ใบหน้างดงามดั่งนางสวรรค์ หวางอี้ตันจ้องมองตาไม่กะพริบ

คฤหาสน์บรรพชนตระกูลหวาง

“องค์ชายว่าอย่างไรนางไปแล้ว”

หวางอี้ตันสะดุ้งตื่นจากภวังค์

“ข้าตามนางไปจะดีไหมเจ้ารั้งอยู่ที่นี่ เผื่อว่าจะมีโอกาสขอให้นางช่วย” เสี่ยวปาพยักหน้าหงึกหงัก

น้ำหวานสาวเท้าออกจากคฤหาสน์ หวางอี้ตันก้าวขาตามออกไปอย่างลืมตัว ม่านบางๆ ที่กางกั้นอยู่กลับขยายเปิดออกทันที เสี่ยวปากระโดดตัวลอย

“องค์ชาย ออกไปได้แล้ว”

ที่ข้อมือของหวางอี้ตัน มีด้ายสีขาวผูกไว้กับข้อมือของน้ำหวาน ที่เชื่อมโยงลากดึงกันไปมา น้ำหวานเดินไปที่รถหวางอี้ตันรีบ พุ่งตัวทะลุม่านบางๆ ออกไป รู้สึกว่าร่างกายเริ่มหนักอึ้ง หันหน้าหันหลังโบกมือให้เสี่ยวปาที่ออกมายืนด้านนอกยิ้มแก้มปริ

“แม่นาง ๆๆๆ ”

น้ำหวานได้ยินเสียงเพียงแผ่วเบาแต่คิดว่าตัวเองหลอนไปเอง

“ไม่มีไม่มีอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น”พึมพำเบาๆ

หวางอี้ตัน คว้าข้อมือน้ำหวานไว้เต็มเปา สัมผัสอบอุ่นมีเนื้อหนัง

“อย่าปล่อยนะ”

น้ำหวานตะโกนลั่นเมื่อสัมผัสได้ถึง มือของใครบางคนจับแน่นที่ข้อมือบาง

“แม่นางฟังข้าก่อน”

น้ำหวานยกมือขึ้นปิดหูแน่นส่ายหน้าไปมาหลับตาปี๋

“ข้ามีเรื่องให้ช่วย”

“ไม่ได้ยิน”

“ไม่ได้ยินแล้วตอบได้อย่างไร ขอร้อง”

ประสานมือคารวะตรงหน้า

“ข้ารอคอยแม่นางมา600กว่าปี”

เสียบกุญแจรถก่อนจะเปิดประตูแต่ช้าไปกว่าที่คิดเมื่อหวางอี้ตันเข้าไปนั่งข้างๆ

“ลงไป ลงไปเดี๋ยวนี้”หวางอี้ตันอมยิ้ม

“ไหนว่าไม่เห็นไม่ได้ยิน”

หันมองหวางอี้ตันซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหวางอี้ตันช่างหล่อเหลาเกินผี

“ไปให้พ้น” ปากไวเท่าความคิด

“ไปไม่ได้ เจ้ามองเห็นข้าแสดงว่าเรามีวาสนาต่อกัน เจ้ามาเพื่อปลดปล่อยเรา”

“ปลดปล่อยอะไรกันในเมื่อออกมาได้แล้วก็ไปสิ จะมาตามทำไม หรือว่าต้องการจะตอบแทนบุญคุณเหมือนยักษ์ในตะเกียงไม่ ไม่ๆ ฉันไม่เอาหรอกไปเถอะอย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย”

หวางอี้ตันยื่นหน้าเขาไปใกล้สุดใกล้แทนที่จะออกไปไกลๆ อย่างที่น้ำหวานบอก

สูดกลิ่นหอม ตรงหน้าเหมือนแกล้ง หลับตาสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด น้ำหวานอ้าปากค้างเผลอเช็ดน้ำลายในเมื่อใบหน้าของอี้ตัน หล่อเหลาเนียนใส เหมือนดาราซีรีส์จีนย้อนยุค นี่หลุดออกมาจากกองถ่ายหรือไร เกือบจะแนบชิดกับใบหน้าของน้ำหวาน เผลอยกมือขึ้นจับที่แก้มใส

“อุ่น... จังนายเป็นผีหรือคน” หวางอี้ตันจับมือบางไว้เบาๆ

“เป็นผี”

“ว้าย ปล่อย ปล่อยเลยนะ ถ้าจะเป็นผีปล่อยเดี๋ยวนี้ (ยกมือประนม )อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย ฉันกลัวแล้ว ไม่ได้ลบหลู่อะไรทำไมต้องมาหลอกกันด้วย”

หวางอี้ตันแกะมือที่ปิดตาออกทีละนิ้ว

“เจ้ากลัวข้าด้วยหรือ”ทอดเสียงอ่อนโยน

“กลัวสิ ก็เป็นผี”จับมือบางไว้

“เป็นผี แต่ไม่ได้จะทำอะไรเจ้าเสียหน่อย เจ้าเป็นผู้มีพระคุณ”

“ไม่เอาไม่อยากเป็น สิ่งเดียวในโลกที่ฉันกลัวที่สุด คือผีนี่แหละ”

“องค์ชายพรุ่งนี้ จะถึงวันครบรอบวันเกิดแล้ว แม่มีหลายอย่างจะมอบให้”หวางอี้ตันประสานมือตรงหน้า

“เสด็จพ่อ บอกลูกว่าปีนี้อายุครบยี่สิบจะมีของขวัญชิ้นพิเศษ”เจียงเฟยยิ้มอ่อนโยน

“เสด็จพ่อรักองค์ชายกว่าใคร หากเทียบกับพวกพี่ๆ ทั้งสี่คน”

“ลูกรู้ จึงตั้งใจที่จะเชื่อฟังคำสั่งสอนของเสด็จพ่อมาโดยตลอด”ทิ้งตัวลงนอนบนตักของเจียงเฟย

“วันเกิดปีนี้จัดขึ้นที่ตำหนักฉาฮวา อย่างยิ่งใหญ่” เจียงเฟยลูบหัวไปมา อี้ตันยิ้มออดอ้อน

“ไม่ต้องยิ่งใหญ่เพียงแค่พร้อมหน้า ข้าก็พอใจแล้ว”

เจียงเฟยยิ้ม หวางอี้ตันกอดรอบเอวมารดาแน่น

ฝนเริ่มโปรยปรายน้ำหวาน นั่งนิ่ง ไม่กล้าขยับตัว

“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นเห็นไหม ไม่ได้เน่าไม่มีเลือด”

พยายามอธิบายและจะคว้ามือน้ำหวานแต่อีกคนปัดป้องวุ่นวาย คว้าไหล่บางให้หันหน้าสบตาคม

“แม่นางใจเย็นๆ ฟังข้าก่อน”

สบตานิ่ง น้ำหวานสงบลง ก็จะไม่สงบได้อย่างไรก็เมื่อใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้สุดใกล้ อีกทั้งแววตายังจริงใจเพียงนั้น แต่จ้องเอาๆ กลับทำให้เขิน เป็นผีทำไมมีลมหายใจ ปล่อยมือจากไหล่บาง

“ข้ารอเจ้ามา600กว่าปี”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel