หลอก
“รอฉัน”
“เป็นเช่นนั้น”
“เพื่อ”
“เจ้ามาปลดปล่อย เพราะว่าข้าทนทรมานอยู่ที่นี่600กว่าปีเพื่อต้องการไปผุดไปเกิด”
“ใครขังท่านไว้ ต้องทำผิดอะไรแน่เลย เลยโดนขัง”
“ข้า จำอะไรไม่ได้”
“อ้าว แล้วจะให้ช่วยอย่างไร หรือว่าให้ทำบุญกรวดน้ำไปให้”
หวางอี้ตันสั่นหน้า
“นายยังไม่รู้แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรเล่า เพราะฉะนั้นตอนนี้ลงไปก่อนพรุ่งนี้ฉันรับรองว่าจะมาช่วย..ปลดปล่อยนาย”
ความจริงพูดไปอย่างนั้น รับรองไม่มีทางกลับมาที่นี่อีกแน่นอน หวางอี้ตันมีสีหน้าเศร้าสร้อย
“เขาว่าเจ้าจะมาปลดปล่อยพวกเรา แต่ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้าไม่มีทางจะช่วยพวกเราแน่”
“พวกเรา ตัวเดียวก็กลัว แล้วนี่มาเป็นพวกเชียวหรือ”
“แค่ข้ากับขันทีข้างกายเสี่ยวปา”
น้ำหวานถอนหายใจ เริ่มผ่อนคลายลงไปบ้างแล้วเมื่อคุยกันรู้เรื่องอย่างนี้ แต่ตอนนี้ต้องหาทางเอาตัวรอดก่อน แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
“จะให้ช่วยอย่างไร”เสียงอ่อนลง หวางอี้ตันส่ายหน้าไปมา
ข้างหลังนั่นร่างสูงดำทะมึนของสัมภเวสี ในชุดจีนโบราณ ยืนเด่นในเงามืด น้ำหวานมองผ่านกระจกหลังหัวใจแทบหยุดเต้น
“นายพาใครมาด้วย”
ชี้ในกระจกให้หวางอี้ตันดู หวางอี้ตันหันไปมองก่อนจะเบิกตากว้าง
“พี่ใหญ่”
“อี้ตันเจ้าจะเอาตัวรอดเพียงลำพังได้อย่างไร”
เสียงคำรามกึกก้องน่ากลัวดวงตาสีแดงปูดโปน
น้ำหวานบิดกุญแจรถ เหยียบคันเร่งสุดแรงเมื่อเห็นว่า ร่างสูงดำทะมึนเกาะอยู่ที่รถพยายามจะปีนขึ้นมา
“เหว๋อไม่อยู่แล้ว”
เสียงล้อรถบดกับถนนเสียงดังสนั่น หวางอี้ตันไม่ทันระวังศีรษะกระแทกเข้ากับคอนโซลรถ คลำที่ศีรษะปรอยๆ นึกว่าตัวเองยังเป็นเพียงอากาศธาตุ
“เบาๆ หน่อย”ออกปากเตือนน้ำหวาน
“ไม่ต้องเลย ลงไปเดี๋ยวนี้นายไม่น่ากลัว แต่อีกตัวน่ากลัวที่สุด”
รถโดนดึงไว้สุดแรง ออกตัวได้อย่างยากลำบาก
“นายบอกให้เขาปล่อยพวกเราไปที”
“พี่ใหญ่ปล่อยเราไปเถอะ”ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย
“เขาไม่ปล่อย”หันมาพูดกับน้ำหวาน
“เขาไม่ปล่อยนายก็ลงไปเจรจากับเขา ไหนบอกว่าเป็นพี่ใหญ่ทำไมไม่คุยกัน”
“เขากับข้าไม่ค่อยถูกกัน”
“นายต้องไปทำอะไรให้เขาโกรธแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาต้องดีกับนาย”
ภาพความทรงจำเก่าๆ หวนมา
“น้องห้า เจ้านี่ช่างโง่งมเสียจริง หญิงใดจะชอบพอกับองค์ชายที่โง่งมเช่นเจ้ากัน”หวางอี้จื้อ ยืนเคียงข้างแม่นางที่งดงามผู้นั้นที่หวางอี้ตัน พบเจอนางที่วัดในวันไปขอพร
“นายลงไปเลย เขาไม่ให้นายไปฉันไม่เกี่ยว”
“เขาไม่ปล่อยเจ้าด้วยแน่ เพราะเจ้าก็ปลดปล่อยเขาออกมา หากข้าไปหยุดเขาไว้เพื่อให้เจ้าหนีไป เจ้าคงต้องหนีข้าไปแน่”
“รู้ทันได้อย่างไร”
“ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไป”
“ฉันสัญญาต้องกลับมาช่วย”
“มิตรภาพยามคับขันมักไม่จีรัง ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก”
“เฮ้อ อย่างนั้นเกาะแน่นๆ บรื้นๆๆๆ บรื้น”
รถพุ่งออกไปราวกับลูกดอก พุ่งเข้าหาเป้าหวางอี้ตันเซถลาไม่ทันระวังตัว พึงระลึกได้ว่าเจ็บแปลบที่ใบหน้า นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด
รถวิ่งมาได้ระยะหนึ่งไม่มีหวางอี้จื้อตามมาแล้ว
หวางอี้ตันตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมภายนอก ทั้งแสงสีและผู้คนที่เดิมขวักไขว่ทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางคืน
“ทำไมพวกเขาไม่นอนกัน”
“นอนแต่บางคนยังไม่นอน กลางวันคนเยอะยิ่งกว่านี้”
“เมื่อก่อน ข้าหมายถึงเมื่อหกร้อยกว่าปีก่อน กลางคืนไร้ซึ่งแสงไฟและผู้คนสัญจร”
“ไม่แปลก มีผีไหมเมื่อหกร้อยกว่าปีก่อน”น้ำหวานชวนคุย
“ไม่มี”
“แต่ตอนนี้มี555 ว่าแต่นาย เป็นผีที่หน้าตาดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา”
“บางทีข้าอาจไม่ใช่ผีก็ได้ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไรตาย อยู่ๆก็ถูกขังในโถ”น้ำหวานเบิกตากว้าง
“โถ”
“โถลายคราม อันนั้นอย่างไรเล่าที่แม่นางเปิดมันออกด้วยความบังเอิญ”
“เลิกเรียกแม่นางได้แล้ว”ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้
“แล้วให้ข้าเรียกว่าอย่างไรดี”
“น้ำหวาน แต่สัญญานะว่าห้ามสนิทมากไปกว่านี้หากฉันช่วยนายตามที่สัญญาไว้ แล้วนายต้องไป”ใจไหววูบ
“สัญญา เจ้ารักษาสัญญาเช่นนั้นเชียวหรือ หน้าของเจ้ามองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนรักษาสัญญา”
“สำหรับฉันคำพูดสำคัญที่สุด บอกว่าช่วยก็คือช่วยบอกว่าให้ก็คือให้ ไม่มีสายไม่มีเลส”หวางอี้ตันพยักหน้าน้อยๆ
“ปัญหาหมดไปหนึ่งอย่าง ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือข้าไม่รู้ว่าจะให้เจ้าช่วยอย่างไร”