ข้ามภพหมื่นลี้จรดพู่กันคะนึงหา

62.0K · จบแล้ว
จันทร์ส่องแสง
51
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คนึงหาท่าน ชั่วกัปกัลป์ไม่อาจบรรยาย เพียงเรียงร้อยถ้อยคำเป็นบทกวีไม่อาจหวนคืนสู่อ้อมกอด ที่ใดเล่าท่านพักพิงกายที่นั่นข้าพร้อมติดตาม หากจะกลั่นน้ำตาให้หยดรินเป็นสายน้ำ ก็ไม่อาจพบพาน คนึงหาชั่วนิรันดร

นิยายจีนโบราณคนต่ำต้อยท่านอ๋องรักหวานๆข้ามมิติรักแรกพบจีนโบราณพระชายานิยายย้อนยุคเกิดใหม่ในนิยาย

ปลดปล่อย

ท้องฟ้ามืดมิด ลมฝนกำลังโหมกระพือพัดอย่างบ้าคลั่ง คงจะไม่รู้สึกอะไรหากว่าไม่ได้ลืมกุญแจห้องไว้บนโต๊ะทำงาน น้ำหวานถอนหายใจ ใบหน้าสวยใสไร้เครื่องสำอางปากคอคิ้วคางเข้ารูปหน้ามองผิวไม่ได้ขาวซีดเหมือนสาวจีนแต่ผิวก็จัดว่าขาวในความเป็นสาวไทย หน้าที่ผู้ช่วยผู้ดูแลพิพิธพัณฑ์คฤหาสน์ตระกลูหวาง หน้าที่ที่มีชื่อแสนสวยหรูแต่ทว่าทำงาน เหนื่อยแสนเหนื่อย

น้ำหวาน ยิ้มเย้ยหยันให้กับชีวิตห่วยแตก อุตส่าห์ขอทุนมาเรียนที่ประเทศจีน อาจารย์หางานให้ ตอนที่ลงประกาศไว้ไม่ได้ระบุว่าต้องกลับมืดค่ำอย่างนี้ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือสามทุ่มกว่าแล้ว น้ำหวานเพิ่งจะมาได้สามวัน วันนี้จึงเป็นวันที่สองที่มาทำงานเพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ ก่อนที่ต้องไปเรียนในอีกไม่กี่วัน น้ำหวานเลือกที่จะเรียนช่วงเช้า จึงพอมีเวลามาทำงานช่วงบ่าย ค่าเหนื่อยที่ได้ ไม่มากนักแต่ก็ต้องทนเหนื่อย วันๆแทบจะไม่ได้พักเพราะป้าผู้ดูแลเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ น้ำหวานตั้งใจว่าจะทนดีกว่าต้องหางานใหม่ครั้นจะไม่ทำงานเลยก็ไม่ได้ มีงานทำอย่างน้อยก็พอจะช่วยแบ่งเบาภาระได้บ้าง กว่าจะเก็บหอมรอมริบมาถึงนี่ต้องใช้เวลานานแสนนาน คงแก่เรียนไปเสียแล้ว

“อ้าวกลับมาทำไม”

ลุงยาม ถามเป็นภาษาจีน น้ำหวานยิ้ม ๆ

“ลืมของค่ะลุง”ลุงยามโบกมือให้เข้าไปข้างใน

ใช้กุญแจสำรองไข ประตูเล็กข้างๆ ที่เขียนว่าสำหรับเจ้าหน้าที่ เป็นภาษาอังกฤษ

ด้านหน้ามีอักษรจีน เด่นเป็นสง่า

...คฤหาสน์บรรพชนตระกูลหวาง…. (มาจากแซ่หวาง หวางจื่อที่แปลว่าลูกเธอของราชวงศ์โจวกลายมาเป็นแซ่)

เสียงประตูดังออดแอด เมื่อน้ำหวานเปิดมันออกมาอย่างเบาแรงที่สุดเหมือนกลัวว่าใครจะได้ยิน นึกขำตัวเองไม่มีใครอยู่สักหน่อยจะกลัวใครได้ยินทำไม

เดินก็ยังย่องเข้าไปเหมือนใครจะเห็น มืดตึดตือทางเดินที่มีแสงไฟสีส้มห่างๆ เกือบห้าเมตรถึงจะพบดวงไฟสลัวหนึ่งดวง

“โอ๊ะ เพล้ง”

เดินชนเข้ากับโถลายครามใบเล็ก ที่วางอยู่ในชั้นสำหรับโชว์ โดดเด่นเกินของชิ้นอื่นควันสีขาวพวยพุ่ง แต่ความมืดทำให้น้ำหวานมองไม่เห็นควันนั้น กลิ่นคล้ายกับเครื่องหอมลอยเข้าจมูก

“ตายแล้ว”

เปิดไฟฉายในโทรศัพท์ก้มลงมอง ไม่มีแม้กระทั่งรอยบิ่น แต่ฝาของโถลายครามหลุดออกจากตัวโถวางเค้เก้ น้ำหวานใจชื้นขึ้นมา รีบปิดปากโถแล้วยกขึ้นไปวางที่เดิม อย่างถะนุถถนอม ลวดลายสวยงามแปลกตาทำไมสวยแบบนี้ ใช้มือลูบไล้แผ่วเบาอย่างลืมตัว

“ฮาว… องค์ชายเราสองคนเป็นอิสระแล้ว”

เสี่ยวปากระตุกชายเสื้อของหวางอี้ตันเบาๆ อีกคนยิ้มกว้าง ยกแขน ยกขาขึ้นมามองสำรวจเหมือนกลัวว่าจะมีอะไรหายไป

“นางคือผู้มีพระคุณ” ก้าวขาตามน้ำหวานไปช้าๆ

น้ำหวานค่อยๆย่องเพราะกลัวจะไปชนเข้ากับอะไรอีก

กลางวันบรรยากาศ ไม่น่ากลัวเท่ากลางคืนแม้จะมีไฟแสงสว่างสีส้มเป็นบางจุด แต่ก็วังเวงอยู่ดี ห้องทำงานอยู่ด้านในสุด บรรยากาศยิ่งวังเวง อีกทั้งมีของสะสมของตระกูลมากมายในนั้น ทำให้บรรยากาศยิ่งน่ากลัวไปกว่าเดิม จึงตระหนักได้ว่าเดินช้าๆยิ่งน่ากลัว

น้ำหวานสาวเท้าอย่างรวดเร็วกลั้นลมหายใจ เหมือนจะหยุดหายใจ พร้อมกับท่องไว้ในใจว่า

“ไม่มีผี ไม่มีผี ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว”

ลมพัดผ่านวูบทั้งๆ ที่เป็นห้องทึบหน้าต่างก็ไม่ได้เปิด น้ำหวานยืนตัวแข็งทื่อ จะกลับออกไปก็ไกลแสนไกลเดินเข้าไปใกล้กว่าอีกอย่างถ้ากลับออกไปไม่แคล้วต้องนอนข้างนอกฝนก็จะตก อีกทั้งเพื่อนที่เมืองนี้ก็ไม่มี

น้ำหวานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวขาให้กว้างให้ไกลที่สุดเพื่อให้ถึงโดยเร็ว

เงาดำไหววูบข้างหน้า แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ไม่มีขโมย หรือว่าขโมยจะมาขโมยอะไร ในเมื่อใครๆ ก็รู้ดีว่าที่นี่ไม่มีของมีค่า ป้าผู้ดูแลพูดแบบนั้น ไม่เคยมีใครมาขโมยของมาเกือบร้อยปีแล้ว ตั้งแต่ถูกตั้งให้เป็นพิพิธภัณฑ์หรือว่า ...

ร่างสูงชะลูด ในชุดแบบองค์ชายของจีนโบราณโผล่มาจากด้านหลัง

“แม่นาง”

น้ำหวานหันหลังขวับก่อนจะอ้าปากค้าง ล้มทั้งยืนหมดสติอยู่ตรงนั้น

ร่างสูง พยายามจะรับร่างของน้ำหวานไม่ให้ล้มลงบนพื้นแต่ไม่สำเร็จ เมื่อตัวเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ

“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยนางด้วย”

ร่างบางเบาเหมือนอากาศของ ชายในอาภรณ์ขันทีปรากฏกายขึ้นทันที

“องค์ชาย อย่าเสียงดังไป แปลกจริงทำไมนางมองเห็นเรา”

หวางจื่ออี้ตันส่ายหน้าไปมา

“ช่วยนางก่อน ไม่อย่างนั้นนางได้มาอยู่ที่นี่เป็นสหายกับพวกเราแน่”