ใครช่วยใคร
หวางอี้ตัน พยายามเบ่งกำลังลมปราณจากด้านใน พยายามยกตัวของน้ำหวานขึ้น ขันทีหนุ่มน้อยเสี่ยวปา เอามือโบกไปมาแทนพัด แต่จนแล้วจนรอดทั้งสองก็ได้แต่มองน้ำหวานนอนอยู่อย่างนั้น
“ทำอย่างไรดีนางไม่ฟื้น”หวางอี้ตันนั่งมองน้ำหวานที่หลับตาพริ้ม
“หลบๆๆๆ องค์ชายหลบไปก่อน”
“อะไรของเจ้า ข้ากำลังมองว่านางไม่เหมือนคนแคว้นเรา”หวางอี้ตัน กำลังพิศมองใบหน้าหวานของน้ำหวานอยู่
“ตาเฒ่านั่นเข้ามาข้างในแล้ว” หมายถึงลุงยามที่เห็นว่า น้ำหวานเข้ามาเสียนานจึงเดินตามมาดู
“อ้าวมาหลับอยู่นี่เอง” ลุงยามบ่นเบาๆ
“ สงสัยจะง่วง เฮ้อดึกป่านนี้แล้ว ให้เด็กรุ่นใหม่มาทำงานหามรุ่งหามค่ำใครกันจะทนไหว”
ร่างอากาศทั้งสองรีบวิ่งหลบกันชุลมุนเหมือนกลัวว่าลุงยามจะเห็น
“ปล่อยให้นอนหรือว่าจะปลุกดี เฮ้อน่าสงสาร หนูนี่หนู ตื่นได้แล้ว ไหนว่ามาเอาของที่ลืมไว้ ตื่นๆๆๆ ”
เอื้อมมือหมายจะเขย่าตัวแต่นึกขึ้นได้ ไทกั๋วเหยิน มักจะหวงตัว แค่เรียกก็พอ
“นังหนูตื่นได้แล้ว” น้ำหวานลืมตาตื่นช้าๆ นึกลำดับเหตุการณ์
“ว้ายๆๆ คุณลุงช่วยด้วย หนูเห็นๆผี”หันซ้ายหันขวา
“ผี ไม่มี ที่นี่ไม่เคยมีผีมาก่อน”
“แต่..จริงๆ นะหนูเห็นเต็มสองกะตาเลย”ลุงยามส่ายหน้าไปมา
“คงจะง่วงมาก ที่นี่ไม่มีผี ลุงอยู่ที่นี่มาตั้งแต่หนุ่มๆ จนป่านนี้ยังไม่เคยได้ยินว่าใครเจอผี”
น้ำหวานถอนหายใจ จริงอย่างลุงยามพูด ใครจะเชื่อผีมีจริงเสียที่ไหนเล่าหรือว่าน้ำหวานฝันไป หรือว่าตาฝาด
“ตาฝาดไปหรือเปล่า”
น่าน ต้องมาเสต็ปนี้ น้ำหวานกวาดตามองรอบๆ ทว่ากลับไม่มีสิ่งผิดปกติอื่นใด
“หลบองค์ชายหลบ”ขันทีหนุ่มน้อยดึงร่างบางเบาเหมือนอากาศให้หลบเข้ามุมห้อง
น้ำหวานยิ้มแหย๋ๆ
“ไม่มีจริงๆ ด้วย ถ้ามีต้องเห็นแล้ว”ลุงยามยิ้ม
“กลับไปพักผ่อนได้แล้ว หรือว่าจะนอนอยู่ที่นี่มีเครื่องนอนอยู่ในนั้น ปกติยัยป้าเขาก็จะมานอนที่นี่ประจำ หากงานที่ทำค้างคา”
น้ำหวานส่ายหัวเร็วรี่ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่สุภาพ
“มะไม่เป็นไรค่ะคุณลุง หนูคงจะง่วงไปหน่อยแต่ก็ไม่สมควรนอนที่นี่ กลับเลยละกันค่ะ”
“อ้าวไหนว่าลืมของ”
น้ำหวานหันรีหันขวางก่อนจะวิ่งไปหยิบพวงกุญแจที่อยู่ห่างออกไปไม่เท่าไรแล้วก็โกยแน่บออกจากตรงนั้นไปทันที
หวางอี้ตัน อมยิ้มแต่เพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าหมดหวัง
“องค์ชายนางไปแล้ว แล้วใครจะช่วยเราสองคน ไหนบอกว่าเรารออยู่ที่นี่แค่ 700ปีก็จะมีคนมาช่วย นี้ก็จะผ่านปีที่700ไปแล้ว อยู่ในโถที่คับแคบนั่น อย่างดีหน่อยก็ออกมาเดินวนเวียนในคฤหาสน์”
ขันทีเสี่ยวปา พูดด้วยน้ำเสียงทดท้อ หวางอี้ตันถอนหายใจ
600กว่าปีที่ผ่านมา
“องค์ชาย อีกสองวันจะถึงวันขึ้นปีใหม่แล้ว เราสองคนไปขอพรที่วัดบนเขากันเขาว่าที่นั่นศักดิ์สิทธิ์”
เสี่ยวปาเอ่ยปากชวน หวางอี้ตัน
“เสด็จพ่อจะเดินทางกลับจากล่าสัตว์แล้วข้าอยากอยู่รอรับ”
ดวงตาเป็นประกายสดใส ภายใต้อาภรณ์ที่สีสดรับกับใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมเข้ม ริมฝีปากแดง ปากหยักได้รูปเหมือนอิสตรี แต่ทว่ากับท่าทีผึ่งผาย
“ไปไม่นานองค์ชาย ฝ่าบาทจะมาก็เกือบค่ำเราไปเดินเล่นชมงานวัดก็ยังมาทัน” หวางอี้ตัน ขยับตัวออกจากห้องไป
“อี้ตัน วันนี้แม่รอรับเครื่องเสวยพร้อมลูกเสด็จพ่อก็จะแวะมาเสวยที่ตำหนักของเรา”
หวางอี้ตัน ยิ้มกว้างก่อนจะก้าวออกไปพร้อมกับ เสี่ยวปา
วัดบนเขา
ผู้คนมากมายต่างจับจ่ายและไหว้พระขอพร งานขึ้นปีใหม่ประดับประดาด้วยผ้าแพรสีแดงทั่วไป หวางอี้ตันจุดธูปต่อหน้ารูปจำลองพระโพธิสัตว์
"องค์ชาย ขอสิ่งใด"เสี่ยวปาถามเมื่อหวางอี้ตันปักธูปลงในกระถางธูป
"ปีนี้ข้า20แล้ว ยังไม่ถูกใจหญิงงามคนใด แล้วจะให้ขอพรใดได้อีก"เสี่ยวปาอมยิ้ม
"นายน้อยของเสี่ยวปาจะต้องพบเจอหญิงงามเพียบพร้อม"
"เจ้าอธิษฐานเช่นนั้นหรือ"ถามยิ้มๆ
"แน่นอน ข้าน้อยเป็นเพียงผู้เดียวที่ตั้งใจให้องค์ชายพบเจอคนที่เพียบพร้อม"
"เพียบพร้อม เช่นนั้นหรือ เอาเป็นว่าข้าอยาก ..พบคนที่รักข้าอย่างจริงใจก็พอ"