ตอนที่ 3 เปิดตัว
ตอนที่ 3 เปิดตัว
งานเลี้ยงฉลองเพื่อต้อนรับสนมองค์ใหม่ได้ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหลือแต่รอแขกผู้มาเยือนเท่านั้น กาญวดีเองก็เตรียมของขวัญไว้พร้อมแล้วเหมือนกัน และเมื่อเจ้าหญิงแห่งลิเบียเดินทางมาถึงองค์ฟาโรห์หนุ่มก็เสด็จออกมารับ
“การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง” อคาเมฟิสรับสั่งถามพร้อมกับแย้มโอษฐ์
“เรียบร้อยดีเพคะ” เจ้าหญิงซีเนียตรัสตอบ พระนางเป็นผู้หญิงผิวคล้ำรูปร่างสูง ผมดำยาวถึงหลัง ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางค์อย่างสวยงาม
องค์อคาเมฟิสเสด็จมาจับมือเจ้าหญิงซีเนียเข้าไปในงานเลี้ยง ซึ่งมีเหล่านางสนมกำนัลนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อร่างบางระหงย่างกายเข้ามาในงาน ก็มีแววตาริษยาของเหล่าสนมพุ่งตรงมาทันที โดยเฉพาะสนมเซฮาน่า ส่วนสนมเอซาน่านั้นปลงใจกับเรื่องนี้ตั้งแต่ถูกส่งตัวเข้ามาถวายแล้ว
“นี่พวกเจ้ามีใครเห็น อรสากับกาญวดีไหม เห็นบอกว่าจะไปทำธุระส่วนตัวแต่นี่มันก็นานแล้วยังไม่มาอีก” พระสนมเอซาน่าหันหาน้องสาวในคราบนางกำนัล
“ไม่เห็นเลยเพคะ” เหล่านางกำนัลตอบกลับและหันมองหน้ากัน
“พวกเจ้าไปตามซิว่าอยู่ที่ใด”เอซาน่าสั่งกับนางกำนัล
“เพคะ” พวกนางกำนัลจึงก้มลงคลานออกไปเงียบๆ
เอซาน่ารู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรพิกลเพราะนางเห็นน้องสาวบุญธรรมทั้งสองกระซิบกระซาบกันอยู่ หลายครั้งแล้ว และเห็นท่าทีดูจะไม่ชอบเจ้าหญิงจากลิเบียตั้งแต่ยังไม่มาถึงวัง เธอหวังว่าทั้งคู่จะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงกับชีวิตของตนเอง
การแสดงได้ดำเนินมาถึงการร่ายรำชุดสุดท้ายของคำคืนนี้ แล้วทุกคนก็ตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวในชุดสีชมพูและสีขาวบางพลิ้วไหวไปมาตามการโยกย้าย พวกนางยืนอยู่ตรงกลางเหล่านางรำที่ใส่ชุดสีแดงสดช่างดูโดดเด่นยิ่งนัก ยิ่งเสื้อผ้าที่ใส่ออกจะวาบหวาม ก่อกวนอารมณ์ผู้ชายได้เป็นอย่างดี ใบหน้าหวานที่แต่งแต้มด้วยเครื่องแต่งหน้าแบบอียิปต์เล็กน้อยทำให้น่าเย้ายวนยิ่งขึ้นไปอีก องค์กษัตริย์ทั้งสองถึงกับตะลึงตาค้าง ในความงามเหมือนเทพธิดาของสองนางที่อยู่กลางวง ส่วนพระสนมเอซาน่าและแม่ทัพกาซัสถึงกับหน้าซีดเมื่อรู้ว่านางรำนั้นคือน้องสาวและบุตรสาวของตนเอง
สองนางเคลื่อนกายเข้าหาองค์กษัตริย์ทั้งสองเพื่อยั่วยวนแล้วมันก็ได้ผล เลือดในกายของกษัตริย์หนุ่มสูบฉีดไปทั่วทุกอณูเนื้อ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนสวยมากขนาดนี้เลย สองสาวลูบไล้วรกายของสององค์อย่างนึกสนุกแล้วก็กรีดกายกลับเข้ากลุ่ม แต่แล้วองค์กษัตริย์ทั้งสองก็ดึงมือพวกนางให้ล้มลงมาบนตักแล้วกอดไว้ด้วยพระหัตถ์แกร่ง พระโอษฐ์บางจาบจ้วงลงมาบนเรียวปากงามทำเอาสองสาวอึ้งไปจนทำอะไรไม่ถูก กาญวดีได้สติก่อนเพื่อน จึงพลักพระอุระองค์อคาเชฟ ให้หงายหลังไปและลุกขึ้นกระตุกมืออรสาให้ลุกตามมาอย่างรวดเร็วจนทั้งสององค์ตั้งตัวไม่ทัน แล้ววิ่งหายลับเข้าไปในความมืด
“ทหารตามจับนางสองคนมาให้เรากับเจ้าพี่ให้ได้ ถ้าหาไม่เจอพวกเจ้าตาย” อคาเชฟรับสั่งเสียงเด็ดขาด ก่อนจะลุกตามผู้เป็นพระเชษฐาที่วิ่งตามนางรำไปแล้วด้วยความใคร่อยากรู้นักว่าพวกนางเป็นใคร มาจากที่ใด
ส่วนสองสาวเมื่อวิ่งมาจากลานพิธีก็รีบตรงมาที่ท้ายวัง พุ่มไม้หนาสั่นไปมาแล้วมีเสียงกระซิบเบาๆ ดังแววออกมาจากด้านหลังพุ่มไม้ใหญ่นั้น “เป็นไงล่ะแผนของเจ้าเกือบซวยแล้วไง” อรสาบ่นน้องสาว
“อย่าบ่นไปเลย เห็นจูบกับองค์ฟาโรห์ง่วนเชียว ถ้าไม่รีบดึงมาคงละลายไปแล้วมั้ง”กาญวดียิ้มล้อเลียน อรสาฟาดมือลงบนต้นแขนของอีกฝ่ายดังเพี้ยะ
“โอ๊ย .....ตีเขาทำไม เขาเจ็บนะ” กาญวดีหน้ามุ่ย ลูกต้นแขนตัวเองไปมา
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย เสร็จหรือยังเดียวใครมาเห็นเข้า ดูซิว่าไฝพี่ติดถูกไหม”
“แล้วฝ้าของเขาอยู่ตรงตำแหน่งหรือเปล่า” สองสาวต่างพากันสำรวจฝ่ายตรงข้าม และเมื่อเรียบร้อยก็พากันเดินออกมาและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“นี่ พวกเจ้าเห็นนางรำสองคนวิ่งผ่านมาทางนี้หรือไม่” ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาถามนางกำนัลทั้งสอง
“ไม่มี ไม่รู้ ไม่เห็นใครเลย” กาญวดีส่ายหน้าไปมาช้าๆ จากนั้นนายทหารคนนั้นก็รีบวิ่งจากไหน ตอนนี้ทั้งวัง เหล่าทหารวิ่งกันวุ่นวายไปหมด ทำให้สองสาวลอบยิ้มกันอย่างนึกขัน
‘สมน้ำหน้างานเลี้ยงล้มไม่เป็นท่าเลย ดูซิยายม้าดีดกระโหลกยืนกระทืบเท้าอยู่เป็นเจ้าเข้าเลย สนุกจังเลย’ กาญวดีนึกในใจ และหันไปหัวเราะกับอรสา แต่สองสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของพวกเธอ
“สนุกมากใช่ไหม” สนมเอซาน่าตรัสด้วยสุรเสียงที่กริ้วมาก
“เปล่าเพคะ” อรสาตอบเสียงอ่อย ส่วนกาญวดีนิ่งเงียบ
“ตามข้ากลับตำหนักเดี๋ยวนี้”
“เพคะ” สองสาวรับคำพร้อมกับ แล้วเดินตามพี่สาวไปด้วยสีหน้าเจื่อนๆ งานนี้คงไม่พ้นโดนลงโทษแน่ๆ และเมื่อเข้าเขตตำหนักใน ห้องส่วนพระองค์ของพระสนมเอซาน่า ทั้งสองก็โดนต่อว่าอย่างหนัก
“ทำอะไร ทำไมไม่ปรึกษา แล้วที่ไปแกล้งทั้งสององค์แบบนั้น ถ้าเกิดโดนจับได้ขึ้นมาจะเป็นอย่างไร พวกเจ้ารู้ไหม ถึงตัดหัวเชียวนะ” ตรัสพรางส่ายพระพักตร์ไปมาอย่างระอาใจ
“ก็พวกหม่อมฉันทนไม่ได้นี่เพคะที่องค์ฟาโรห์เอาใจแม่ม้าดีดกระโหลกนั้นมากกว่าพระองค์” กาญวดีตอบกลับไปเสียงแผ่ว
“แต่เราไม่ได้ขอให้พวกเจ้าทำแบบนี้นี่นา แล้วอีกอย่างข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะไปหึงหวงพระองค์”เอซาน่าจ้องหน้าน้องสาวบุญธรรมอย่างไม่พอใจ
“แต่ว่า...”กาญวดีจะพูดต่ออีก แต่ก็ถูกพี่สาวบุญธรรมพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เป็นความคิดของเจ้าใช่ไหม กาญ” รับสั่งเสร็จก็หันมาทางอรสา “แล้วเจ้าก็ไม่ห้ามน้องเลยนะอรสา กลับเอ่อ ออ ตามนาง”
“เอ่อ...ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว” อรสาก้มหน้านิ่งอย่างยอมรับผิด ส่วนกาญจวดีก็คลานเข้ามาจับขาพี่สาวบุญธรรมพร้อมกับพูดอ้อน
“ข้าก็ขอโทษ คราวหน้าจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”
“ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ” สนมสาวทำเสียงเข้มใส่ กาญวดีรีบส่ายหน้า “ไม่ค่ะๆ ไม่มีอีกแล้วค่ะ”
“ถึงยังไงพวกเจ้าก็ต้องโดนทำโทษ ข้าจะลงโทษพวกเจ้า กักบริเวณอยู่แต่ในตำหนักจนกว่าจะครบหนึ่งอาทิตย์”
“เพคะ” สองสาวต่างยุครับคำพร้อมกัน แล้วร่างบางของสนมเอซาน่าก็เดินออกไปจากห้องนั่งเล่น สองสาวมองตามตาละห้อย
ภายในห้องทรงอักษร กษัตริย์หนุ่มทั้งสององค์ทรงเดินสวนกันไปมาเพื่อรอองครักษ์ที่ใช้ ให้ไปสืบเรื่องนางรำทั้งสองคน ซึ่งตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงเช้าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอนางรำแสนสวยทั้งสองเลย
“พวกเจ้าเป็นใครกัน หรือเป็นองค์เทพองค์ใดแปลงกายมาหลอกข้าเล่นเช่นนั้นหรือ” อคาเมฟิสเหม่อมองออกนองหน้าต่างไปอย่างไร้จุดหมาย