บทที่ 4 จัดการแม่นม
“หลี่มามา เหตุใดจึงกล้าตบสาวรับใช้ข้างกายหวางโฮ่ว? ด้วยนิสัยของหวางโฮ่ว นางคงไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
“กลัวสิ่งใด? บัดนี้หวางโฮ่วถูกฝ่าบาทรับสั่งให้ไปอยู่ในวังเย็นแล้ว สตรีที่อยู่ในวังเย็น ข้าต้องกลัวนางด้วยหรือ?”
“ก็จริง! หลี่มามาเป็นแม่นมของกษัตริย์ และเป็นคนสนิทของไทเฮา ไทเฮาชื่นชอบแกงฝูหรงของหลี่มามาเป็นที่สุด ไม่อาจขาดท่านได้แม้แต่วันเดียว”
“เหอะๆ ไทเฮาทรงไม่พอพระทัยหวางโฮ่วมาตั้งนานแล้ว เพียงเห็นแก่หน้าของท่านเฉิงเซี่ยง จึงไม่กล้าต่อว่าหวางโฮ่ว ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อไทเฮา เพื่อแก้แค้นแทนเหนียงเหนียงนั่นเอง!”
ด้วยการนำทางของจื่อซู เฟิ่งเฉี่ยนเดินทางมาถึงห้องพระเครื่องต้น เมื่อนางเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินบทสนทนาของมามาทั้งสอง นางโกรธจนหัวเราะออกมา
“เจ้าเองสินะ ที่ทำร้ายร่างกายคนของข้า?”
มามาทั้งสองหันหลังไปพร้อมกันด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ทำไมเล่า? ยามอยู่ต่อหน้าข้า กลับไม่กล้ายอมรับหรือ”
หลี่มามายืดอกตรง นางมีไทเฮาคอยปกป้องอยู่ข้างหลังจะกลัวอะไร จากนั้นจึงตอบอย่างไม่เกรงกลัวว่า “ใช่แล้ว บ่าวเองเพคะ! แต่บ่าวเพียงทำตามข้อบังคับในราชวังที่ตั้งไว้! สตรีที่อยู่ในวังเย็น รับประทานได้เพียงอาหารเหลือเท่านั้น ไม่มีสิทธิทานอาหารสดใหม่ นี่คือกฏที่บรรพบุรุษตั้งไว้ แต่สาวรับใช้ผู้นี้กลับไม่ฟัง ทั้งยังโต้เถียงกับหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงได้สั่งสอนนางแทนหวางโฮ่ว!”
สมเป็นคนเก่าแก่ของราชวัง สิ่งที่กล่าวออกมาช่างมีเหตุมีผล หากเป็นคนอื่นคงทำอะไรไม่ถูกไปเสียแล้ว แต่วันนี้โชคร้ายที่อีกฝ่ายคือเฟิ่งเฉี่ยนที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม นางยกมือขึ้นตบไปสองฉาด จากนั้นก็เตะไปยังท้องของหลี่มามาจนร่างนางกระเด็นไปกระแทกพื้น
“ต่อให้ข้าเข้าไปอยู่ในวังเย็น ข้าก็ยังเป็นหวางโฮ่ว เจ้า เป็นเพียงบ่าวรับใช้ กล้าดีอย่างไรมาโต้เถียงกับข้า? เช่นกัน หากข้าไม่สั่งสอนเจ้าแทนไทเฮา ข้าคงนับว่าอกตัญญูต่อไทเฮาสินะ!”
เชอะ ให้กินอาหารเหลือค้างคืน? รนหาที่ตายชัดๆ !
ชั่วพริบตาเดียว คนในห้องพระเครื่องต้นก็รับรู้ได้ถึงอันตรายที่จะมาสู่ตน จึงไม่มีใครกล้าแม้แต่หายใจรุนแรง
หลี่มามาล้มลงไปกองบนพื้น มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าเอาไว้ กล่าวอย่างเหลือเชื่อว่า “กะ......กล้าตบหน้าหม่อมฉันหรือ?”
“ยังมีแรงพูดมาก?” เฟิ่งเฉี่ยนเหลือบมองจากนั้นหันไปทางสาวรับใช้ของตน “จื่อซู ไปตบนางสิบที!”
ไม่ยอมงั้นหรือ? ข้าจะตบจนเจ้ายอมเลยคอยดู!
หลี่มามาเบิกตากว้าง จ้องไปทางจื่อซู “เจ้ากล้า? หากไทเฮาทราบเรื่องนี้ คงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
จื่อซูลังเลด้วยความกลัว “เหนียงเหนียง......”
เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลง น้ำเสียงกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “ต่อให้ไทเฮาเสด็จมาบัดเดี๋ยวนี้ ข้าก็ยังตบเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง!”
สิ้นเสียงลง ก็ได้ยินเสียงแหลมของขันทีแจ้งขึ้นว่า “ไทเฮาเสด็จ——”
บังเอิญเหลือเกิน ไทเฮาเสด็จมาจริงๆ
“แกงฝูหรงของข้าเสร็จแล้วหรือไม่? เหตุใดวันนี้จึงช้านัก ข้าไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว”
เสียงของไทเฮาดังเข้ามาจากข้างนอก เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับไปมอง พบว่านางในคนหนึ่งกำลังพยุงไทเฮาตรงเข้ามาในห้องพระเครื่องต้นช้าๆ
เมื่อเห็นหลี่มามา ไทเฮาก็ตกตะลึงเล็กน้อย ใบหน้าเปลี่ยนสี “หลี่มามา เจ้าไปนั่งที่พื้นทำไม? ใบหน้าเจ้าเป็นอะไร?”
หลี่มามาเห็นไทเฮาก็เสมือนเห็นความหวัง นางคลุกคลานเข้าไปกอดขาไทเฮา แล้วโอดครวญว่า “ไทเฮาเพคะ......ได้โปรด......ได้โปรดคืยความยุติธรรมแก่หม่อมฉันด้วย!”
“เกิดเรื่องใดขึ้นเล่า?” ไทเฮาประหลาดใจยิ่งนัก เมื่อหันมองจึงพบเฟิ่งเฉี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้านางเคร่งขรึมลงทันใด “หวางโฮ่ว มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“ถวายบังคมเสด็จแม่” เฟิ่งเฉี่ยนโค้งกายเล็กน้อย ส่วนคนอื่นๆ ได้คุกเข่าลงแล้วเอ่ยสรรเสริญ
ไทเฮามองไปทางเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสีหน้ามืดมน “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เฟิ่งเฉี่ยนอ้าปากอยากจะกล่าว แต่หลี่มามาได้แย่งพูดขึ้นก่อนว่า “ไทเฮาเพคะหม่อมฉันกำลังทำแกงฝูหรงถวาย จู่ๆ สาวรับใช้ข้างกายของหวางโฮ่วก็เดินเข้ามา สั่งให้หม่อมฉันทำบะหมี่ หม่อมฉันเกรงว่าจะเสียเวลาในการทำแกง จึงได้ปฏิเสธ ใครจะรู้เล่าว่าหวางโฮ่วจะโมโหแล้วตรงมายังห้องพระเครื่องต้น ลงมือทำร้ายหม่อมฉันอย่างไร้เหตุไร้ผล! ซ้ำยังกล่าวว่า......ว่า......” นางแกล้งทำเป็นพูดไม่ออก
“กล่าวว่าอะไร?” สีหน้าไทเฮาดูไม่น่ามองนัก
“กล่าวว่าต่อให้ไทเฮาเสด็จมา นางก็จะไม่รามือ!” หลี่มามาก้มศีรษะลงติดพื้น “ไทเฮาเพคะ ที่หม่อมฉันทำไปทั้งหมดนี้เพื่อไทเฮานะเพคะ ได้โปรดช่วยหม่อมฉันด้วย......”
หลี่มามาร่ำไห้น้ำตานองหน้าอย่างน่าสมเพช แม้แต่เฟิ่งเฉี่ยนเองยังเกือบคิดว่านางทำเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นจริงๆ
“บังอาจ!” ไทเฮาโมโหเดือดดาล จ้องไปทางเฟิ่งเฉี่ยน ตะคอกเสียงดังว่า “หวางโฮ่ว บัดนี้ควรอยู่ในวังเย็นมิใช่หรือ เหตุใดจึงมาก่อเรื่องที่ห้องพระเครื่องต้น เจ้ายังเคารพกฎราชวังอยู่หรือไม่?”
ตุ้บ!
ไม่รอให้เฟิ่งเฉี่ยนเอ่ยสิ่งใดตอบ สาวรับใช้ข้างกายนางก็คุกเข่าลงที่เท้าไทเฮา โขกศีรษะทูลด้วยท่าทางหวาดกลัวว่า “ไทเฮาเพคะได้โปรดเถิด ความผิดทั้งหลายนี้เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง ได้โปรดอย่าทรงถือโทษหวางโฮ่วเลยเพคะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนยกมือขึ้นกุมศีรษะ สาวรับใช้คนนี้ของนางดีทุกเรื่อง เว้นแต่ชอบคุกเข่าขอโทษคนอื่นไปทั่ว กังวลแทนนางอยู่ทุกเรื่องไป!
“เจ้ารู้ตัวดีนี่! ในเมื่อเจ้ายอมรับผิดแล้ว ก็ควรลงโทษตามกฎ” ไทเฮาพูดกับจื่อซูก็จริง แต่สายตาหันไปทางเฟิ่งเฉี่ยนเป็นความหมายว่านางกำลังเชือดไก่ให้ลิงดู “เอาตัวนางไปโบย 100 ไม้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกตรงเข้ามา
ผู้คนในห้องพระเครื่องต้นสูดลมหายใจเฮือกใหญ่
โบย 100 ไม้?!
ไทเฮาต้องการชีวิตนางหรือ!
องครักษ์ทั่วไปยังไม่อาจทนได้ นับประสาอะไรกับสาวรับใช้ธรรมดา?
ไทเฮาสีหน้าซีดเผือด ทรุดลงพื้นด้วยท่าทีสิ้นหวัง