บทที่ 3 ผจญภัยในวันเย็น
วังเย็น ช่างเย็นเยือกสมกับชื่อและคำร่ำลือ
สาวรับใช้เดินตรงเข้ามาน้ำตานองหน้าตลอดทาง "เหนียงเหนียงเพคะ ท่านเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ จะให้อาศัยในที่แห่งนี้ได้อย่างไร? สู้ลองไปร้องขอฝ่าบาทดูดีหรือไม่ ยอมทำตามที่เขาบอก ฝ่าบาทต้องเห็นแก่นายท่านและไม่ทำอะไรเหนียงเหนียงแน่นอน......”
สาวรับใช้นามว่าจื่อซูเป็นสาวรับใช้ข้างกายที่มาจากตระกูลเฟิ่ง จงรักภักดีต่อนางเป็นที่สุด ข้อเสียอย่างเดียวนั่นก็คือชอบพูดมากกังวลไปก่อนล่วงหน้า
“ข้าว่าที่นี่ก็ไม่เลว ทั้งกว้างขวางและสงบ นี่มันคฤหาสน์ชัดๆ ” เฟิ่งเฉี่ยนเดินไปตรงเตียงที่เต็มไปด้วยหยากไย่ ก่อนจะเปิดชายผ้าห่มออก นางพบเข้ากับดวงตาสีเขียวเป็นประกายคู่หนึ่งที่กำลังตกตะลึงเช่นเดียวกัน!
สาวรับใช้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น นางจึงชะโงกหน้าเข้ามามอง ก่อนจะตกใจจนใบหน้าซีด ร้องเสียงหลงว่า “กรี๊ด งู!"
เจ้างูเห่าที่นอนขดอยู่ก็ตกใจเช่นกัน มันรีบชูคอแผ่แม่เบี้ย แลบลิ้นสีแดงเพลิงของมันออกมาราวกับกำลังเจอศัตรูแค้น
"เงียบ!" เฟิ่งเฉี่ยนตะคอกออกมา ก่อนจะหยิบปิ่นบนศีรษะออก แววตาจ้องไปที่งูเห่า งูเห่านั้นก็จ้องนางเช่นกัน ทั้งงูและคนได้แต่จับจ้องกันไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลาเนิ่นนาน!
สาวรับใช้ยกมือขึ้นกุมปากของตน เบิกตากว้างยืนอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับเขยื้อน ร่างกายสั่นคลอน
ทันใดนั้นเอง งูเห่าก็ได้เริ่มโจมตีก่อน มันกระโดดขึ้นมาสูงถึงสองเมตร แล้วมุ่งเป้าไปที่ดวงตาของเฟิ่งเฉี่ยน
ในช่วงเวลาชั่วพริบตานั้นเอง เฟิ่งเฉี่ยนก็กระตุกมือ ปล่อยปิ่นนั้นพุ่งออกไป ปิ่นเงินอันแหลมคมเป็นประกาย มุ่งเป้าไปที่งูเห่าที่ห่างออกไป 7 นิ้ว ปักเข้าไปที่มันอย่างเต็มเปา!
ไม่มากไม่น้อย ระยะห่าง 7 นิ้วพอดี!
ทั้งแม่นยำและหนักแน่น!
งูเห่าที่กระโดดลอยอยู่ในอากาศร่วงหล่นลงพื้น หัวของมันกระแทกพื้นอย่างจังแล้วตายในทันที!
บรรยากาศหยุดนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก สาวรับใช้ได้หลับตาลงในช่วงวินาทีสุดท้าย นางไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่เป็นเวลาเนิ่นนาน จึงได้เปิดตาข้างหนึ่งออกดู กลับพบว่าหวางโฮ่วยืนอยู่ที่เดิมไม่เป็นอะไร แต่งูเห่านั้นได้สิ้นใจแล้ว
นางยังคงอกสั่นขวัญหาย เบิกตากว้างหันไปถามด้วยความเหลือเชื่อว่า "เหนียงเหนียงเพคะ ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? ทะ......ท่านทำได้อย่างไร?" เก่งมากเหลือเกิน!
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้อธิบาย แต่หันไปกำชับถามว่า "เจ้ามีตะบันไฟหรือไม่?"
สาวรับฉายได้แต่ตกตะลึง จากนั้นพยักหน้า
เฟิ่งเฉี่ยนหยิบตะบันไฟมา จากนั้นหาไม้ฝืนที่ข้างนอกเอามาปั่นเสียดสีกัน นางทำด้วยท่าทางคล่องแคล่วจนกระทั่งจุดไฟสำเร็จ จากนั้นจึงทำการเดินสำรวจไปรอบๆ วังเย็น บรรดางู หนู มดสัตว์เหล่านี้ล้วนกลัวไฟ พวกมันจึงพากันหนี จากความพยายามกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ได้ขับไล่ งู มด หนูแมลงสาบออกไปจนสำเร็จ
มิน่าเล่า บรรดาสนมจึงกลัวที่จะเข้ามาในวังเย็น ที่แห่งนี้ไม่สมควรจะเป็นที่อยู่ของมนุษย์!
แต่ในฐานะมือสังหารอันดับหนึ่งของโลก เฟิ่งเฉี่ยนใช้ชีวิตร่อนเร่ไปรอบโลก ไม่ว่าจะเป็นในป่าเขตร้อน ทะเลทรายอันแห้งแล้ง ภูเขาหิมะถล่ม ปราสาทเก่าในยุคกลาง......นางล้วนเคยอาศัยมาแล้ว!
นางปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้โดยเร็ว ก่อนจะพักผ่อนลง วังหลังสำหรับนางไม่ได้ลำบากอะไรเลย กลับสงบเงียบดีเสียด้วยซ้ำ!
“ข้าหิวแล้ว ไปทำบะหมี่มาให้ข้าสักชามสิ”
“เพคะ”
ในฐานะมือสังหาร เฟิ่งเฉี่ยนมีความเชี่ยวชาญในการลอบสังหาร การปลอมตัว การสะกดรอยตาม การหลบหนีและทักษะทางวิชาชีพอื่น ๆ จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของนางคือ......เรื่องการกิน!
นางเป็นมือสังหารที่ขึ้นชื่อเรื่องกินเก่ง!
นางเคยกินบะหมี่ฝีมือเชฟระดับมิชลิน นางกินบะหมี่จนหมดชามโดยรู้ว่าคู่ต่อสู้ของวางยาพิษลงไปในบะหมี่ ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดไป นางไปตามหาศิษย์พี่หมอเทวดาล้างพิษให้
คนที่ตะกละเช่นนี้ นอกจากนางคงไม่มีใครอีกแล้วในโลกนี้
ดังนั้นศิษย์พี่มักจะบอกว่า หากวันใดนางจบชีวิตลงก็คงเป็นเพราะปากของตนอย่างแน่นอน คำพูดของศิษย์พี่เป็นจริง เพียงแต่นางไม่ได้ถูกวางยาพิษจนตาย ไม่ได้ถูกรัดคอจนตาย กลับประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกระหว่างทางไปภูฏานเพื่อร่วมงานเลี้ยงในพระราชวัง ดวงวิญญาณของนางก็แตกสลาย
ชั่วพริบตาเดียว นางได้เดินทางมาถึงพระราชวังของแคว้นเป่ยเยียน กลายเป็นหวางโฮ่วของวังเป่ยเยียน ชะตากรรมของนางช่างน่าอัศจรรย์!
แคว้นเป่ยเยียนถือว่าไม่เล็ก มีเมืองมากกว่า 12 เมืองในอาณาเขตของแห่งนี้ แต่จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เป็นเพียงอาณาเขตภายใต้มหาแผ่นดินต้าเยียน อีกทั้งเหนือมหาแผ่นดินต้าเยียนยังมีจักรวรรดิซิงฮั่น อาณาจักรอันยิ่งใหญ่สามแห่งอยู่ร่วมกันในทวีปหลิงหยุน หากจะหาแคว้นเป่ยเยียนบนแผนที่นี้ เรียกได้ว่าเป็นเสมือนถั่วเม็ดเล็กๆ เท่านั้น
แต่สำหรับเฟิ่งเฉี่ยน ที่นี่เป็นโลกอันไม่คุ้นเคย เพียงวังเป่ยเยียนก็สามารถกักกั้นนางไว้ได้แล้ว
ในสภาพปัจจุบันของนาง คงเป็นเรื่องยากที่จะหลบหนีอย่างปลอดภัยออกจากวังเป่ยเยียนได้
แต่นางเชื่อว่าสักวันหนึ่ง ตนจะออกจากวังเป่ยเยียนและใช้ชีวิตอิสระตามที่ต้องการ!
ไม่ว่าจะตำแหน่งหวางโฮ่ว หรือเป็นบุตรสาวเฉิงเซี่ยง สิ่งเหล่านี้ไร้สาระสิ้นดี! นาง เฟิ่งเฉี่ยน ไม่เคยมีใครถูกคนอื่นบงการ นางต้องการเป็นตัวของตัวเอง!
ไม่นานหลังจากนั้น จื่อซูก็กลับมาพร้อมก้มศีรษะลง ในมือของนางว่างเปล่า
“เหนียงเหนียงเพคะ บ่าวกลับมาแล้ว”
เฟิ่งเฉี่ยนสายตามืดมน ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้เฟิ่งเฉี่ยน นิ้วมือเรียวงามจับไปที่คางของจื่อซู บังคับให้สบตาตน จากนั้นเอ่ยถามว่า “ฝีมือใคร?”
แรงกดดันอันแข็งแกร่งปกคลุมแผ่ซ่าน ทำให้จื่อซูกะพริบตามองอย่างตกตะลึง รอยฝ่ามือบนใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
เหนียงเหนียง......เหตุใดจึงดูเปลี่ยนไป? น่ากลัวเหลือเกิน......
“ใคร เป็นคนลงมือ?”
จื่อซูกลืนน้ำลายลงคอ นางส่ายหน้าช้าๆ “มะ ไม่มีเพคะ”
เมื่อจ้องมองไปสักพัก เฟิ่งเฉี่ยนก็ปล่อยมือออก กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า “คนอื่นรังแกข้า แม้แต่เจ้าก็โกหกข้าด้วยหรือ?”
“บ่าวไม่กล้าเพคะ!”จื่อซูตกใจแล้วคุกเข่าลงพื้น “หลี่ หลี่มามาแห่งครัวหลวงเพคะ! บ่าวไปขอบะหมี่ชามหนึ่งมา แต่หลี่มามากลับบอกว่าบัดนี้เหนียงเหนียงอยู่ในวังเย็น กินได้เพียงอาหารเหลือ บ่าวเกิดข้อโต้แย้งกับนาง ดังนั้นนางจึงตบบ่าวไปทีหนึ่งเพคะ”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มขึ้นโดยไม่โกรธ “ใจกล้าเหลือเกิน! กล้าบอกให้ข้ากินอาหารเหลือ?”
วังเย็นที่เต็มไปด้วยมด หนู งูแมลงสาบ นางสามารถทนได้ แต่ไม่ให้อาหารนางกิน? ฝันไปเถอะ!
นางสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินตรงออกไปจากวังเย็น จื่อซูรีบเข้าไปดึงแขนของนางไว้ “ไม่ได้นะเพคะเหนียงเหนียง! บัดนี้ท่านถูกส่งเข้ามาในวังเย็น ไม่อาจเดินทางออกจากที่นี่ได้”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มขึ้นอย่างไม่สนใจ “แล้วหากข้าเดินทางออกไปจากที่นี่ จะเกิดอะไรขึ้น? เขาจะสังหารข้าหรือ?”
จื่อซูตกตะลึงแล้วชะงักลง “เอ่อ......คงไม่!”
เฟิ่งเฉี่ยนเหลือบตามองอย่างได้ใจ “ยังไม่รีบนำทางอีก?”