บทที่ 2 ตบหน้าองค์หญิง
เฟิ่งเฉี่ยนได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนหน้านี้หวางโฮ่วทำให้ผู้คนเหล่านี้ต้องโกรธแค้นมากจริงๆ !
แต่นางก็ยังไม่ลืมจุดสำคัญอย่างหนึ่ง......
เหตุใดนางจึงย้อนเวลากลับมาอยู่ในร่างนี้? นั่นเป็นเพราะวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมได้แตกสลายไปแล้ว!
หวางโฮ่วเพียงแค่ตบใบหน้าขององค์หญิง แต่องค์หญิงกลับใช้ฝ่ามือตบมาที่หัวใจของหวางโฮ่วจนถึงแก่ชีวิต!
เมื่อนางครุ่นคิดเปรียบเทียบดูแล้ว อย่าว่าแต่ตบเลย แม้สังหารเอาชีวิตองค์หญิงมาเป็นการชดใช้ก็ไม่เกินเหตุ!
เมื่อไทเฮาได้ยินคำพูดขององค์หญิงหลานซินก็รู้สึกเห็นใจ ประกอบกับมารดาขององค์หญิงหลานซินเป็นพี่สาวของนาง นางจึงต้องเข้าข้างหลานสาวของตนเองอยู่แล้ว “องค์หญิงเชิญลุกขึ้นเถิด! ขออภัยที่ทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ข้าจะคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้าเอง!"
“ขอบพระทัยไทเฮาเพคะ" องค์หญิงหลานซินรู้สึกซาบซึ้งใจ วินาทีที่นางกำลังลุกขึ้น มุมปากเผยอแสดงถึงความเย่อหยิ่งเล็กน้อยโดยไม่มีใครสังเกต
สุดท้ายไทเฮาได้หันกลับมาตำหนิเฟิ่งเฉี่ยนว่า "หวางโฮ่ว เจ้าทำร้ายผู้อื่นยังไม่รู้สำนึกผิด ซ้ำยังกล่าววาจาเย่อหยิ่งออกมา เจ้ายังเคารพกฎบ้านกฎเมืองอยู่หรือไม่? ข้าขอสั่งให้เจ้าขอโทษองค์หญิงบัดเดี๋ยวนี้!"
"แล้วหากข้าบอกว่าไม่เล่า?" เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มขึ้นเบาๆ ส่งสายตาอันไม่เกรงกลัวกลับไป นางรู้ว่าตนมีภูมิหลังคอยคุ้มกัน ประการแรกเป็นคำสั่งของกษัตริย์พระองค์ก่อน ก่อนที่จะสวรรคตได้ประทานการแต่งงานของนางกับซวนหยวนเช่อไว้ ซ้ำยังกำชับว่าไม่อนุญาตให้ปลดนางออกจากตำแหน่ง! ประการที่สองนั่นก็คือบิดาของนาง เฟิ่งชางเฉิงเซี่ยงซึ่งอยู่เพียงใต้การปกครองของกษัตริย์คนเดียวเท่านั้นในแคว้นเป่ยเยียน คำรับสั่งของกษัตริย์พระองค์ก่อนเพียงส่งนางขึ้นสู่ตำแหน่ง แต่บิดาของนางจึงเป็นผู้ที่คุ้มกันยามนางอยู่ในวังหลัง!
แม้ก่อนหน้านี้นางจะไม่ชื่นชอบพวกที่ใช้อำนาจของพ่อแม่ตัวเองมากดดันคนอื่น แต่ตอนนี้ในเมื่อนางมีคุณสมบัตินั้น ทำไมไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์?
สีพระพักตร์ของไทเฮาเคร่งขรึมลงทันที "หากเจ้ายังไม่ยอมขอโทษนาง ข้าจะส่วเจ้าเข้าไปในวังเย็นเพื่อไตร่ตรองตนเป็นเวลาหนึ่งเดือน!"
กล่าวจบนางก็เหลือบมองดูแววตาของซวนหยวนเช่อ เมื่อเห็นสีหน้าของเขายังคงเป็นดังเดิม มุมปากเม้มแน่น แววตาดุดัน จึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ขนตาเรียวยาวของเฟิ่งเฉี่ยนกะพริบเบาๆ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นอีกทั้งแววตานั้นช่างดูสดใส "ได้ ข้าจะขอโทษ"
ไทเฮาตกตะลึง ท่าทีของหวางโฮ่วเปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้นางรู้สึกทำตัวไม่ถูก
ขุนนางต่างแคว้นที่เมื่อครู่โมโหเต็มอก บัดนี้เห็นนางยินยอมอ่อนข้อ ซึ่จึงได้ยืดอกเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งผยอง "ตามกฎของแคว้นหนานเยียน การขอโทษองค์หญิงจะต้องคุกเข่าสามครั้งแล้วโขกศีรษะก้าวครั้ง จึงจะนับว่าเสร็จสิ้นพิธี!"
เหล่าสนมทั้งหลายได้ยินดังนั้นก็ได้แต่รอคอยดูฉากเด็ด
องค์หญิงหลานซินเหลือบมองไทเฮาและกษัตริย์ซึ่งนั่งอยู่ข้างบน ทั้งสองคนไม่มีทีท่าจะเข้ามาขัดขวาง มุมปากก็เผยอขึ้นด้วยความภาคภูมิใจแล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
เฟิ่งเฉี่ยนเหลือบมองไปยังรอบข้าง นางเห็นแววตาของทุกคนแล้วกล่าวด้วยใบหน้าอันไร้ความรู้สึกว่า “ได้ เช่นนั้นให้ทำตามกฎของหนานเยียน......"
ภายใต้การจับจ้องของทุกคน เฟิ่งเฉี่ยนเดินไปตรงหน้าขององค์หญิงหลานซิน โค้งกายเล็กน้อยแล้วก้มศีรษะอันเย่อหยิ่งเมื่อครู่ของนางลง......
สาวรับใช้เห็นดังนั้นก็ร่ำไห้น้ำตานองหน้าด้วยความเจ็บปวดใจ “เหนียงเหนียง......"
องค์หญิงหลานซินเผยใบหน้ารอยยิ้มของผู้ชนะออกมา ใครบอกว่าไม่อาจแตะหวางโฮ่วแห่งเป่ยเยียนได้ ใครเล่าบอกว่าเมื่อแต่งเข้ามาในแคว้นเป่ยเยียนแล้วจะต้องทำตามคำสั่งของโฮ่วแห่งเท่านั้น? หวางโฮ่วคนนี้ไร้สมองยิ่งกว่าที่นางคิดได้เสียอีก นางเพียงแค่เผยกลยุทธ์ออกมาเล็กน้อย ก็สามารถคุกเข่าลงต่อหน้านางได้ ไร้เรี่ยวแรงในการต่อสู้สิ้นดี! เหอะๆ นับแต่นี้ไปนางจะกลายเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในวังหลัง......
ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอย่างเย่อหยิ่ง มองดูผู้ที่ก้มหน้าลงช้าๆ ตรงหน้า จู่ๆ อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นแววตาบีบบังคับมาที่นาง ราวกับ เข็มทิ่มแทงเข้ามาในใจ!
มุมปากของเฟิ่งเฉี่ยนเผยอขึ้นเล็กน้อยราวดอกไม้ที่เบ่งบานขึ้นยามค่ำคืน ทั้งน่ากลัวและลึกล้ำ
หัวใจขององค์หญิงหลานซินสะดุ้งโหยง นางรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แต่ก็สายไปเสียแล้ว ......
“เพียะๆ ๆ ๆ ......”เสียงตบนับสิบครั้งดังสนั่นหู!
ใบหน้าอันขาวผ่องงดงามของนางชาจนไร้ความรู้สึก องค์หญิงหลานซินถูกตบตะลึงงัน ยืนใบหน้าบวมแดงอยู่ตรงนั้นทำตัวไม่ถูก และไม่รู้จะตอบโต้เช่นไร
ชั่วพริบตาเดียว เสียงสูดลมหายใจเข้าก็ดังเฮือกขึ้นในศาลา
ทุกคนตกตะลึงและนิ่งเงียบ
ซวนหยวนเช่อหรี่ตาลงมองราวกับจะขูดเลือดขูดเนื้อเฟิ่งเฉี่ยน เหมือนกับมีดกรีดหนังนาง ต่อมาความเยือกเย็นนั้นจางหาย แทนที่ด้วยความรังเกียจ! ขอไม่ชอบการแย่งชิงความโปรดปราน และยิ่งรังเกียจสตรีที่ชอบแย่งความโปรดปรานกัน!
เฟิ่งเฉี่ยนสัมผัสได้ถึงแววตาอันโกรธแค้นที่มองมา นางรู้สึกไม่พอใจ นั่นแววตาอะไรกัน? คิดว่าข้าจะแย่งชิงความโปรดปรานกับนางหรือ? ข้าไม่ได้ว่างขนาดนั้น!
นางเหลือบมองไปรอบๆ ก่อนที่น้ำเสียงอันมีเสน่ห์แฝงความเจ้าเล่ห์จะดังขึ้นในศาลาแห่งนี้ว่า "ตบครั้งหนึ่งก็เรียกว่าตบอยู่ดี เช่นนั้นจะตบสัก 10 ครั้งเป็นไร! อยากให้ข้าก้มศีรษะขอโทษหรือ? รอชาติหน้าเถอะ!"
ตบนี้นางถือเป็นการแก้แค้นที่เฟิ่งเฉี่ยนตัวจริงต้องตายไป
ในศาลาอันเงียบสงัดแห่งนี้ ทุกคนล้วนมองมาที่เฟิ่งเฉี่ยนราวกับนางเป็นปีศาจ
เฟิ่งเฉี่ยนไม่อยากสนใจคนเหล่านี้อีก นางเดินไปอยู่ข้างกายของสาวรับใช้แล้วกล่าวเพียงเบาๆ ว่า "ไปเถิด"
สาวรับใช้อ้าปากกว้าง กลืนน้ำลายลงคอเอ่ยถามว่า "ปะ......ไปที่ไหนเพคะ?"
"วังเย็น!" นางทิ้งท้ายไว้เพียงสองคำอย่างสง่า ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปจากศาลาหยิ่นเฟิ่ง