บทที่ 15 สินสอด (1)
“ใช่ เจ้าพูดถูก ฝ่าบาทคงคิดว่าข้าเป็นบุตรชายอ๋องกินเมืองคนเก่า แต่เพราะสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงก็เลยไม่เป็นที่เพ่งเล็งมากนัก ถึงกับมองว่าข้าไร้ความสามารถมอบการแต่งงานพระราชทานให้บุตรสาวของรองเจ้ากรมคคลังเพื่อคานอำนาจเลยทีเดียว”
หยวนหลี่เฉียง คุณชายรูปงาม ใบหน้าคมเข้มไม่สมกับฉายาคุณชายขี้โรคสักนิด มองออกไปข้างนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“เจ้าให้คนไปสืบเรื่องคุณหนูเจินซิ่วอิงมาด้วย ข้าอยากรู้ว่าทำไมเจินหยางหร่งถึงยอมให้ลูกสาวของฮูหยินรองออกเรือนก่อนลูกสาวฮูหยินใหญ่”
“ขอรับ”
หยางหวังหย่งรับคำผู้เป็นนาย ก่อนจะขอตัวออกไปทำตามคำสั่ง ทิ้งให้อีกคนยืนมองน้ำตกกลางบ้านอยู่ตามลำพัง
ข่าวลือเรื่องการแต่งงานพระราชทานของคุณหนูจวนสกุลเจินและบุตรชายบุญธรรมของเจ้าเมืองจินหลิงถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของฮูหยินใหญ่
ทันทีที่เจินซิ่วอิงยอมตกลงคำขอของเจินหยางหร่งประมุขสกุลเจินอย่างเลี่ยงไม่ได้ นางก็สั่งให้บ่าวไปปล่อยข่าวในเมืองทันที
เรื่องแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าชาวบ้านอยู่แล้ว ทำให้ข่าวลือยิ่งแพร่ไปไกลเหมือนไฟลามทุ่ง
เกามี่ถงสีหน้าร้อนใจ ยืนรอรถม้าของคุณหนูเจินซิ่วอิงอยู่หน้าหอช่างเป้ย ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปรับนางทันทีที่รถม้าจอดสนิท
“เดี๋ยวไปคุยกันในห้อง พวกเจ้าก็ด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ”
ผู้จัดการหรือเจ้าของหอช่างเป้ยตามที่คนอื่นเข้าใจ เดินนำเจินซิ่วอิง ฉุนอวี๋ และกงหนิวเข้าไปในห้องประจำของเจ้าตัวด้วยสีหน้าร้อนใจ
“มี่ถง ท่านจงเตรียมตัว ให้คนไปสร้างโรงน้ำชาอีกแห่งหนึ่งที่จินหลิงรอข้า”
“ขอรับ แล้วจะใช้ชื่อว่าอะไรดีขอรับคุณหนู”
“ให้ชื่อว่า หอช่างหลิวก็แล้วกัน”
“ขอรับคุณหนู”
“ส่วนเจ้ากงหนิว ไปคอยดูแลการขนทรัพย์สินของข้าที่อยู่ที่นี่ย้ายไปที่จินหลิงสี่ในห้าส่วน”
“ขอรับคุณหนู”
“ส่วนฉุนอวี๋ หาคนมาอยู่ที่นี่แทนมี่ถง เพราะมี่ถงจะไปกับพวกเราด้วย”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
เกามี่ถงมองหน้าเจินซิ่วอิงอย่างตกใจ เขาไม่คิดว่าคุณหนูจะให้เขาไปด้วย
“เจ้าอยากไปหรือไม่”
เจินซิ่วอิงถามอีกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อเห็นว่าน้ำตาเริ่มคลอเบ้าดวงตาของอีกคน นี่เขาร้องไห้เสียใจหรือดีใจกันแน่
“อยากไปขอรับ ข้าน้อยอยากไปรับใช้อยู่ใกล้ ๆ คุณหนู ข้าน้อยคิดว่าคุณหนูจะทิ้งข้าน้อยไว้ที่นี่ซะแล้ว”
คำพูดของเกามี่ถงเรียกรอยยิ้มให้กับผู้ร่วมห้องอีกสามคนได้เป็นอย่างดี
“ข้าต้องให้เจ้าไปด้วยอยู่แล้วล่ะ จัดการบัญชีให้เรียบร้อย เจ้าต้องย้ายไปก่อนข้าจากนี้ไปสาขาใหญ่ของเราก็คือหอช่างหลิว เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเงินที่เก็บออมไว้จากการทำการค้าหลายอย่างได้เป็นจำนวนมาก การก่อสร้างหอช่างหลิวจึงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และตอนนี้เกามี่ถงก็ได้ย้ายไปที่เมืองจินหลิงล่วงหน้าก่อนแล้ว
หลังจากที่ผ่านไปแล้วราวสองสัปดาห์เมื่อเห็นว่าบุตรสาวคนโตของจวนสกุลเจินยังไม่หายป่วย ฝ่าบาทจึงมีราชโองการลงมาถึงจวนสกุลเจินให้เจินซิ่วอิงเป็นผู้ออกเรือน รับราชโองการแต่งงานพระราชทานกับคุณชายหยวนหลี่เฉียงแห่งเมืองจินหลิง
กระบวนการต่าง ๆ ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ด้านเซี่ยเฟยฮุ่ยเองก็ได้ให้ฮูหยินของเขาตระเตรียมสินสอดส่งให้กับบ้านสะใภ้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
“ไม่มากไปหรือขอรับท่านแม่”
“ไม่หรอกลูก นี่แหละถึงจะสมกับลูกสะใภ้ของแม่”
“แต่บ้านนั้นไม่ได้ดีกับสะใภ้ของท่านแม่เลยนะขอรับ”
“เพราะแบบนี้ยิ่งต้องให้ ให้เขารู้ไปเลยว่าพวกเราเต็มใจต้อนรับคุณหนูเจินซิ่วอิงมาเป็นสะใภ้”
เมื่อแม่บุญธรรมยืนกรานเช่นนั้นหยวนหลี่เฉียงจึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปอีก ยิ่งมองบรรดาสินสอดแล้วก็ทำให้เขานึกไปถึงสิ่งที่ให้คนไปสืบมาไม่ได้