บทที่ 13 รางวัล (1)
ณ ท้องพระโรง
“รองเจ้ากรมคลัง ก้าวออกมา”
เจินหยางหรงก้าวออกมาตามพระบัญชาของฝ่าบาท
“ข้าจะมอบรางวัลให้เจ้า เพราะเจ้าทำให้บัญชีที่ไม่ได้สะสางมานานของกรมโยธา ได้รับการจัดการเรียบร้อยดีสักที”
เจินหยางหรงเก็บสีหน้าของความดีใจแทบปิดไม่มิดเมื่อได้ยินอย่างนั้น ฝ่าบาทจะประทานรางวัลอันใดให้เขากัน
“ข้าทราบมาว่าบุตรสาวของเจ้าเองก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว ข้าก็ขอมอบงานแต่งพระราชทานให้ก็แล้วกัน”
ขุนนางในที่ประชุมเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็พากันตกใจกับรางวัลที่ฝ่าบาทจะมอบให้กับรองเจ้ากรมคลัง เจินหยางหรงเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นเดียวกัน
“ข้าขอมอบงานแต่งพระราชทานให้บุตรสาวของเจ้ากับคุณชายหยวนหลี่เฉียง แห่งเมืองจินหลิง”
สิ้นรับสั่งของฝ่าบาทท้องพระโรงก็อื้ออึงไปด้วยเสียงพึมพำของเหล่าขุนนางอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดเมื่อเป็นรางวัลที่ฝ่าบาทประทานให้
“คุณชายหยวนหลี่เฉียง ร่างกายไม่แข็งแรงมิใช่หรือ”
“นี่เป็นรางวัลหรือการลงโทษกันแน่”
“เมืองจินหลิงอยู่แทบจะใต้สุด”
ด้านเจินหยางหรงเองหัวใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที หมายความว่าอย่างไรกัน คุณชายหยวนหลี่เฉียงบุตรชายของอ๋องกินเมืองเมื่อราชวงศ์ก่อนอย่างนั้นหรือ แม้ในใจจะมีคำถามมากมายแต่เขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ารับชะตากรรม
“ขอบพระทัยพะยะค่ะฝ่าบาท”
หลังจากเลิกประชุมขุนนางเสนาบดีฝ่ายขวาก็สบัดหน้าหนีเจินหยางหรง หุนหันเดินออกไปด้วยความโกรธทันที
เจินหยางหรงที่ตอนนี้ในใจหนักอึ้งพลางนึกไปถึงใบหน้าของบุตรสาวทั้งสามก่อนจะตรงกลับไปที่บ้านเพื่อคุยกับฮูหยินใหญ่สกุลเจิน
“ท่านพี่หมายความว่าอย่างไรนะเจ้าคะ การแต่งงานพระราชทานอย่างนั้นหรือ”
จี้ซิ่นเจี้ยนแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นสามีพูด เธอจะให้บุตรสาวแต่งงานออกเรือนไปอยู่กับคุณชายขี้โรคได้อย่างไรกัน
“ใช่ ฝ่าบาทประทานให้ข้า”
เจินหยางหรงสีหน้ากลัดกลุ้มไม่ต่างจากผู้เป็นภรรยาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้อย่างเครียด ๆ
“ท่านจะให้ใครแต่งออกเรือนเจ้าคะ”
“ข้าขอคิดดูก่อนนะน้องหญิงเผื่อว่าจะมีทางออกอื่น”
“เจ้าค่ะ ท่านก็พักผ่อนด้วยนะเจ้าคะ”
จี้ซิ่นเจี้ยน ฮูหยินใหญ่จวนสกุลเจินท่าทางร้อนรน ก้าวเท้าตรงกลับเรือนหลานฮ่วยทันที
ในเวลานี้คนที่ควรออกเรือนไม่ได้มีแต่เจินซือจี๋เท่านั้น ยังมีเจินซิ่วอิงลูกของฮูหยินอีกคน
ความคิดนี้ผุดวาบขึ้นมาในใจของฮูหยินใหญ่ เรียกรอยยิ้มเย็นปรากฏบนใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยได้เป็นครั้งแรกนับจากที่พูดคุยกับผู้เป็นสามี
“เจ้าไปเรียกคุณหนูใหญ่มาพบข้า”
“เจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ลูกไม่แต่งนะเจ้าคะ ฮือ”
เจินซือจี๋ร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาบอก ไหนท่านแม่บอกเธอว่าเธอจะได้แต่งกับบุตรชายของเสนาบดีฝ่ายขวาไง
“แม่รู้ เพราะฉะนั้นเจ้าต้องทำตามที่ข้าบอกเข้าใจไหม”
“เจ้าค่ะ ข้ายอมทุกอย่าง ฮึก ข้าไม่มีทางยอมไปอยู่ที่เมืองบ้านนอกหรอกนะ ให้ข้าตายเสียยังจะดีกว่า ฮือ”
เจินซือจี๋นั่งฟังแผนการของมารดาอย่างตั้งใจก่อนจะรีบกลับเข้าเรือนของตนทันที จะให้เธอไปอยู่ที่เมืองชายขอบอย่างเมืองจินหลิงอย่างนั้นรึ เธอยอมตายเสียยังจะดีกว่า
แถมยังให้แต่งกับคุณชายขี้โรคที่คงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วอีก ข้าเจินซือจี๋คนนี้ไม่ยอมเด็ดขาด
วันต่อมาข่าวลือเรื่องคุณหนูใหญ่จวนสกุลเจินป่วยด้วยโรคไข้ทับระดู ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ หมอวิ่งเข้าวิ่งออกจวนเป็นว่าเล่น
ข่าวลือนี้ไปไกลถึงหูของเสนาบดีฝ่ายซ้าย เขาจึงรีบส่งคนไปตามสืบทันที
“ซือจี๋ป่วยหนักขนาดนี้ได้อย่างไรกัน”
“นางมีระดูเจ้าค่ะ อากาศคงจะเย็นเกินไปเลยพาลมีไข้”
“อืม ให้หมอมาคอยดูแลด้วยละกัน”
“เจ้าค่ะ”
เจินหยางหรงนั่งคุยอยู่กับฮูหยินใหญ่ของตนอยู่ที่ห้องโถงกลางก่อนจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากสวนกลางบ้าน ทั้งสองจึงรีบลุกออกไปดูทันที