บทที่ 11 ตามน้ำ (1)
ขบวนรถม้าของจวนสกุลเจินมุ่งหน้าออกนอกเมืองไปตามเส้นทางสู่เขาเหลียงซานที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก
ภาพสองข้างทางเปลี่ยนจากบ้านเรือนของผู้คนเป็นต้นไม้ที่บางต้นก็เหลือเพียงกิ่งก้านเนื่องจากทนความโดหดร้ายของฤดูหนาวไม่ได้
ทั้งสี่คนไปไหว้พระที่วิหารบนเขาเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางลงเขาก็แวะสุสานของฮูหยินจวนสกุลเจิน อี้หนิงฮวาที่ได้รับการดูแลอย่างดี
ก่อนที่พวกเขาจะรีบเดินทางกลับด้วยความที่ว่าเป็นฤดูหนาวจะมืดเร็วกว่าปกติ
ระหว่างทางลงเขา อากาศเริ่มเย็นลงมากขึ้นเรื่อย ๆ เจินซิ่วอิงเคาะประตูเรียกฉุนอวี๋ที่นั่งอยู่ด้านนอกกับคนขับรถม้าให้เข้ามาตนในห้องโดยสาร
“ใกล้หรือยัง”
“เจ้าค่ะ”
“พวกเจ้าเอาเสื้อคลุมนี่ไปใส่เพิ่มอีกชั้นด้วยนะ”
“ได้เจ้าค่ะคุณหนู”
ฉุนอวี๋รับเสื้อคลุมหนังสัตว์สองผืนจากคุณหนูของตนมาสวม ก่อนจะถืออีกผืนไปให้คนขับรถ
ขณะที่รถม้าทั้งสี่เคลื่อนลงมายังเชิงเขาเหลียนซาน ก็พบว่ามีหินก้อนใหญ่กลิ้งลงมาตามแนวเขาตรงเข้าสู่รถม้าคันสุดท้ายซึ่งมีเจินซิ่วอิง คุณหนูรองสกุลเจินนั่งอยู่
เสียงก้อนกินก้อนนั้นกระทบเข้ากับบรรดาต้นไม้ที่ขวางทางอยู่ ดังลั่นไปทั่ว ทำเอาบรรดาม้าของรถม้าต่างพากันตื่นตกใจไม่เว้นแม้แต่รถม้าของเจินซิ่วอิง
“ถึงเวลาแล้วสินะ หึ”
เสียงม้าที่ลากรถม้าของเจินซิ่วอิงดังขึ้น ขณะเดียวกันคนรถก็รีบปล่อยม้าทั้งสองตัวออกให้วิ่งพ้นวิถีของก้อนหิน
ฮี้! กึก! กึก! โครม!
ก้อนหินก้อนใหญ่พุ่งเข้าชนตัวรถม้าที่เจินซิ่วอิงนั่งอยู่อย่างจัง เสียงดังลั่นไปทั่วหุบเขา
ม้าทั้งสองตัวตกใจเตลิดวิ่งเข้าไปในชายป่า ไม่ต่างจากรถม้าทั้งสามคันที่ม้าก็รีบวิ่งห้อตามทางลงไปข้างล่างเขาทันที ทำให้คนในรถม้าที่นำหน้าอีกสามคันไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
รถม้าของเจินซิ่วอิงโดนกระแทกอย่างแรง และล้มคว่ำอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ที่หยุดหินก้อนนั้นไว้
แต่ทั้งสามคนที่รู้แผนการณ์นี้อยู่ก่อนแล้ว พากันกระโดดออกมาจากรถได้อย่างฉิวเฉียด ต่างได้รับบาดเจ็บกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“พี่ฉุนอวี๋ คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“ไม่เป็นไร ตามแผนเรานะ บอกพวกนั้นหลบไปก่อน”
กงหนิวฮุ่ยจื่อ วิ่งไปส่งสัญญาณให้คนบนเขาให้หลบไป ก่อนจะรีบวิ่งกลับมาหาทั้งสองคนเมื่อได้ยินเสียงว่ามีรถม้ากำลังมา
“น้องรอง น้องรอง”
เสียงของเจินซือจี๋เรียกเจินซิ่วอิงดังก้องไปทั้งเขา หญิงสาวที่โดนร้องเรียก กลอกตามองบนก่อนจะทำเป็นนอนสลบบนตักของฉุนอวี๋ ระหว่างที่รอคนพวกนั้นจะมาถึง
ฮูหยินใหญ่จวนสกุลเจินและบุตรสาวทั้งสองรีบเดินมาจากรถม้าของตน เพื่อดูคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูรองจวนสกุลเจินด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“คุณหนูรองเป็นอย่างไรบ้าง”
“ฮึก คุณหนูรองสลบไปเจ้าค่ะ ฮือ”
ฉุนอวี๋ร้องไห้ออกมาพลางกอดคุณหนูของตนไว้แนบอก สามคนแม่ลูกที่เห็นแบบนั้นก็พากันเบือนหน้าหนีไปอีกทางทำเป็นร้องไห้เพราะความสงสาร แต่ความจริงแล้วก็เพื่อซ่อนรอยยิ้มสมใจ
แต่มีหรือว่าจะพ้นสายตาของกงหนิวฮุ่ยจื่อ เด็กหนุ่มลอบมองทั้งสามคนเพื่อดูท่าที ก็พบว่าไม่ได้มีความจริงใจเลยสักนิด
“ฮึก พาคุณหนูรองของเจ้าขึ้นรถม้าน้องสาม น้องสามไปนั่งกับพี่”
“เจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ ฮือ พี่หญิงรองไม่น่าเลย”
สามแม่ลูกแสดงละครราวกับเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ทำเอาคนที่แกล้งสลบบนตักของฉุนอวี๋ขบขันไม่น้อย
“หึ คณะละครสกุลเจิน”
หลังจากที่กงหนิวอุ้มคุณหนูรองขึ้นมาบนรถม้าของคุณหนูสามแล้ว เขาก็ออกไปนั่งกับคนขับรถม้า ให้ฉุนอวี๋คอยดูแลคนที่แกล้งสลบอยู่ข้างใน
เมื่อกลับมาถึงจวนสกุลเจินทุกอย่างก็โกลาหลวุ่นวายไปหมด ข่าวลือถูกแพร่กระจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของกงหนิวตามแผนการของเจินซิ่วอิง
“คุณหนูรองจวนสกุลเจินรถม้าคว่ำ”
“มีคนลอบทำร้ายคุณหนูรองจวนสกุลเจิน”
“เขาเหลียงซานไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ แสดงว่ามีคนจัดฉากขึ้นแน่นอน”