บทที่ 1 อีกาชูคอดั่งหงส์
บทที่ 1
อีกาชูคอดั่งหงส์
หมดผลประโยชน์
“นึกว่าผยองพองขนจนไม่รู้ว่าใครเป็นใครเสียแล้ว”
คุณหนูเถาเหลียวเกอตัวจริงยกมือขึ้นกอดอก ริมฝีปากสีแดงชาดเหยียดเย้ย ดวงตากลมโตจ้องมองตัวปลอมตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าราวกับกำลังสมเพชเวทนา
“ที่ผ่านมาอีกาชั้นต่ำได้ใช้ชีวิตดั่งนางหงส์ คงจะสุขสบายมากสินะ”
ฟ่านลู่เสียนพูดอะไรไม่ออก หัวใจเต้นแผ่วราวกับจะหยุดเต้น หัวสมองมึนงงหนักอึ้งจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนร่างกาย
“ถอดชุดวิวาห์พระราชทานออกมา!”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
ผู้ช่วยหวงตงหลิงรับคำอย่างแข็งขันก่อนจะปราดเข้าไปถอดชุดคลุมเจ้าสาวสีแดงปักดิ้นทองงดงามออกจากตัวปลอมไปอย่างรวดเร็ว เพราะชุดวิวาห์นี้เป็นผ้าไหมที่ได้รับพระราชทานจากองค์ฮ่องเต้ อีกทั้งฮองเฮายังพระราชทานเส้นด้ายทองคำแท้สำหรับปักลายงดงามบนเนื้อผ้าอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นผู้ช่วยหวงยังกระชากเอาปิ่นทองคำรูปหงส์ฟ้าออกจากเรือนผมอย่างแรง ผมที่เกล้ามวยยกสูงจึงหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงสยายตกลงกลางแผ่นหลังอย่างไม่เป็นทรง
เวลานี้ลู่เสียนจึงสวมเพียงชุดสีแดงตัวในโดยปราศจากเสื้อคลุม นางยืนตัวสั่นอย่างทำอะไรไม่ถูก รู้สึกราวกับถูกตบที่ใบหน้าอย่างแรง ดั่งถูกถีบให้ร่วงหล่นจากความฝันแสนหวานเพื่อเผชิญกับความจริงที่แสนโหดร้าย
หวงตงหลิงนำชุดวิวาห์งดงามกลับไปสวมใส่ให้กับผู้ที่คู่ควร นั่นก็คือคุณหนูเถาเหลียวเกอผู้สูงศักดิ์ หาใช่นังสตรีบ้านนอกที่เป็นได้เพียงแค่เงาเท่านั้น
จากนั้นผู้ช่วยสาวจึงบรรจงปักปิ่นทองพระราชทานลงบนเส้นผมที่เกล้าสูงอย่างเบามือ
ฟ่านลู่เสียนรู้สึกราวกับถูกกระชากทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากชีวิต หัวใจของนางปวดแปลบเมื่อเห็นชุดวิวาห์เด่นสง่าอยู่บนเรือนร่างของตัวจริงไม่ใช่ตัวปลอมเช่นนาง
“นะ...นี่มันอะไรกัน ขะ...ข้างงไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ”
เผียะ!
ฝ่ามือหนาเงื้อตบอย่างแรงจนร่างบางฟุบลงไปกับพื้น เพียงเพราะนางเอื้อนเอ่ยเรียกเสนาบดีกรมกลาโหมว่า ‘ท่านพ่อ’ เฉกเช่นที่นางเรียกขานมาตลอดจนคุ้นชิน
“นังคนชั้นต่ำ! อย่าบังอาจมาเรียกข้าว่าพ่อ! ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียวคือเหลียวเอ๋อร์เท่านั้น”
เสนาบดีสูงวัยตวาดกร้าวดั่งขยะแขยงเมื่อถูกอีกฝ่ายเรียกขานอย่างสนิทสนม ก่อนจะยกมือขวาข้างเดิมที่เพิ่งตบหญิงชั้นต่ำขึ้นโอบกอดบุตรสาวอย่างแสนรัก
ชายผู้นี้มีดวงตาที่น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ ที่ผ่านมาเขาสวมหน้ากากแสดงให้นางเห็น ว่าเขาเป็นชายสูงวัยที่จิตใจแตกสลายเพราะต้องสูญเสียบุตรสาวไป โชคดีที่มีนางเป็นดั่งแสงสว่างช่วยเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำให้ดีขึ้น
คำหวานมากมาย น้ำเสียงแสนอ่อนโยน ดวงตาทอดอ่อนที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพียงการแสดงงั้นหรือ!
“ขะ...ข้างงไปหมดแล้ว”
ฟ่านลู่เสียนปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ก่อนที่ลมหายใจจะเริ่มขาดห้วง แข้งขาอ่อนแรงจนล้มพับลงไปกองกับพื้น ไม่ว่าจะพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งเท่าไหร่ นางก็จะหงายหลังล้มลงดั่งคนไร้กล้ามเนื้อพยุงร่างกาย
“ขะ...ข้าเป็นอะไร!”
ลู่เสียนตกใจมากขึ้นกว่าเดิม นางพยายามใช้แขนทั้งสองข้างเท้าลงบนพื้นเพื่อพยุงกายลุกขึ้น แต่แขนของนางไม่อาจค้ำยันลงบนพื้น อีกทั้งนางไม่อาจควบคุมแขนขาให้ขยับตามต้องการได้เลย
“พิษทวารพิฆาตคงกำลังออกฤทธิ์แล้วเจ้าค่ะท่านประมุข”
หวงตงหลิงรายงาน พลางเหลือบตามองสตรีที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าตลกขบขัน ดั่งไส้เดือนที่สะเออะขึ้นมาชูคอบนผืนดิน เมื่อถูกแสงอาทิตย์แผดเผาจึงต้องกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดอย่างน่าเวทนา
สายไปแล้ว!
นังไส้เดือนน่าสมเพช เจ้าตะเกียกตะกายขึ้นมาบนผืนดินนานเกินไปโดยไม่เฉลียวใจเลยว่าแสงจากดวงอาทิตย์กำลังแผดเผาเจ้าอย่างช้าๆ กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินกว่าจะหันหลังกลับมุดหายลงไปในดินดังเดิม!
“ทะ...ทำไม! ทำไมต้องทำกับข้าถึงเพียงนี้ ทำไม!”
ลู่เสียนตะโกนออกไปจนสุดเสียง ทว่าเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับแผ่วเบาราวกับอื้ออึงอยู่ในลำคอ
นางและคนเหล่านี้ไม่เคยมีความแค้นต่อกัน เป็นคนพวกนี้ต่างหากที่ไปอ้อนวอนขอให้นางมาที่นี่ แต่แล้วกลับทำราวกับว่านางเป็นคนผิดเสียอย่างนั้น