บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 จดหมายฉบับสุดท้าย

ตอนที่ 7 จดหมายฉบับสุดท้าย

หลังจากที่บิดากล่าวตำหนิ มารดาสั่งสอน คล้ายว่าเขาสมองเลอะเลือนไปหรืออย่างไร ปากกว่าโกรธ ว่าเกลียดนางที่วางแผน สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างเป็นนางที่ยินดีทำทั้งหมดด้วยเพราะรัก

พ่อบ้านฝูเดินปาดเหงื่อมาพบฮูหยินใหญ่ กางรายงานยาวเหยียดจนเสียจนหลิวซื่อขมวดคิ้วไม่พอใจนัก “แก่จนป่านนี้แล้ว ยังจะต้องให้ข้ามานั่งทำอีกรึ” นางบ่นตามประสาคนห่างมือมานานแล้ว

แม่ทัพจ้าวได้ยินเพราะเดินผ่านพอดี ยังไม่ทันจะเข้ามา ก็ถูกมารดา แผดเสียงใส่ “เห็นรึไม่ มันเป็นเพราะเจ้า ข้ามีสะใภ้ดี ๆ อยู่ทั้งคน เป็นเจ้าออกปากดุด่าว่าร้ายนาง เห็นหรือไม่ สุดท้ายแล้ว คนแก่เช่นข้ายังต้องมานั่งทำงานอีก ไอ้ลูกไม่รักดี”

“ท่านแม่ งานง่าย ๆ แค่นี้เอง ไม่เห็นจะยากสักนิด” เขากล่าวขึ้น เหลือบมองรายงานวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะนั่น ทั้ง ๆ ที่เขาร้อนใจจะออกตามหาภรรยา แต่ก็ต้องแวะมาซักถามเสียก่อน เห็นหน้ามารดาราวกับมีกองเพลิงสุมอยู่นั่น ทำให้เขานึกหวาดกลัวไม่เอ่ยปากถามเสียดีกว่า

“ถ้ามันง่ายนัก เจ้าก็มานั่งทำดูสิ ไอ้ลูกโง่ โง่แล้วยังอวดฉลาดอีก” หลิวซื่อก่นด่าเป็นชุด ด้วยเพราะไม่พอใจมากโข ดวงตาของนางก็เริ่มมัวแล้ว มองอันใดก็ไม่ค่อยชัดแจ่มแจ้งเหมือนก่อน โชคดีมีสะใภ้ดี นางอุทิศตนดูแลจวนเป็นอย่างดีเสมอมา ทำให้พวกนางรักและเอ็นดูนัก ทั้งยังมีหลาน ๆ ที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจอีก

แต่ทว่าพอแม่ทัพจ้าวกลับมา ในจวนนี้จากที่เคยเงียบสงบกลับรุกราวกับมาเปลวเพลิงเสียอย่างนั้น สะใภ้หนีหาย หลาน ๆ ไม่อยู่ ในจวนก็เงียบเหงานัก แม้จะไม่อยู่ไกลสักนิดก็รู้สึกว่ามันอ้างว้างไม่เหมือนก่อนเสียแล้ว

จ้าวหย่งคังไม่เข้าใจนัก “ท่านแม่ข้าจะไปตามหาสะใภ้ให้ท่าน”

“ลงนามหย่าเสียอย่ามัวอืดอาด” ชายชรากล่าวขึ้นมาทันใด ลูกชายยังถือหนังสือหย่าเอาไว้มือ ไม่ยอมลงนามยังคงทำเพียงแค่เดือดร้อนเพียงแค่นั้น

“หย่ากับนางซะ เจ้าจะได้แต่แม่นางถังอย่างไร เจ้ารักใครแม่ก็ยินดีรับมาเป็นสะใภ้ แต่แม่ก็คงไม่ให้อยู่รวมชายคาเดียวกัน แต่เสร็จจะไปอยู่ที่ไหนก็เชิญ ถือเสียว่าตัดขาดกันนับตั้งแต่นี้”

“นี่พวกท่านกดดันข้า ดีใจหรืออย่างไรที่นางขอหย่า” หย่งคังกรุ่นโกรธทั้งบิดาและมารดา พวกเขาทั้งสองเหตุใดจึงไม่ร้อนใจเหมือนเขา

“ดีใจสิ จะไม่ดีใจได้อย่างไร อยู่กับคนไร้หัวใจจะอยู่เพื่อ!” หลิวซื่อกล่าวจบก็ปาค้อนวงใหญ่ใส่ให้ลูกชาย จนแล้วจนรอดก็โง่งมอยู่ดี ไม่ยักรู้ว่าไม่ตายในสนามรบ แต่มาตายน้ำตื้น ๆ เช่นนี้ช่างน่าขันยิ่งนัก

“ไม่ไปดูว่าที่เมียเจ้าบ้างรึ ริอ่านไปหาเรื่องหรงเอ๋อร์ของข้า จนทำให้นางหมดความอดทนกับเจ้า เช้าก็เป็นเจ้าพูดจาเหยียดนาง ตกกลางวันก็เป็นคนรักของเจ้า พวกเจ้านี่นะ ช่างเป็นผีเน่ากับโลงผุชัด ๆ” ชายชราส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย เดินไพล่หลังแล้วจากไปเพียงเท่านั้น

ปล่อยให้ลูกชายยืนมึนศีรษะโดยไม่รู้อะไรเป็นอะไร พ่อบ้านฝูแกล้งเสียอกเสียใจนักหนา ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา “สงสารคุณหนูกับคุณชายน้อยเหลือเกิน มีบิดาไม่รักไม่เอ็นดู มิหนำซ้ำยังมีมารดาใหม่มากลั่นแกล้งรังแกอีก”

จ้าวหย่งคังจ้ำเท้าไปยังเรือนพักรับรองของถังม่านชิง เมื่อเปิดประตูเข้าไปถึงกับผงะ ยกมือชี้หน้าตาเหลอหลาราวกับว่าเห็นผี “หน้านางไปโดนอะไรมา”

“ก็นางไปหาเรื่องฮูหยิน อ้อมิใช่สิ ไปหาเรื่องอดีตฮูหยิน ทำให้นางกรุ่นโกรธลงไม้ลงมือ แต่ก็เห็นว่าถูกส้นเท้าของอดีตฮูหยินกระแทกใส่หน้าเจ้าค่ะ สภาพก็เป็นเช่นนี้” สาวใช้เหลือบมองแช่งชักหักกระดูกสตรีหน้ามึนหน้าด้าน ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ท่านแม่ทัพก็รับนางมาเป็นว่าที่ฮูหยิน

“ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณหนูน้อยจะเป็นเช่นไร ระหกระเหินถึงไหนแล้ว น่าสาร น่าสงสาร” นางกอดเข่าตนเอง แอบชำเลืองมองเป็นระยะ

จ้าวหย่งคังยิ่งขมวดคิ้วใหญ่ เขาเดินออกไปข้างนอกเรือนอย่างคนหัวเสีย ส่งเสียงเรียกคนสนิทของตนให้ออกมา “อาถงส่งคนไปตามหาฮูหยิน” คำสั่งการดูเหมือนจะเผด็จการนัก

พวกเขาถูกหมายหัวกันแต่ละคนแล้ว หากใครแพร่งพรายเรื่องราวของฮูหยินออกไปละก็ ก็ควรจะต้องคิดให้ดี มีแต่คำว่า อด อด และก็อด

“ขอรับ” อาถงแสร้งตอบรับและทะยานกายขึ้น แต่ละคนได้รับคำสั่งต่างก็พากันหัวเราะ แอบนินทาลับหลังท่านแม่ทัพอีกต่างหาก

สามแม่ลูกเข้าครัวทำอาหารง่าย ๆ ในจวนใหม่ ที่ดูจะสบายอกสบายใจเป็นไหน ๆ มีสวนดอกไม้ และยังมีชิงช้า ยังมีน้ำตกจำลองอีกด้วย เรือนด้านหน้าเป็นเรือนหลังใหญ่ แน่นอนว่าพวกเขาไม่อยู่เรือนนั้น แต่กลับพากันมาอยู่เรือนขนาดกลาง

ฟางหลินหัวเราะคิกคัก นั่นเพราะว่าท่านย่าให้คนไปหาลูกแมวมาให้ เห็นว่าหลานสาวบ่นอยากมีสัตว์เลี้ยง แต่ฟางหรงกลับพูดขึ้นมาว่า “มันก็แค่ลูกแมวน้อยน่ารัก เปลี่ยนเป็นลูกเสือขาวดีกว่าหรือไม่”

“ท่านแม่ใครจะจับเสือขาวได้เล่าขอรับ” จ้าวหย่งเล่อขมวดคิ้วกล่าวขึ้นมา “อีกไม่นานในเมืองหลวงจะจัดงานต้อนรับคณะราชทูต ลูกเองต้องเดินทางไปด้วย น้องรองด้วยเช่นเดียวกัน แต่ลูกเห็นว่าท่านแม่อยู่ว่าง ๆ ลูกก็เลยส่งรายชื่อท่านแม่ เข้าร่วมงานประลองด้วยขอรับ”

“เล่อเอ๋อร์ ล้อแม่เล่นใช่หรือไม่” สตรีหม้ายเช่นนางจะมีหน้าเข้าร่วมงานประลองฝีมือได้อย่างไร นางล้างมือมานานแล้ว ตั้งแต่ที่แต่งงานเข้าตระกูลจ้าว กระบี่ ทวน หรือกระทั่งธนู นางไม่ได้หยิบมันมาเกือบสิบปี นั่นเพราะนางเตรียมพร้อมที่จะเป็นภรรยาของเขา เป็นภรรยาที่ดี

“ลูกหาได้ล้อเล่นไม่ อาจารย์ใหญ่ยังออกปากชมท่านแม่ ว่างดงามนัก ยามนั่งอยู่บนอานม้าช่างดูสง่างามราวกับเทพธิดา อาจารย์ยังเอ่ยปากว่าเสียดายยิ่งที่ท่านแม่แต่งงานเสียก่อน” หย่งเล่อได้ยินอาจารย์ใหญ่เล่าเรื่องของมารดาให้ฟัง เขาเองยังนึกไม่ถึง

ท่านแม่ที่ปกติจะถูกลมหนาวไม่ค่อยได้ มักล้มป่วยอยู่เสมอ ท่านแม่ที่รูปร่างบอบบางคล้ายว่าจะล้มลงได้ทุกเมื่อ และท่านแม่ที่แสนดีแสนน่ารักใจเมตตา แต่เป็นที่ท่านอาจารย์ใหญ่หวาดกลัวนัก เขาเองยังไม่อยากจะเชื่อสักนิด แท้ที่จริงแล้ว มารดาของเขาเป็นเทพธิดาหรือปีศาจร้ายกันแน่

ท่านอาจารย์ใหญ่โหดเหี้ยมออกปานนั้น ถึงขั้นออกปากว่ามารดาของเขาทั้งคู่ว่า ดุร้ายราวกับนางพยัคฆ์เสียนั่น พวกเขายังไม่เคยเห็นท่านแม่ตบตีใครสักคน กระทั่งลงโทษบ่าวไพร่ก็หาได้ทำไม ขนาดท่านแม่ทัพกลับมาก็ทำให้ท่านแม่ร้องไห้น้ำตาแทบจะกลายเป็นสายเลือด

เขายังครุ่นคิดว่า ท่านอาจารย์ใหญ่นั้นสติดีอยู่หรือไม่ จนกระทั่งเพิ่งรู้ว่า สตรีหน้าด้านคนนั้นถูกท่านแม่จัดการแทบตาย เขาละสาแก่ใจนัก

ท่านแม่ทัพตอนนี้ที่ลูกชายกำลังนินทา สีหน้าของเขาดูกลัดกลุ้มนัก จึงได้เดินไปยังศาลบรรพชน คิดว่าน่าจะทำให้เขาใจเย็นลงมาบ้าง แต่สิ่งที่เขาเห็นนั่นคือกระดาษแผ่นหนึ่งถูกใส่เอาไว้ในซอง เขาหยิบมันขึ้นมาอ่าน และคราวนี้เขาสำนึกแล้ว

ถ้อยคำของนางกลั่นกรองออกมาเป็นตัวอักษร มีถ้อยคำที่ลึกซึ้งกินใจนัก

“เริ่มแรกเป็นข้าที่วิ่งตามท่านไปทั่วทุกแห่ง ตอนนั้นข้าเพียงแค่สิบหนาว ข้ายอมทำทุกอย่าง หวังให้ท่านหันมองมาที่ข้าบ้าง จนกระทั่งวันที่ข้ากับท่านได้หมั้นหมายกัน ข้าล้วนดีใจนัก

แต่เหตุใดหลังจากนั้น ท่านก็เย็นชาใส่ข้า คล้ายราวกับว่าข้านั้นดูน่าขยะแขยง แต่ไม่เป็นไร ข้าจะใช้ความจริงใจทั้งหมดนั่นแสดงให้ท่านเห็น ท่านพี่ชอบกินน้ำแกงปลา กินผัดและเนื้อ ข้าก็ต้องเรียนทำอาหาร หวังว่าจะมัดใจท่าน

ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นท่านมอบให้ข้า ข้าจึงได้ร่ำเรียนเย็บปักเฉกเช่นสตรีน้อย เข็มนั่นปักมือข้าจนพรุนไปหมด มิเคยเสียใจ การจะดูแลบิดามารดาของสามี ย่อมจะต้องรู้ว่าหากพวกท่านอายุมากขึ้นแล้ว ควรกินสิ่งใด และไม่ควรกินสิ่งใด ข้าทุ่มเททั้งกายและใจ

วันแต่งงานข้าสุดแสนจะดีใจนัก ในที่สุดก็ได้แต่งงานกับท่านเสียที สุดท้ายแล้ว ท่านก็ยังกล่าวหาข้าอยู่เช่นเคย เป็นข้าที่เริ่มต้น เป็นข้าที่วิ่งไล่ตามท่าน และเป็นข้าที่ดื้อดึงดื้อรั้น

สุดท้ายข้าก็ขอให้ท่านได้สมหวังในรักกับคุณหนูถังม่านชิง ขอให้พวกท่านมีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง สุดท้ายก็ไม่ต้องออกตามหาข้ากับลูก ขอให้ท่านโชคดี ไป๋ฟางหรง”

“หรงเอ๋อร์ เจ้าตัดพ้อข้าอยู่ใช่หรือไม่ ข้าเสียใจ ข้าผิดไปแล้ว หรงเอ๋อร์ ข้าผิดไปแล้วจริง ๆ ข้าขอโทษเจ้านัก เจ้าอยู่ไหน กลับบ้านเราเถิด” จ้าวหย่งคังหมดสภาพแม่ทัพใหญ่ ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ในศาลบรรพชน วันนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่า แท้ที่จริงนางเป็นภรรยาที่ดี และเพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนที่เสียนางไปแล้ว

สองผู้เฒ่าแอบมองอยู่ในช่องลับ ต่างก็ขบขันหัวเราะอย่างสบายอกสบายใจ ในที่สุดพวกท่านทั้งสองก็ได้สั่งสอนลูกชายได้ เพราะสมองหมูเช่นนี้อย่างไร ถึงได้ถูกจูงจมูกโดยไม่รู้ตัว หากนางยังแข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนรับรองว่าจะต้องเพ่งหัวลูกชายให้เลือดอาบ

ทหารนายหนึ่งติดตามแม่ทัพมานาน เมื่อรู้ว่าภรรยาแม่ทัพหายออกจากจวนทุกคนก็ตามหา แต่ทุกคนต้องปิดปากเอาไว้ และทุกคนก็ต้องแสร้งไม่รู้ไม่เห็น มิเช่นนั้นอาหารอร่อย ๆ ฝีมือของฮูหยินพวกเขาก็ต้องอด และอดเท่านั้น

“ท่านแม่ทัพไม่พบฮูหยินขอรับ” คำโป้ปดได้ถ่ายทอดออกจากปากลูกน้องคนสนิท

หย่งคังสีหน้าไม่พอใจนัก เขารีบเช็ดน้ำตาออกก่อนที่ใครจะเห็นเข้า “ไม่พบได้อย่างไร พวกเขาเดินทางไปไม่ไกลหรอก ลูกข้าก็ยังตัวเล็ก ๆ แค่นั้นเอง ค้นหาทั่วหรือยัง”

“ขอรับค้นหาทั่วแล้ว” แต่...ที่ไหนได้ คนพวกนั้นหากไม่อยู่เวรยามก็จะพากันแอบหลบหนี ไปดูคุณชายน้อยออกอาวุธต่อสู้ มิหนำซ้ำยังเก่งกาจนัก เล่นงานทหารในสังกัดจนบาดเจ็บไปหลายคน

คุณหนูน้อยก็ใช่ย่อยเสียที่ไหน มีกระบองหนึ่งอัน นางก็ไม่รอช้า กระโจนขึ้น ฟาดหลบแทบไม่ทัน

“ย๊า...” ฟางหลินกำลังตีหัวทหารคนหนึ่ง เขาหลบหลีกแล้ว แต่ไม่ทันระวัง ถูกคุณหนูน้อยฟาดเข้าให้ที่แขน นางตีชายตัวโต กว่าได้ยืนยืดตัวดูน่ารักเป็นไหน ๆ

“อ่อนหัดจริง ๆ” ฟางหลินส่ายหัวเบา ๆ เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของนาง จนทำให้มารดาค่อย ๆ ซับเหงื่อให้

“อย่าอวดตนเก่งกว่าผู้อื่น โลกนี้ผู้ที่เก่งกว่าตนนั้นมีมากมาย” ฟางหรงกล่าวสอนลูกสาวด้วยเหตุผลและชื่นชมอยู่เสมอ

“เคารพพวกท่านอาทั้งหลายเป็นอาจารย์ ต่อแต่นี้จงสำรวมกิริยาให้มาก คิดอ่านให้รอบคอบเสมอ อย่าให้วาจาเหยียดหยันผู้อื่นที่พ่ายแพ้”

เหล่าทหารที่หลบออกมาหาคุณหนูและคุณชาย ซาบซึ้งใจนัก พวกเขาได้เป็นทั้งท่านอาและยังเป็นท่านอาจารย์อีกด้วย ใครจะไม่ดีใจเล่าที่มีฮูหยินเป็นคนมีจิตใจเมตตาและยังโอบอ้อมอารี ยกย่องพวกเขาอีก

สองพี่น้องยืนตรง ยื่นมือประสาน โค้งศีรษะลงเล็กน้อย และกล่าวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ขอรับท่านแม่, เจ้าค่ะท่านแม่ พวกข้าทั้งสองจะเชื่อฟังและเป็นลูกที่ดี กตัญญูต่อท่านแม่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel