ตอนที่ 8 จะกุมหัวใจนางอีกครั้ง
ตอนที่ 8 จะกุมหัวใจนางอีกครั้ง
แม่ทัพจ้าวหัวเสียหนักมาก เข้าห้องนอนกอดหมอนและร่ำไห้ นึกถึงวันเก่า ๆ ที่ได้พบนาง ตั้งแต่วันแรกที่หลงรักดรุณีน้อยนั่น กระทั่งเมื่อได้หมั้นหมายกับนาง ทุกอย่างสิ่งที่เขาคิดว่านางกระทำเพื่อเข้าตั้งมากมาย ก็เพียงแค่หวังจะเป็นฮูหยินของเขาและกอบโกยผลประโยชน์
เขาคิดว่านางเป็นสตรีจอมเจ้าเล่ห์มากด้วยมารยา นึกไม่ถึงว่ายามที่นางจากไป ภายในอกมันปวดร้าวนัก และลูกทั้งสองยังไม่ได้กอดแต่กลับถูกเขาตำหนิ อีกคนก็ถูกเขาตี ช่างเป็นพ่อที่เลวชั่วช้ายิ่ง หนังสือหย่านั่นเขามองครั้งแล้วครั้งเล่า นึกแค้นนัก
ตัวต้นเหตุมิใช่ใครเป็นเขาเองต่างหากที่ชั่วร้ายเช่นนี้ มองนางด้วยอคติ มิคิดว่าสิ่งที่นางได้ทำล้วนเป็นเพราะความรักที่มอบให้ สุดท้ายแล้วไป๋ฟางหรงก็จากไป
จ้าวหย่งคังฉีกหนังสือหย่าออกเป็นชิ้น ๆ แววตานั่นหาได้เสียดายไม่ เขากรุ่นโกรธตนเองเพียงใด เพราะสมองของเขามันช่างเลอะเลือนเข้าให้แล้ว
ถังม่านชิงประคองตนเองให้ออกมาจากห้อง นางคิดว่าจะมาขอร้องให้เขาลงโทษไป๋ฟางหรง เมื่อนางถูกพยุงเข้ามา ก็พบว่าท่านแม่ทัพจ้าวกำลังนั่งกุมขมับอยู่ในห้อง
“ท่านแม่ทัพ” น้ำเสียงช่างดูเหมือนเจ็บปวดนัก นางค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยเพราะยังคงปวดใบหน้าของนาง มือข้างหนึ่งกุมแก้มเอาไว้ อีกข้างจับท้องน้อยตนเอง ตัวของนางโก่งงอตัวเล็กน้อย นั่นเพราะยังมีอาการไม่สู้ดีสักเท่าไหร่
จ้าวหย่งคังปรายตามองมายังถังม่านชิง “มีอะไร” น้ำเสียงเย็นชา และท่าทีหมางเมินทำให้คนรับฟังถึงกับอ้ำอึ้ง
นางฝืนยืนตัวตรงขึ้นมา “ท่านแม่ทัพดูสิ่งที่ฮูหยินของท่านทำร้ายข้า ท่านแม่ทัพให้ความเป็นธรรมกับข้าด้วยนะเจ้าคะ” ม่านชิงทรุดกายลงเกาะขาของจ้าวหย่งคัง
เขายืนนิ่งงันมองดูสภาพที่น่าอนาถใจ “ลุกขึ้นมาเถอะ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา และไม่ได้รับปากกับนางว่าจะทวงความเป็นธรรมให้แต่อย่างใด เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าไม่อาจทำตามคำที่เจ้าขอได้ กลับไปพักผ่อนรักษาตัวให้ดี”
“อะไรกันท่านแม่ทัพ เป็นพี่สาวทำร้ายข้า ท่านดูไม่ออกหรืออย่างไร แท้ที่จริงแล้วพี่สาวนั้นร้ายกาจนัก นางทำทุกอย่างก็เพราะมีใจริษยา ยังป้อนยาพิษให้ข้า” ถังม่านชิงใส่ความอีกฝ่าย และยานั่นนางคิดว่าเป็นยาพิษแน่ ๆ
“เหลวไหลนัก หรงเอ๋อร์ไม่มีวันกระทำตนเช่นนั้นเป็นแน่” เขาค่อนข้างมั่นใจนัก หรี่ตามองสตรีข้างกายที่นำมาด้วย เกิดรู้สึกคล้ายว่าตนเองนั้นโง่งมมากขนาดไหนกัน จึงได้หลงเชื่อนางเสียทุกครั้งไป
ถังม่านชิงจุกแน่นกลางอกขึ้นมา เมื่อเห็นทั้งแววตาและน้ำเสียงที่คล้ายราวกับว่าเขากำลังเปลี่ยนไป นางจึงได้รีบร้อนกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง แต่...ครั้งนี้นางจะต้องกุมเขาเอาไว้ให้ได้ “หรือเป็นข้าที่ผิดเอง ท่านแม่ทัพข้าผิดไปแล้ว ท่านยกโทษให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังท่าน” นางรีบบีบน้ำตาให้มันไหลออกมา
“กลับไปพักเถอะ” เขาไม่มองนางเสียด้วยซ้ำ เพราะกำลังครุ่นคิดอยู่ว่า ทั้งลูกและภรรยาจู่ ๆ จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไรกัน มันจะต้องมีอะไรที่เขาพลาดไปแน่ ๆ
ฟางหรงอยู่ในเรือนใหม่ มีของตกแต่งไม่มากนัก คิดว่าพรุ่งนี้ท่านพ่อและท่านแม่น่าจะสั่งให้คนไปซื้อและจัดเตรียมของมาให้อีกจำนวนหนึ่ง ยังมีบ่าวไพร่ที่ท่านทั้งคู่กำชับเอาไว้ว่าจะคัดเลือกคนที่ไว้ใจได้ให้มาอยู่ที่เรือนใหม่อีกสิบห้าคน
พวกท่านทั้งสองเกรงว่าลูกสะใภ้จะลำบาก นางก็ยังคงยืนกรานว่าจะหย่าขาดกับเขา ท่านผู้เฒ่าไม่เอ่ยปากห้าม กลับมอบเรือนหลังใหญ่โต เนื้อที่กว้างขวางนักให้นางและลูก ๆ อาศัย ยังเปลี่ยนเจ้าของโฉนดที่ดินให้เป็นชื่อของนางอีกด้วย
ท่านแม่มอบเครื่องประดับที่อยู่ในห้องเก็บเครื่องประดับนั่นส่งให้นางพรุ่งนี้อีกสามหีบขนาดกลาง ดูแล้วว่าจะมีใครรักลูกสะใภ้เหมือนลูกสาวตนเองก็คงหาได้มีไม่ ยามนี้ฟางหรงดื่มยาบำรุงลงท้องไปสองถ้วย ช่วงนี้ก่อนจะถึงงานต้อนรับราชทูต อาการป่วยของนางก็คงจะดีขึ้นมาก
ฟางหลินเด็กน้อยน่ารักและพูดจาฉะฉานเดินเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำอุ่น ๆ ใบขนาดที่นางถือได้ “ท่านแม่ถอดรองเท้าเจ้าค่ะ แช่น้ำอุ่นหน่อยจะได้สบายตัว” นางตัวเล็กเพียงเท่านี้กลับรู้จักดูแลท่านแม่แล้ว
หย่งเล่อเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำมันหอม เขาฉีกยิ้มทันที “ท่านแม่ขอรับ ต่อไปนี้ลูกทั้งสองจะดูแลปรนนิบัติท่านแม่เอง” เพราะมารดาทำงานทั้งวันเหนื่อยมามาก ในหนึ่งวันงีบหลับจริง ๆ ไม่ถึงสองชั่วยามเสียด้วยซ้ำ
ตั้งแต่เขาจำความได้ก็เห็นมารดาวิ่งวุ่นวายจัดการงานต่าง ๆ ยามเมื่อเขาสามหนาว เดินทางไปสำนักศึกษา มารดาคล้ายว่าจะเบาลง แต่ก็หาใช่เช่นนั้นไม่
สามหนาวพวกเขายังเด็กมา ๆ ยังจดจำได้ว่าวันแรกที่ไป ท่านแม่ร้องไห้สงสารพวกเขานัก น้องรองกระจองอแง จนเขาต้องโอบกอด และทำตัวเข้มแข็งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“พวกเจ้าช่างเป็นเด็กดีนัก เมื่อครู่แม่ดื่มยาไปแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงจะต้องนอน” นางแย้มยิ้ม มองดูลูกสาวนวดฝ่าเท้าให้นาง มือป้อม ๆ นั่นทำให้นางซาบซึ้งระคนเอ็นดูนัก ช่างรู้ความเสียจริง
นึกไม่ถึงว่าสวรรค์ยังเมตตาส่งลูกที่ประเสริฐมาให้นางถึงสองคน สามีไม่รักใคร่เอ็นดู ยามนี้มิได้สน ขอเพียงแค่ข้างกาย มีเจ้าผักกาดสองหัวนี้อยู่ด้วยย่อมมีแต่ความสุข
“มีใครอยากนอนกับแม่บ้างหรือไม่” คำกล่าวนั้นย่อมทำให้เด็ก ๆ ทั้งสองต่างกระโดดดีอกดีใจเสียยกใหญ่ บรรยากาศที่มีเพียงสามคนแม่ลูกช่างดูสงบสุขนัก
ท่ามกลางความเงียบเหงาและอ้างว้าง ชายผู้หนึ่งหงอยเหงาอ้างว้างจนต้องออกจากจวนยามดึกดื่น เขาควบอาชาตัวโปรดออกจากจวนไปเพียงผู้เดียว หวังตามหาภรรยาและลูกชาย มีเพียงแค่แสงสว่างบนฟ้าในราตรีกาลเป็นเพื่อนให้คลายเหงา
“นี่” เสียงโหวกเหวกตามมาด้านหลัง “เจ้าจะไปไหนกันแน่” สหายข้างกายกล่าวถาม เขาคือท่านรองหลิวมู่ฉวน ญาติทางมารดาร้องตะโกนส่งเสียงถาม เขาเร่งตะบันห้อม้าออกมาก็กลางดึกดื่น
“ข้าจะไปตามหาหรงเอ๋อร์” เขาหยุดม้าได้ทัน เท้าของม้านั่นยกขึ้นตะกุยกลางอากาศเข้าให้ ด้วยเพราะแม่ทัพจ้าวกระตุกสายบังเหียนม้าเอาไว้
“ข้าถามจริง ๆ เจ้าจะตามนางกลับมาทำไมกัน ในเมื่อไม่รักแล้วก็ควรจะปล่อยนางไป” หลิวมู่ฉวนอยากได้ยินคำตอบนั่น ด้วยเพราะสงสารหลาน ๆ ที่น่ารักทั้งสอง ไม่อยากจะให้พวกเขากลายเป็นกำพร้า บิดามารดาแยกทางกัน
“ใครบอกว่าข้าไม่รักนาง” จ้าวหย่งคังกล่าวน้ำเสียงแผ่ว แววตามีความเศร้าหมองระคนเสียใจนัก
“รัก!” เขาหัวเราะเบา ๆ “เหตุใดจึงเลือกเมินเฉยเย็นชาใส่นางเล่า จดหมายท่านป้าบอกว่าเคยส่งไปให้เจ้าตั้งหลายฉบับ แต่เป็นเจ้าไม่ตอบกลับมา จะไม่ทำให้ท่านป้ากับท่านลุง รวมถึงพี่สะใภ้น้อยใจได้อย่างไรกัน”
“จดหมายอันใด ข้าไม่เห็นจะรู้เรื่องสักนิด” เขายังงุนงงไม่น้อย มารดาเขาใจแข็งขนาดนั้นเชียวหรือไม่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของเขาบ้าง
“เช่นนั้นเจ้าก็คงจะต้องถามหาความจริงจากแม่นางถัง ที่เจ้านำมาด้วยแล้ว พี่ชายท่านหลงกลอุบายนางให้แล้วล่ะ” เขาไม่ได้ชักแม่น้ำทั้งห้า แต่ก็รู้สึกเหมือนมีเส้นผมบังตา จนมองอันใดคลาดเคลื่อนไป
“พี่สะใภ้ข้า ทั้งน่ารักอ่อนหวาน แม่ทัพแดนใต้ ยังกล่าวชมเชย ฮูหยินแม่ทัพทั้งหลาย นางรู้จักใครก็มักจะส่งของไปให้เสมอ นางผูกไมตรีก็เพราะพี่ชาย แต่ท่านกลับมองว่านางจงใจครอบครองท่าน” หลิวมู่ฉวนแสยะยิ้มเยาะคนโง่งม
“เสียดายนัก หากพี่สะใภ้เป็นของข้า ข้าจะดูแลทะนุถนอมนางบนฝ่ามือมิให้เสียอกเสียใจเช่นนี้” คำพูดประโยคนี้หลิวมู่ฉวนจงใจกล่าวให้ญาติผู้พี่กรุ่นโกรธ
“เสียใจด้วยนะ คนที่ครอบครองหัวใจของนางคือข้า” เขาดูมั่นอกมั่นใจนัก
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ข้าจะเกี้ยวนางมาเป็นภรรยา อ้อ...ข้าลืมบอกไปว่า ท่านอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาหลวงน่ะ เขาก็หมายตาพี่สะใภ้มานานแล้ว เห็นทีว่าคราวนี้พี่ชายต้องเร่งพิชิตใจนางอีกครั้ง แต่...ใครจะเป็นฝ่ายครอบครองนางก็คงจะไม่ใช่ท่านแน่ ๆ”
หลิวมู่ฉวนหัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงที่เขากล่าวนั้นจงใจยั่วยุญาติผู้พี่ชัด ๆ ตัวเขาเองเพียงแค่สงสาร หวังปลุกปั่นป่วนประสาทญาติผู้พี่ให้คิดไตร่ตรองให้ดี ในเมื่อสตรีที่มองว่าไร้ค่า หาใช่ไร้ประโยชน์ไม่
เพียงแค่นางเลือกที่จะปกปิดและซ่อนมันเอาไว้ มีเพียงแค่ญาติผู้พี่ของเขากระมังที่ช่างจะดูตาบอดเสียจนมองว่านางเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นอันไร้ค่า แท้ที่จริงแล้วนางคือ อัญมณีที่หายากที่สุดก็ว่าได้
“ฝันไปเถอะ ข้าจะกุมหัวใจนางให้ได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะยากสักเพียงใดข้าก็จะทำ”
“ถามนางหรือยังว่าต้องการท่านหรือไม่ ชอบโอ้อวดตนข่มผู้อื่นนัก ช่างน่าขัน”
"หลิวมู่ฉวนเจ้าจะเป็นปรปักษ์กับข้าใช่หรือไม่"
“แน่นอน ข้ายืนอยู่ฝั่งพี่สะใภ้” เขาบิดมุมปากขึ้นเล็กน้อย ประโยคหลังเพียงแค่ล้อเล่นคิดกลั่นแกล้งอีกฝ่ายให้เดือดดาล ยิ่งเห็นญาติผู้พี่เคร่งเครียดยิ่งชอบใจ ให้สาสมกับสิ่งที่ทำให้หลานชายและหลานสาวเสียอกเสียใจและผิดหวังกับบิดาเช่นนี้
“เพราะข้าจะแย่งนางมาจากท่าน”