ตอนที่ 6 หนีจากคนใจร้าย
ตอนที่ 6 หนีจากคนใจร้าย
ฟางหรงเดินกลับเข้ามาในจวนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก มือข้างหนึ่งยังคงมีสาวใช้ประคองนาง ระหว่างที่เดินทางกลับมา อากาศข้างนอกก็หนาวเหน็บ ร่างกายของฮูหยินก็เจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง ต้องทำมาทำงานหนัก ๆ เช่นนี้อีก สาวใช้ของนางคืออาชุน ติดตามดูแลนางตั้งตระกูลไป๋ จวบจนย้ายมาอยู่ที่จวนตระกูลจ้าว
“ฮูหยิน อย่าว่าข้าสอนเลยนะเจ้าคะ อยู่ไปก็รังแต่จะเจ็บปวด” อาชุนไม่พอใจนัก สีหน้าของนางหาได้ยิ้มแย้มไม่ มีเพียงแต่ความไม่พอใจอยู่มากโข
“ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ” เพียงแค่พูดก็เหมือนจะหมดแรงลงได้ทุกเมื่อ “เดี๋ยวเช่นนั้นก็คงจะต้องเก็บของเตรียมตัวย้ายแล้ว” นางคิดดีแล้ว และคิดมาตลอดทั้งคืนแล้ว
“อีกหน่อยท่านแม่ทัพแต่งงานก็ย่อมมีลูกของตนเอง” ฟางหรงกล่าวขึ้น ลูก ๆ ของนางก็คงจะยินดีหากว่าย้ายไปอยู่ที่อื่น จะได้ไม่ต้องทนเห็นบิดามารดาทะเลาะเบาะแว้งกันเช่นนี้
“ที่จวนทุกอย่าง ข้าจัดการเอาไว้แล้ว” ฟางหรงรูปร่างผ่ายผอมนัก เพียงแค่แรงลมปะทะนางก็อาจจะล้มลงได้ทุกเมื่อ นางกินน้อย นอนน้อย หน้าหนาวทีไรนางก็จะป่วยอยู่เสมอ หลังจากคลอดลูกทั้งสอง สุขภาพของนางก็ไม่แข็งแรงนับจากนั้นเป็นต้นมา
นางไม่เคยใส่ใจดูแลบำรุงร่างกายของตนเองสักนิด ใช้เวลาดูแลลูก ๆ สองคน เด็กแฝดคู่นี้นอนยาก และไม่กินนมแม่นมอีกด้วย นางดูแลตั้งแต่คลอดเอง ทำเองทุกอย่าง จะเอาเวลาไหนมาดูแลตนเอง พ่อแม่สามีก็ชรามากแล้ว พวกท่านช่วยดูแลได้เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น
เด็กน้อยทั้งสองไม่เคยต้อนรับใครก็ว่าได้ หากมีใครที่ไม่คุ้นหน้าเข้ามาอุ้มก็มักจะส่งเสียงร้องไห้เสมอ เวลานอนแขนทั้งสองข้าก็มักจะมีเด็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ นางก็หวังเพียงแค่สามีได้รับรู้ จดหมายที่ส่งไปก็ไร้ซึ่งการตอบกลับมา
ระหว่างที่ฟางหรงกำลังจะเข้าเรือนนอน เป็นถังม่านชิงยืนขวางทาง คล้ายว่ารอมานานแล้ว สีหน้าบึ้งตึงและยังกล่าวขึ้นมาว่า “เมื่อไหร่พี่สาวจะหยุดดื้อดึงเสียที หย่ากับท่านแม่ทัพเสีย อย่ารั้งตำแหน่งที่ไม่ใช่ของท่านอีกต่อไปเลย”
“เจ้านี่ช่างใจร้อนจริง ๆ” ฟางหรงแสยะยิ้มขึ้นมา เหยียดมองอีกฝ่ายเข้าให้ “ใช่ว่าใครจะเป็นก็เป็นได้ เด็กอย่างเจ้าจะดูแลจวนที่ใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” นางกล่าวขึ้นมา สีหน้าเรียบเฉย แววตาว่างเปล่า แต่มุมปากกลับบิดขึ้นมาเล็กน้อย
“อีกอย่างสตรีเช่นเจ้าวัน ๆ เอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ รักสบายเกรงว่าเป็นนายของจวนบ่าวไพร่คงจะไม่เคารพเป็นแน่ พ่อแม่สามีชังหน้า เจ้าก็จะยิ่งกว่าข้าเสียอีก ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนวิ่งตามผู้ชายจากแดนเหนือมาถึงเมืองหลวง หากไม่ใช่นางโลมชั้นต่ำ!”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ม่านชิงคิดจะตบตีอีกฝ่าย นางจึงได้ปรี่เข้าไป
ฟางหรงยิ้มเหี้ยมขึ้นมา ยกเท้าฟาดเข้าให้ที่ใบหน้าของถังม่านชิง และเห็นนางเสียหลักหงายท้องไป จากนั้นนางก็ไปรับอีกฝ่าย ลากสตรีหน้าด้านไร้ยางอายนั่นเข้าไปในเรือนของนาง หากมีใครเห็นเข้าทุกคนจะคิดว่านางรังแกอีกฝ่าย เช่นนั้นก่อนไปก็ขอจัดการสตรีหน้าด้านคนนี้เสียหน่อย
“ปล่อยข้านะ ปล่อยสิ ท่านแม่ทัพกลับมาข้าจะฟ้องเขา!” ม่านชิงดิ้นหนีแต่ก็ไม่เป็นผล และยังถูกสาวใช้ของฮูหยินเอก ช่วยลากนางเข้าไปข้างในอีกด้วย
อาชุนยึดตรึงร่างของถังม่านชิงเอาไว้แน่น ฟางหรงยิ้มเหี้ยมขึ้นมา แววตาเป็นประกายวาวโรจน์อัดแน่นไปด้วยความชิงชัง “ข้าจะบอกเจ้าให้นะ คำพูดที่น่าฟังมันเป็นเช่นไร คำพูดที่ทิ่มแทงใจคนเป็นเช่นไร สตรีเช่นเจ้าหากไม่ใช่นางโลมชั้นต่ำแล้วจะเป็นคุณหนูได้อย่างไรกัน”
ฟางหรงบีบปากของถังม่านชิงเอาไว้แน่น “กินมันเข้าไป” น้ำเสียงเหี้ยมแฝงด้วยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว ถังม่านชิงนึกไม่ถึงว่าฟางหรงจะโหดเหี้ยมเช่นนี้
“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ถึงข้าจะอ่อนแอขี้โรคเช่นนี้ แต่ข้าใช้สมองไม่ใช่ปาก อย่างเจ้า คิดจะช่วงชิงตำแหน่งฮูหยินเอกของข้า มันไม่ง่าย หากอยากได้เจ้าก็ต้องแลกมันมา” สิ่งที่ถังม่านชิงกินเข้าไปนั้นไม่มีพิษสักนิด
จากนั้นฟางหรงจึงให้อาชุนปล่อยตัวของถังม่านชิง ฝ่ามือฟาดเข้าให้ที่แก้มของนางทั้งซ้ายและขวา ก่อนสุดท้ายนางจะจากลา จึงได้มอบรอยส้นเท้าของนางบนหน้าของอีกฝ่าย เสียงหวีดร้องนั่นดังออกมาถึงข้างนอกห้อง
เดือดร้อนไปถึงสองผู้เฒ่าจะต้องมาห้ามปรามเข้าให้ เมื่อคนชราทั้งสองคล้ายว่าจับจูงกึ่งวิ่งกึ่งเดินนั่น มายังเรือนของลูกสะใภ้ไม่ห่างไกลสักเท่าไหร่แต่เข้ามาพบ มีแม่นางถังนอนอยู่กับพื้น ใบหน้าของนางปูดบวมและยังมองเห็นเส้นผมเป็นกระจุกหล่นอยู่บนพื้นอีกด้วย
“ลูกสะใภ้ที่แสนดีของข้า ถูกนังผู้หญิงบ้าคนนี้กลั่นแกล้งเข้าให้แล้ว ดูสิทำให้เด็กดีเรียบร้อย กลายเป็นแบบนี้ไปได้ เพราะไอ้ลูกชั่วคนนั้นแท้ ๆ” หลิวซื่อร่ำไห้ อดสงสารสะใภ้ไม่ได้ นางตีโพยตีพายกล่าวโทษลูกชายตัวเอง ฟางหรงยืนเรียบร้อยกลายเป็นเด็กดีน่ารักอีกครั้ง หลังจากเมื่อครู่ถูกปีศาจร้ายเข้าสิง
ไม่มีใครสนใจคนที่นอนกองอยู่บนพื้นสักคน มีแต่คนเมินเฉยนางคล้ายกับว่าเป็นเพียงสิ่งไร้ค่า ไร้ตัวตนให้ผู้คนเหลียวแล “นังผู้หญิงคนนี้ ข้าว่าน่าจะลากนางออกไปประจาน ผิดคิดแย่งสามีชาวบ้าน” ชายชรากล่าวขึ้นมาทันใด สีหน้านั้นบึ้งตึงเคร่งเครียดนัก
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ไหนเลยจะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อท่านแม่ทัพมีใจให้นาง สิสู้ให้สมหวัง ลูกสะใภ้คนนี้ทำให้ท่านพ่อ ท่านแม่อับอาย มีจิตริษยาจึงคิดจะขอหย่าเจ้าค่ะ” ฟางหรงสีหน้านั่นดูแน่วแน่นัก สาวใช้ลากสตรีคนไร้ค่าออกไปมิให้เป็นอัปมงคลเรือนของเจ้านาย
สองผู้เฒ่ากุมขมับทันใด หลิวซื่อจับมือลูกสะใภ้เอาไว้ มิคิดเอ่ยปากห้าม “แม่เข้าใจเจ้า แต่ว่าแม่มีเรื่องขอร้องได้หรือไม่”
“หากลูกสะใภ้ทำได้ ขอให้ท่านแม่บอกมาเจ้าค่ะ” ฟางหรงยินดี ถือว่าตอบแทนที่ดูแลนางระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ พวกท่านทั้งสองมิเคยเจ้ากี้เจ้าการอันใดกับนาง ยังเอ็นดูนางเป็นอย่างดีอีก
“เจ้าเห็นจวนข้าง ๆ หรือไม่ พ่อซื้อเอาไว้ให้เล่อเอ๋อร์ แต่เจ้าคิดหย่าร้าง พ่อกับแม่มิขัดขวาง ขอเพียงแค่เป็นความสุขของเจ้า พวกเราแก่แล้วจะอยู่ได้อีกไม่นาน ขอร้องสะใภ้เห็นใจพ่อกับแม่ด้วย ช่วยอยู่ที่จวนหลังนั้นจะได้หรือไม่” ชายชรากล่าวขึ้นมา ระยะเวลาร่วมหกปี สะใภ้คนนี้เป็นที่น่าภาคภูมิใจ เดินทางไปไหนมีแต่คนยกย่องว่าได้สะใภ้ดี
เพียงแค่ได้ยินพวกท่านทั้งสองมิขัดขวาง ฟางหรงคุกเข่าลงก้มหน้าแนบพื้น ใบหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยความสุขและรอยยิ้มยังมีม่านน้ำตาเจือจางคลออยู่กระบอกตาของนางอีกด้วย “ลูกขอบคุณท่านพ่อ ท่านแม่ที่เมตตาเจ้าค่ะ”
“หนังสือหย่าให้เจ้าเขียนมันเองเถอะนะ แม่ตามใจเจ้าขอเพียงแค่ย้ายไปอยู่ที่จวนข้าง ๆ ก็พอ แม่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครไปรบกวนเจ้าอีก” หลิวซื่อใจหายนัก ลูกสะใภ้ที่เอ็นดูมาหลายปี จู่ ๆ ก็จะกลายเป็นเพียงแค่อดีตสะใภ้แล้ว
“เหตุใดลูกชายข้ามันจึงโง่นัก สู้หลานข้าก็ไม่ได้” ชายชราสบถด่าอย่างหัวเสีย หลานชาย หลานสาวทั้งสองมีหัวคิดมิใช่หูตามืดบอดจิตใจคับแคบ ถือตนเองเป็นที่ตั้งเช่นนี้
“คอยดูเถอะข้าจะให้หลินเอ๋อร์ จัดการกำราบพ่อชั่ว ๆ ให้อยู่หมัด” ชายชรายังรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้ง
“เอ้า พวกเจ้ายืนงงอยู่ทำไมกัน ช่วยฮูหยินจัดการย้ายเรือน” น้ำเสียงเหี้ยมของหลิวซื่อกล่าวขึ้นมา นางคือฮูหยินผู้เฒ่าที่มัดใจสามี เพราะชายชราผู้นี้รักเดียวใจเดียวคงมั่น ผิดก็แค่ลูกชายเท่านั้น เหตุใดกันจึงได้โง่เง่าถึงเพียงนี้
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าย้ายของเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม เร็ว ๆ ลงมือเข้า” ชายชราออกคำสั่ง บ่าวไพร่วิ่งวุ่นวายไปทั่ว พากันหยิบจับอลหม่านน่าดู เด็ก ๆ ทั้งสองยังไม่รู้เรื่องเดินมาก็พบว่าเหตุใดห้องท่านแม่จึงวุ่นวายถึงเพียงนี้
แฝดผู้พี่ขมวดคิ้วกล่าวถามขึ้นมา “ท่านแม่เราจะย้ายแล้วหรือขอรับ” เขาพอเดาออก ในสิ่งที่เขาคิดการณ์เอาไว้ ว่าคงจะต้องมาถึงแน่ ๆ
“ย้าย เราจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ” ฟางหลินในมือยังคงมีตำราฝึกฝนวรยุทธ์ขั้นกลางอยู่ในมือ ใครคิดว่านางเป็นเด็กและยังเป็นสตรีคิดผิดแล้ว
นางเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่แสนน่ารักและน่าชัง แต่แสนร้ายกาจด้วยนะสิ นางร่ำเรียนเขียนอ่านอันใดล้วนแตกฉาน ท่านอาจารย์ยังออกปากชมเชยนางกับพี่ใหญ่เสมอ จนทำให้เหล่าสหายต่างก็ไม่ชอบหน้า ก็ใครใช้ให้นางเกิดมาเป็นลูกท่านแม่เล่า รับรองนางจะไม่ทำให้ผิดหวัง
“เราจะย้ายไปอยู่จวนข้าง ๆ หนีจากคนใจร้ายเช่นพ่อของเจ้าอย่างไรเล่า” ท่านย่ากล่าวขึ้นมา ยังโชคดีสะใภ้หัวอ่อน นางจึงคล้อยตาม
“แม่มีของจะมอบให้เจ้ามากมาย สตรีนางนั้นอย่าหวังจะได้ครอบครองมัน สักครึ่งข้าก็ไม่ให้” นางลูบไล้ดวงหน้าของลูกสะใภ้ด้วยความสงสารจับใจ สายตาของนางรักและเอ็นดูสะใภ้คนนี้นัก ผูกพันราวกับเป็นสายเลือดเดียว
เด็ก ๆ สองคนต่างก็ดีใจจนเนื้อเต้น “ในที่สุดข้าจะได้ไม่ต้องทนเหม็นหน้าใครบางคนแล้ว”
“จริงด้วยพี่ใหญ่ อย่าคิดจะไปเหยียบจวนข้านะ เช่นนั้นจะหาว่าไม่เกรงใจ”
ชายชราร้อนตัวกล่าวถามขึ้น เกรงว่าหลานจะไม่รัก “แล้วย่ากับปู่เล่าไปหาได้หรือไม่”
หย่งเล่อแย้มยิ้มยืดอกขึ้นมา กล่าวน้ำเสียงใสดังขึ้นมาว่า “แน่นอน ว่าย่อมได้เสมอขอรับ”
ฟางหรงร่างหนังสือหย่าเรียบร้อย มีให้เขาหนึ่งแผ่น และต่อหน้าศาลบรรพชนอีกหนึ่งแผ่น ไม่ถึงครึ่งชั่วยามจวนข้าง ๆ ก็จัดการดูแลเก็บกวาดเช็ดถูจนสะอาดเอี่ยม
สามแม่ลูกไปอยู่ที่เรือนใหม่ ขนของทั้งหมดออกทางด้านหลัง ไม่มีผู้คนรับรู้ ไม่ให้ใครกล้าปริปากพูดมาก ทุกคนถูกกำชับอย่างดีจากพ่อบ้านฝู และยิ่งสตรีนางนั้นจะพูดได้ก็คงจะเป็นอีกวันแน่ ๆ เพราะถูกเล่นงานปางตาย
ท่านแม่ทัพกลับมาจากการรายงานแล้ว ใจจริงคิดว่าจะขอแต่งงาน แต่เขานึกถึงดวงหน้าของฮูหยิน จิตกระสับกระส่ายนัก ยิ่งเห็นสายตาคู่นั้นที่ไม่มีเขาแล้ว มันรู้สึกหนาวเหน็บจนสะท้านและหวาดกลัว เขาควบอาชาตัวเดิมกลับมา ยังคงไม่รู้ว่าภรรยาได้หายไปแล้ว
เขามายังห้องหนังสือของตนเอง ก็พบว่ามีบางอย่างวางอยู่บนโต๊ะ เขาเปิดมันออกมาในใจความนั้นเขียนว่า
“วันนี้ข้าไป๋ฟางหรง ขอหย่าขาดจากตระกูลจ้าว ด้วยความผิดอิจฉาริษยา อับอายต่อบรรพชนตระกูลจ้าว จึงขอหย่าร้างด้วยตนเอง หลังจากนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลจ้าวอีก” ในจดหมายนั่นมีปอยผมอยู่ด้วย และยังมีผ้าเช็ดหน้าที่เขาเคยมอบให้นางอีกหนึ่งผืน
ความรู้สึกตอนนี้คล้ายกับว่าเขาควบคุมอาการไม่ไหว ตัวเขาเย็นไปหมด ทำอะไรไม่ถูกมือที่ถือกระดาษอยู่นั่นมันกำลังสั่น จู่ ๆ กระบอกตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา เขารีบร้อนเดินคล้ายราวกับว่าคนหลงทิศ ไปยังห้องของนาง ก็พบว่ามันว่างเปล่าเข้าให้
เดินออกมาไปยังเรือนลูกชาย เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปก็นึกว่าจะได้พบ ก็ไร้ซึ่งเงาของเขา พลันความรู้สึกปวดหนึบขึ้นมายังหน้าอกซีกซ้าย เขาขบกรามเป็นสัน คำรามเสียงดังลั่น
“ไป๋ฟางหรง เจ้าคิดจะหย่ากับข้ารึ! เจ้ากล้าดีอย่างไรกัน หลอกลวงให้ข้ารักและทอดทิ้งข้าไปเช่นนี้!”
“ไอ้ลูกชั่วมันเป็นเพราะเจ้าต่างหาก อย่ามาร้องฟูมฟายให้ข้าได้เห็น เมียคนเดียวลูกอีกสองคนยังทอดทิ้งได้” หลิวซื่อแทบอยากจะเอาไว้เท้าแพ่งกระบาลลูกชาย
ชายชราได้ทีรีบสมทบเติมเชื้อถ่านเข้าสุมไฟใส่เข้าไปให้เยอะ ๆ “ไอ้ลูกเลว ทำสะใภ้ข้าหาย เจ้าต้องรับผิดชอบ นางตัวคนเดียวลูกอีกสองคน เดินทางระหกระเหินข้างนอกจะปลอดภัยหรือไม่ ตระกูลไป๋ก็ประกาศไม่รับสตรีหม้าย ทุกอย่างมันเป็นเพราะเจ้าทำทั้งนั้น สะใภ้ข้า เล่อเอ๋อร์ หลินเอ๋อร์ จะเป็นอย่างไรบ้าง”