8. ช่วยชีวิต
“ฆ่ามัน” เสียงคนร้ายซึ่งตามไล่ฟันทหารเข้ามาในตรอกดังขึ้น พร้อมกับง้างดาบหมายจะฟันให้ตาย
ทว่าร่างกับล้มลงเสียก่อนด้วยคมดาบของจงเฟย ยามนี้เองที่กลุ่มคนร้ายอีกสามคนเห็น พวกมันจึงกรูกันเข้ามาหมายจะเอาชีวิตเขาและสตรีตัวน้อยที่นั่งหลบอยู่ โทษฐานสังหารพรรคพวกของตน
“พี่เฟยระวัง” ร้องบอกเขาเมื่อองครักษ์หนุ่มมัวแต่ยื่นมือไปให้ทหารนายนั้นลุกขึ้น ด้านหลังก็ยิงอาวุธร้ายออกมาใส่ ดีที่มีคนเตือนทำให้หลบได้ทัน
“นังเด็กผู้นี้อยากตายสินะ” เพราะจงเฟยมัวแต่ต่อสู้กับคนร้ายทั้งสาม คนที่สี่ซึ่งวิ่งตามมาจึงหมายจะจัดการกับสตรีตัวน้อยแทน ทว่าสิ้นคำเขาก็ล้มลงกองกับพื้นเสียก่อน คนตัวเล็กจึงรีบหยิบเอาอาวุธลับอีกฝ่ายมา
“ชิ จะฆ่าคน ใครเขาให้พูดมากกัน” ว่าพร้อมกับใช้เท้าเตะไปหนึ่งที ก่อนจะใช้อาวุธที่ยึดมาได้ยิงใส่คนร้ายจากด้านหลัง จนพวกมันหมดสติล้มลงอ่อนแรง ทำเอาจงเฟยและทหารอีกนายถึงกับมองตาโต
“นะ นายหญิงทำได้เยี่ยงไรขอรับ” ถามเสียงติดขัด เพราะสงสัยตั้งแต่คราแรกแล้ว ว่านางทำเช่นไรคนร้ายจึงหมดสติเร็วนัก เพราะภาพที่เขาเห็นในช่วงต่อสู้คือมันง้างดาบใส่นาง แล้วจู่ ๆ ก็ล้มลงไปเลย
“ข้ามีอาวุธลับที่ทำขึ้นมาน่ะ เอาไว้ข้าจะเล่าให้ฟังนะ หยิบเอาอาวุธมันมาใช้เถอะ อย่างน้อยก็จัดการคนร้ายได้ดี มันใช้สิ่งใดทำร้ายเรา เราก็ใช้สิ่งนั้นทำร้ายมัน”
เอ่ยแนะก่อนจะเริ่มค้นตัวคนร้ายทั้งสาม เมื่อได้อาวุธลับที่ประกอบขึ้นเหมือนหน้าไม้ขนาดเล็ก ทั้งสามก็เผยยิ้มออกมา เพราะการใช้งานนั้นง่ายมาก
“นายหญิงหลบอยู่ที่นี่ดีกว่านะขอรับ” จงเฟยแนะ เกรงว่าหากนางออกไปช่วยจะเป็นอันตรายเสียมากกว่า ความปลอดภัยนางสำคัญที่สุด
“ไม่เอา อย่ามามัวเสียเวลาอยู่ รีบไปเถอะ” เอ่ยแล้วก็นำออกไปเอง ยามนี้ทั้งสองจึงต้องตามไปติด ๆ
เพราะนางตัวเล็กและยังเป็นสตรี คนร้ายจึงไม่ได้สนใจนัก คิดว่าเป็นลูกคุณหนูที่พลัดหลงหนีตายมากกว่า พวกมันจึงไม่ทันระวัง ทำให้หนิงเหอเก็บไปได้หลายคน
จนกระทั่งมาถึงกลุ่มของจินฟาน ซึ่งเขาถูกยิงเข้าที่ช่วงท้องถึงสองครั้ง ทำให้ยามนี้ริมฝีปากออกสีคล้ำแล้ว ภาพเลือนลางที่เห็นคือร่างเล็กของฮูหยินตนกำลังตรงดิ่งเข้ามา ก่อนจะยื่นอาวุธให้องครักษ์เขาไปถือ
“กินยาเสีย มันจะช่วยบรรเทาอาการของพิษได้” บอกพร้อมกับใช้มือบีบปากอีกฝ่ายก่อนจะเทบางสิ่งลงไป ทำเอาคนสนิทอย่างตงเล่อ ซึ่งรับหน้าที่คุ้มกันยามนี้ถึงกับหน้าเจื่อน ฮูหยินน้อยดูดุดันยิ่งนัก
“ข้าจะไปดูฝั่งนั้น นี่ยา หากมีคนถูกพิษอีกก็เอาให้กิน ยานี่บรรเทาได้แค่สองชั่วยาม [=4ชั่วโมง] เอาไว้ข้าจะหาวิธีถอนพิษอีกที ก่อนจะเดินออกไป มือเรียวของสามีก็รั้งไว้ก่อน ทำเอาหนิงเหอต้องรีบหันมาขมวดคิ้วใส่
“เจ้าเป็นสตรี จะมาเพ่นพ่านที่นี่ทำไม” จินฟานยังไม่วายเอ่ยตำหนิ คนตัวเล็กจึงนั่งยองตรงหน้าเขา
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะท่านแม่ทัพ” สิ้นคำนางก็สะบัดมือออกจากการกอบกุม แล้วดึงเอาหน้าไม้จากองครักษ์หนุ่มมาถือ ก่อนจะวิ่งออกไปจากตรอก
“ให้ตามหรือไม่ขอรับ” เอ่ยถามผู้เป็นนาย ซึ่งยามนี้ขยับกายลุกขึ้นยืนได้แล้ว ทั้งที่ดื่มยาไปไม่นาน
“เจ้าสองคนตามนางไป ประเดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่รู้จักบุญคุณ” เพราะรู้สึกได้ว่ายาที่ดื่มไปทำให้ตนดีขึ้นมาก แม่ทัพจึงสั่งทหารให้ตามไปคุ้มครองนาง
ทว่าหนิงเหอวิ่งไปที่หอพิรุณแล้ว และเข้าไปด้านใน ซึ่งมันดูเงียบเชียบมาก เสียงต่อสู้ดังอยู่ด้านในลึก ๆ ไม่มีคนเจ็บที่น่าจะเป็นเชื้อพระวงค์ให้เห็น
“หรือว่าถูกช่วยไปหมดแล้ว” พึมพำผู้เดียว เมื่อเห็นเพียงร่างของทหารและคนร้ายที่นอนเกลื่อนไปทั่ว ก่อนจะชะงักเท้ากับเสียงต่อสู้ภายในห้องหนึ่งทางทิศใต้ นางจึงรีบตรงไปที่นั่นทันที และยืนหลบมุมอยู่ด้านนอก
“หึหึ ถึงคราวตายของท่านแล้วซีหลาง” เสียงเหี้ยมของใครคนหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับง้างดาบในมือหมายจะสังหารบุรุษตรงหน้า ซึ่งสีหน้าเขาบ่งบอกให้รู้ว่าถูกพิษไปแล้ว ทว่าอีกฝ่ายก็ยังจะเอาชีวิตเขาด้วยมือของตนเอง ทำให้คนที่หลบอยู่ตรงมุมหน้าต่างไม่อาจทนได้
อาวุธลับที่เคลือบยาพิษถูกยิงออกไปใส่คนทั้งสามที่ยืนรายล้อมคนเจ็บทันที พวกมันล้มลงต่อหน้าชินอ๋อง ก่อนที่ร่างเล็กจะกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง
“ข้าไม่ใช่คนร้ายนะ” เมื่อเห็นคนตัวโตจ้องมาที่ตนซึ่งถืออาวุธอยู่ จึงรีบบอกเขาว่านางไม่ใช่พวกเดียวกับคนกลุ่มนั้น ทว่าคนตรงหน้าดูเหมือนจะอาการหนัก ใบหน้าเขายามนี้เขียวช้ำไปหมด นางจึงรีบจับชีพจรให้
“แย่ล่ะ พิษกำลังแล่นสู่หัวใจ ข้าจะฝังเข็มขจัดพิษให้ ท่านน้าไม่ต้องกลัวนะ” เอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างรีบเร่ง เพราะยามนี้ไม่มีเวลาแล้ว ชินอ๋องเองก็ไม่ได้สติ ดีที่หนิงเหอประคองไว้ทัน ไม่งั้นนางต้องยกเขานั่งอีกเป็นแน่
“หยุดนะ ปล่อยนายท่านของข้าเดี๋ยวนี้” ซือโม่ส่งเสียงดักไว้ทันที หนิงเหอจึงตวาดกลับไปเช่นกัน
“ปล่อยเขาก็ตายน่ะสิ พิษกำลังแล่นสู่หัวใจแล้ว ต้องรีบฝังเข็มขับออกมา มาจับเขาให้นั่งตรง ๆ ที”
ร้องสั่งคนที่หน้าประตู ทำให้องครักษ์หนุ่มและสหายรีบมาประคองผู้เป็นนายตามที่สตรีตัวน้อยบอก แม้ว่าจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็เถอะ ทว่าสีหน้าผู้เป็นนายยามนี้มันดูแย่ยิ่งนัก คงทำสิ่งใดไม่ได้แล้ว
หนิงเหอทำทุกอย่างแบบเร่งรีบ ห่อเข็มที่อยู่ในย่ามที่สะพายติดตัวตลอดถูกเอาออกมาวางแผ่หราบนพื้น
“เจ้าเป็นหมอ?” ลั่วไห่เอ่ยถาม
“มันใช่เวลามาถามหรือ” ถูกดุเข้าให้ เขาจึงต้องเงียบ มองดูแม่นางน้อยจิ้มเข็มลงตามจุดต่าง ๆ ถึงห้าแห่ง จนมาถึงกลางหัว เมื่อนางจิ้มลงผู้เป็นนายก็กระอักเลือดออกมา ทำเอาพวกเขาแตกตื่นกันเป็นอย่างมาก บางคนก็ยกดาบชี้มาที่นาง จนหนิงเหอต้องยกมือชูขึ้น
“ข้าแค่ฝังเข็มขับพิษ เลือดนี้เป็นสีดำไม่เห็นหรือ พิษทั้งนั้น ขะ ข้าจะเอาเข็มออก ลดดาบลงเถอะ” บอกพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มที่ปลายแหลมคมให้หันไปทางอื่น
ก่อนจะทำตามที่เอ่ย ไม่กี่อึดใจคนที่สีหน้าหมองคล้ำก็ดีขึ้น จนเอ่ยวาจาออกมาได้
“นางช่วยข้า อย่าทำร้าย” บอกเสียงเบา
“ได้ยินหรือยัง ส่วนนี่ยาดื่มเสีย อย่างน้อยก็บรรเทาอาการที่ตกค้างในร่างได้ เอาไว้ข้าปรุงยารักษาได้แล้ว จะส่งมาให้ละกัน” ยื่นขวดยามาให้องครักษ์ที่นั่งประคองผู้เป็นนาย หนิงเหอหมายจะออกไปช่วยคนอื่นอีก ทว่า!
“พาตัวนางไปด้วย” เสียงแหบพร่าสั่งการ ทำให้ร่างเล็กหยุดชะงักทันที พร้อมกับหันกลับมาที่คนเจ็บ ซึ่งถูกประคองให้ลุกขึ้นแล้ว และเขาก็ดื่มยาที่นางส่งให้ด้วย ยามนี้เองหนิงเหอจึงได้เห็นใบหน้าเขาชัดเจน
‘โอ๊ยพ่อคุณ หล่อวัวตายควายล้มเชียว นี่มันคนหรือเทพบุตรกันแน่’ นึกในใจก่อนจะเผลอตัวเผยยิ้มออกมา ยิ่งไปกว่านั้นท่วงท่าเช็ดคราบเลือดบนมุมปากมันยิ่งพาให้ใจสั่น เขาดูแบดและหล่อมากในสายตาของหนิงหนิง
“เจ้าต้องตามไปรักษาข้าจนกว่าจะหายดี” ออกคำสั่งราวกับนางเป็นคนของตน ทำเอาหนิงเหอถึงกับไปไม่เป็น จะค้านก็เกรงดาบในมือของทหารที่ยามนี้กรูกันเข้ามามากกว่าสิบ
ไม่รู้อีกฝ่ายเป็นใครกันแน่ เหตุใดเขาถึงดูมีอำนาจนัก จะว่าเป็นคนในราชวงศ์ก็ไม่น่าใช่ ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ หนิงเหอก็จำใบหน้าผู้ที่อยู่บนระเบียงได้หมดทุกคน คนตรงหน้าไม่ได้อยู่ด้านบนแน่
“ตะ แต่ว่าข้าต้องรีบกลับ ท่านพ่อท่านแม่ต้องเป็นห่วงแน่ที่ออกมานานเพียงนี้ อีกอย่างข้างนอกก็เกิดเรื่องด้วย ปล่อยข้ากลับไปเถอะนะ ส่วนเรื่องยาถอนพิษ ไม่แน่ว่าอาจจะมีหมอเก่ง ๆ ปรุงยารักษาเรียบร้อยแล้วก็ได้” ต่อรองเผื่ออีกฝ่ายจะเข้าใจและเมตตา ทว่า!
“พาตัวนางไป” เป็นลั่วไห่ที่เอ่ยสั่ง เมื่อเห็นผู้เป็นนายไม่กล่าวสิ่งใด ยามนี้หนิงเหอจึงถูกพาตัวออกไปจากหอพิรุณทางด้านหลัง