บทย่อ
สวรรค์!! ทำไมถึงกลั่นแกล้งกันเช่นนี้ ให้โอกาสเธอได้เกิดใหม่ทั้งที ทำไมถึงมีชะตาอาภัพนัก ตายเพราะบุรุษมากรักยังไม่พอ กลับต้องมาพบพานสามีหลายใจอีก 'หนิงหนิง' เธอมันเกิดใหม่เพื่อใช้กรรมโดยแท้ สวรรค์!! ทำไมถึงกลั่นแกล้งกันเช่นนี้ ให้โอกาสเธอได้เกิดใหม่ทั้งที ทำไมถึงมีชะตาอาภัพนัก ตายเพราะบุรุษมากรักยังไม่พอ กลับต้องมาพบพานสามีหลายใจอีก 'หนิงหนิง' เธอมันเกิดใหม่เพื่อใช้กรรมโดยแท้
1. คลุมถุงชน
“อะไรนะ! ท่านแม่ นี่ท่านพ่อจะให้พี่ใหญ่แต่งกับบุตรสาวของสตรีนางนั้นจริงหรือ มิหนำซ้ำยังให้นางเป็นฮูหยินอีก แค่อนุของพี่ใหญ่ข้ายังว่ามันมากไปเสียด้วยซ้ำ นางไม่คู่ควรเลยสักนิด” ลู่ชิงสุ่ยแผดเสียงกับมารดาของตน ซึ่งเป็นเพียงอนุเท่านั้น ดูท่านางคงลืมฐานะตนไปแล้วว่าไม่มีสิทธิ์ยุ่งหรือออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นเพราะไม่พอใจที่สตรีบ้านนอกจะมาเป็นพี่สะใภ้ตน
“เบาหน่อย ประเดี๋ยวก็หลังลายจนได้” อนุหลินรีบห้ามปรามบุตร เพราะเกรงว่าจะมีคนแอบฟัง “เรื่องนี้เราทำอันใดไม่ได้ ท่านโหวตบปากรับคำไปแล้ว แม้แต่ไท่ฮูหยินก็ยังไม่อาจค้านได้เลย คิดหรือว่าพ่อเจ้าจะฟังเรา” บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเช่นกัน ทว่าฐานะเช่นตนจะไปคัดค้านอันใดได้ เมื่อคนที่ตัดสินใจคือประมุขจวน
“แต่ข้าไม่อยากได้นางเป็นพี่สะใภ้ สตรีบ้านนอกเช่นนี้ไม่คู่ควรกับตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพใหญ่เลยสักนิด ข้าอุตส่าห์สนับสนุนพี่หลี่หลินมาตั้งนาน” น้ำเสียงบ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่ทุกอย่างไม่เป็นไปเช่นที่ใจหมาย
“ทำใจเถอะลูก เรื่องนี้เอาไว้เราค่อยคิดหาวิธีกันอีกทีนะ ยามนี้เรารีบไปที่ห้องโถงใหญ่เถอะ ประเดี๋ยวท่านพ่อของเจ้าจะตำหนิเอาได้ จะทำสิ่งใดเราก็ต้องระมัดระวังให้มาก” เตือนสติบุตรสาว แล้วก็จัดอาภรณ์ให้เรียบร้อย ก่อนจะพากันออกไปจากเรือน
ด้านห้องโถงของจวนสกุลลู่ ยามนี้ทุกคนต่างก็มานั่งกันพร้อมหน้า มีไท่ฮูหยินนั่งอยู่ตรงกลาง มีบุตรชายคนโตคือท่านโหวอยู่มุมขวามือ รองมาก็เป็นบุตรชายคนโตของท่านโหว นั่นคือลู่จินฟาน แม่ทัพใหญ่ของแคว้นในยามนี้
ตรงข้ามกันคืออนุทั้งสอง เพราะฮูหยินของท่านโหวพึ่งเสียไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว นางถูกพิษชนิดเดียวกับเขา ทว่าฮูหยินนั้นร่างกายอ่อนแอจึงทนไม่ไหวสิ้นใจก่อนได้รักษา
ตัวท่านโหวได้มารดาของหนิงเหอช่วยไว้ และยามนี้เด็กสาวใกล้ถึงวัยปักปิ่น ยังยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายตาของคนในห้องโถง เพราะนางพึ่งถูกรับตัวมาจากเรือนนอกเมือง โดยที่เนื้อตัวก็ยังมอมแมมอยู่เลย เรียกว่าไม่ต่างกับขอทานที่เดินอยู่ตามท้องถนนก็ว่าได้
“ท่านแม่ แม่นางผู้นี้หรือเจ้าคะว่าที่พี่สะใภ้” ปันปันกระซิบกับมารดา นางคือบุตรสาวคนที่สามของจวน เป็นบุตรของอนุหวังซึ่งแต่งเข้ามาเป็นคนสุดท้าย
“น่าจะใช่นะ องครักษ์ของพี่ใหญ่เจ้าไปรับมาเองเลยนี่” หันมาตอบบุตรสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง เสียงพูดคุยทำให้หนิงเหออดเหลือบมองไม่ได้ และตำหนิคนจวนนี้ในใจ
‘อะไรกันเนี่ยะ จะให้ยืนอีกนานแค่ไหนกัน ตั้งแต่มาถึงน้ำสักหยดก็ไม่ให้กิน ยังต้องมายืนโชว์ตัวให้บรรดาญาติของว่าที่สามีดูอีกเหรอ แต่ละคนก็ทำหน้าเหมือนตัวอิจฉาในซีรี่ย์สงสัยกลัวมาแย่งสมบัติแหง’ คนถูกพาตัวมาได้แต่ขบคิดในใจ แต่ละคนก็เอาแต่จ้องตนด้วยสายตาดูถูก คนมีฐานะคงเป็นเช่นนี้หมดกระมัง
“ย่ารู้ว่าคนของเจ้ารีบไปทำธุระต่อ แต่ก็ไม่ต้องรีบถึงกับพาแม่นางซูมาทั้งอย่างนี้กระมัง ดูเอาเถอะเนื้อตัวมอมแมมเชียว ข้าจะให้แม่นมพาเจ้าไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกันนะ” ผู้อาวุโสสุดหันมาตำหนิหลานชาย เพราะคนของแม่ทัพหนุ่มพาเด็กสาวมาโดยที่เนื้อตัวก็ยังไม่ได้ล้าง เป็นโอกาสให้แขกตัวน้อยชูมือขึ้น ก่อนจะเอ่ยออกมา
“ไท่ฮูหยินเจ้าคะ ข้าน้อยขออนุญาตพูดได้หรือไม่” ถามเสียงดังฟังชัด ทำเอาทุกคนในห้องโถงต่างก็ชะงักไปตามกัน เพราะปกติไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้เลย
“ว่ามา” ผู้อาวุโสของจวนเปล่งเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องสตรีตัวน้อยเขม็ง อยากรู้ว่านางจะเอ่ยสิ่งใดกัน
“หนิงเหอหิวน้ำเจ้าค่ะ คนของท่านแม่ทัพลาก เอ๊ย! พามาที่นี่แบบไม่ทันตั้งตัว มาถึงก็ไม่มีใครถามว่ากินสิ่งใดมาหรือยัง หนิงเหอยังไม่ได้กินข้าวกินน้ำตั้งแต่เช้า หิวจนปวดท้องแล้วเจ้าค่ะ” ได้โอกาสเด็กสาวใกล้ถึงวัยปักปิ่นก็ไม่รอช้า เปล่งวาจาตำหนิคนจวนนี้ไปกลาย ๆ
ก็ให้มันรู้ไปสิว่าพวกเขายังอยากจะได้นางเป็นฮูหยินน้อยของสกุลลู่ ไม่แน่วันนี้อาจถูกส่งกลับเรือนนอกเมืองของตนก็เป็นได้ เพราะแต่ละคนทำตาโตเท่าไข่ห่านไปเสียแล้ว ดูท่าแผนป่วนจวนสกุลลู่คงจะได้ผล ไม่มีใครอยากรับสตรีเช่นนี้เข้ามาเป็นสะใภ้แน่
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ลุงต้องขอโทษด้วยนะหนิงเหอ” ท่านโหวรีบกล่าว ก่อนจะรินชาหมายจะเอาให้นางดื่ม
“ท่านพ่อลูกจัดการเองขอรับ” จินฟานลุกขึ้นถือกาน้ำชาพร้อมกับจอกเดินตรงมาหาสตรีตัวน้อยที่สูงแค่อกเขา ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ดวงตาคมดุดุจเหยี่ยวจ้องมองนางไม่กะพริบเลยสักนิด
“หิวน้ำไม่ใช่หรือ ดื่มสิ” เทใส่จนเต็มจอกแล้วยื่นส่งให้ หนิงเหอฉีกยิ้มใส่เขา ทว่าในใจนั้นก่นด่าไปแล้ว แต่มือก็ยังต้องรับจอกน้ำชามาถือ ก่อนจะกระดกรวดเดียวหมด แล้วจับกาน้ำชาในมือของคนตัวโตเทใส่มาอีก ทำอยู่เช่นนั้นสามครั้ง นางยื่นจอกคืนให้เขา
“ขอบคุณว่าที่สามีนะเจ้าคะ” บอกก่อนจะยิ้มจนเห็นฟัน ทว่ามันไม่ได้ชวนมองเลยสักนิด เพราะใบหน้านางมีแต่คราบเหงื่อไคล มิหนำซ้ำยังมีดินติดบนหน้าและผม ไม่รู้ว่าทำสวนอีท่าไหน ถึงได้มอมแมมขนาดนี้
“ไร้มารยาท” ชิงสุ่ยเอ่ยออกมาดังพอให้ทุกคนได้ยิน ทำให้มารดาต้องรีบปรามนางทันที
“แม่นมเฉิง พานางไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ อีกครึ่งชั่วยามก็เป็นเวลาอาหารแล้ว เอาไว้ค่อยแนะนำตัวอีกทียามนั้นก็แล้วกัน” ไท่ฮูหยินสั่งคนของตน อีกฝ่ายก็ทำตามโดยการเดินนำสตรีตัวน้อยออกไปจากห้องโถง
ทำเอาหนิงเหอถึงกับหน้าเจื่อน คิดว่าตนจะถูกอันเชิญกลับกระท่อมน้อยวันนี้เสียอีก ‘อะไรกัน นี่เรายังแผลงฤทธิ์ไม่พอหรือไง ปกติพวกตระกูลใหญ่ ๆ จะเคร่งครัดเรื่องกิริยามารยาทไม่ใช่เหรอ อุตส่าห์ทำตัวซกมกแล้วนะ เขายังคิดจะรับเราไว้อีกหรือ’ นึกในใจในขณะที่เดินตามคนเก่าแก่ของจวนไปยังเรือนหลังใหญ่ มันน่าจะเป็นของท่านโหวหรือไม่ก็ของว่าที่สามีนางกระมัง
“เรือนนี้ เรือนใครหรือเจ้าคะ” เอียงคอถามสตรีวัยกลางคนที่ไท่ฮูหยินเอ่ยเรียกแม่นม
“เรือนของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ ต่อไปฮูหยินน้อยก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วย นี่คือห้องนอนของท่าน รีบเข้าไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าน้อยให้บ่าวเตรียมน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว” บอกเสียงอ่อน แม้จะไม่ชอบใจกิริยามารยาทของว่าที่ฮูหยินน้อยนัก ทว่านางก็เป็นแค่บ่าวไม่อาจก้าวก่ายเรื่องของนายได้
“ข้านอนที่นี่แล้วท่านแม่ทัพนอนที่ไหนหรือเจ้าคะ” รีบถามในสิ่งที่ตนสงสัย เกรงว่าจะต้องนอนร่วมห้องกับเขา
“ท่านแม่ทัพนอนอีกห้องเจ้าค่ะ ต่อให้แต่งงานกันแล้วนายท่านทั้งสองก็ยังต้องแยกกันอยู่ดีเจ้าค่ะ เพราะภายหน้าท่านแม่ทัพต้องรับอนุ จะค้างคืนอยู่กับฮูหยินทุกคืนคงเป็นไปไม่ได้” บอกไปตามจริง
เพราะมันเป็นเรื่องปกติของขุนนางชั้นสูง ที่ต้องรับอนุมาประดับบารมีอยู่แล้ว น้อยนักที่จะมีภรรยาเดียว บุรุษเช่นนั้นหายากเต็มที เรื่องนี้หนิงเหอก็พอจะเข้าใจ นางจึงไม่อยากแต่งเข้ามาในตระกูลใหญ่ เพราะไม่อยากใช้สามีร่วมกับผู้อื่น
“อืม อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นบอกท่านแม่ทัพรับอนุเยอะ ๆ เลยนะ สร้างฮาเร็มเลยก็ได้ เดี๋ยวข้าจะช่วยดูแลจัดสรรเวลาให้” บอกราวกับเป็นเรื่องสนุก ทว่าคำพูดของนางมันก็ทำให้แม่นมเฉิงและสาวใช้อีกสองนางประหลาดใจ
“ฮะ ฮาเร็มคือสิ่งใดกันเจ้าคะ” คนไม่รู้เอ่ยถามทันที พร้อมกับผูกคิ้วเข้าหากัน ทำเอาหนิงเหอถึงกับหลุดขำ
“ฮ่าฮ่า เปล่า เปล่า ไม่มีอะไร จะพาข้าไปอาบน้ำไม่ใช่หรือ นำไปสิ” บอกก่อนจะยื่นมือเชื้อเชิญให้ผู้อาวุโสเดินเข้าไปก่อน เพื่อไม่ให้พวกเขาไต่ถามนางอีก
‘เฮ้อ หลุดอีกแล้ว เมื่อไหร่จะจำว่าเธอไม่ได้อยู่ในยุคสองพันยี่สิบสี่แล้วนะหนิงหนิง เราย้อนมาเกิดใหม่ในยุคโบราณ ยุคที่ไม่มีความเจริญอะไรเลย แม้แต่เสียมหรือพลั่วก็ไม่มีใช้ขุดดิน’ บนถึงอุปกรณ์ทำสวนที่มันหายากเหลือเกินในสมัยนี้ นี่เลยเป็นสาเหตุให้หนิงเหอมอมแมม เพราะนางใช้มือขุดดินหลังจากใช้ไม้แหลมแทงลงไป
การเกษตรในยุคนี้ช่างดูยากลำบากเหลือเกิน ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดข้าวและพืชผักถึงแพงนัก นางกะว่าจะหารายได้จากตรงนี้เลี้ยงชีพ หลังจากมารดาเสียไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ทว่ายามนี้หนิงเหอกลับต้องมาอยู่ในจวนสกุลลู่ ขุนนางใหญ่ของราชสำนักราชวงค์ฉิน ราชวงศ์ซึ่งจนที่สุดในประวัติศาสตร์ ถูกบันทึกว่าต้องยอมยกเมืองเพื่อแลกกับอาหาร เพราะราษฎรไม่รู้จักทำเกษตร
‘สวรรค์ ทำไมต้องแกล้งกันแบบนี้ด้วย’ บ่นในใจ พร้อมกับเดินตามแม่นมเฉิงเข้าด้านใน