บท
ตั้งค่า

6. เที่ยวงาน

สามเดือนผ่านไป หนิงเหอยังคงพักอยู่ในเรือนเล็ก ศึกษาเรื่องการรักษาและสมุนไพรต่าง ๆ โดยไม่พบเจอหรือสนใจ

ภายนอกเลย ยามมีงานในจวนนางก็อ้างว่าตนไม่สบายเสีย ท่านโหวและไท่ฮูหยินก็ไม่ได้ต่อว่าอันใด เพราะเข้าใจดีว่าหนิงเหอไม่อยากแสดงตนให้ผู้ใดรู้จักนัก

ข่าวลือเกี่ยวกับสะใภ้สกุลลู่จึงออกไปในทางนี้ บอกว่านางป่วยเป็นโรคประหลาด จนไม่ยอมออกไปพบผู้คนภายนอก ทว่าอันที่จริงแล้วหนิงเหอออกไปหาสมุนไพรเองก็มี

เพียงแต่นางออกไปในฐานะสาวใช้หรือคนทั่วไป การแต่งกายก็ธรรมดา มีเสี่ยวจูและเสี่ยวเหม่ยไปด้วยเสมอ บางครั้งก็ค้างอยู่ที่เรือนนอกเมืองของตน แต่หากทำเช่นนั้นจะต้องมีองครักษ์ติมตามไปด้วยอย่างน้อยสามคน ท่านโหวจึงจะอนุญาตให้ออกไปได้ วันนี้ก็เช่นกัน

“พี่เฟย พี่ช่วยสอนข้ายิงธนูได้หรือไม่” เอ่ยกับองครักษ์หนุ่มวัยยี่สิบสาม ซึ่งคอยตามอารักขาจนกลายเป็นหนึ่งในคนสนิทรวมถึงสาวใช้สองนางไปแล้ว

“มีพวกข้าน้อยอยู่ ฮูหยินน้อยจะเรียนไปเพื่อสิ่งใดขอรับ” คนตัวโตกว่าเอ่ยอย่างเอ็นดู แต่ละวันนายหญิงตัวน้อยทำเรื่องมากมายนัก หาสมุนไพรในป่าเอง ปรุงยา และยังขอฝึกการต่อสู้แทบทุกวัน ไม่รู้นางเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ยามนี้ยังจะขอฝึกยิงธนูอีก

“วันข้างหน้าข้าอาจต้องใช้มัน เถอะนะสอนข้าเถอะ” รบเร้าเสียงอ้อน จนสุดท้ายจงเฟยก็ต้องยอม

จากนั้นหลังเรือนก็เต็มไปด้วยอุปกรณ์อาวุธมากมาย หนิงเหอก็ออกจากจวนบ่อยขึ้น ถึงกระนั้นท่านโหวก็ไม่ว่ากล่าวอันใด เขาเองก็อยากให้นางแกร่งเพื่อวันข้างหน้า เพราะบุตรชายนั้นหาได้สนใจฮูหยินของตนไม่ ยังคงเข้าออกจวนเสนาขวาเป็นว่าเล่น ไม่เกรงคำครหาเลยสักนิด

“ฮูหยินวันนี้ในเมืองมีงานโคมไฟนะเจ้าคะ” เสี่ยวจูเอ่ยกับผู้เป็นนาย ในขณะที่ช่วยตากสมุนไพร

“จริงหรือ แล้วพี่สองคนอยากไปหรือไม่” เสียงใสดังแว่วมาจากตั่งนั่ง แววตานั้นเป็นประกายอย่างมาก เพราะไม่เคยเที่ยวงานในยุคโบราณเลย จากที่เรียนมาคือเทศกาลนี้มีการแสดงมากมาย วัฒนธรรมโบราณที่ไม่เคยเห็นในยุคปัจจุบัน อาจจะได้เห็นในคืนนี้ก็ได้

“อยากเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบพร้อมกัน ก่อนจะยิ้มชอบใจออกมา ไม่ต่างจากองครักษ์ทั้งสามที่ยืนอยู่ไม่ไกล พวกเขาก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสออกไปเที่ยวนัก

“เช่นนั้นเราไปกัน” ว่าแล้วก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ กลับออกมาอีกครั้งด้วยชุดที่ดูดีกว่าชุดชาวบ้าน อย่างน้อยก็ยังดูเหมือนคุณหนูจวนไหนสักจวน

เมื่อสาวใช้พร้อม องครักษ์พร้อม ทั้งหกก็มุ่งหน้าเข้าเมือง ด้วยรถม้าที่ท่านโหวจัดหาให้ มันไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก เพราะหนิงเหอไม่ต้องการความหรูหรา เกรงจะเป็นที่สนใจของผู้คน จนอยากรู้ว่านางเป็นใครกันแน่

“ว๊าว! สวยจัง” ยกมือขึ้นปิดปากเมื่อได้เห็นภาพจริง ๆ ของเมืองหลวง แม้นางจะอยู่ที่นี่มาแปดเดือนแล้ว ทว่า หนิงเหอก็ยังไม่ได้มาสำรวจแถบนี้เลย เพราะส่วนมากจะเป็นคนที่มีกำลังซื้อมาเดินจับจ่ายเสียมากกว่า ยามที่นางเข้ามาขายผักก็เป็นตลาดคนละฝั่งกัน ทว่าที่นี่ทุกอย่างดูตระการตาไปหมด แม้ว่ามันยังเป็นช่วงหัวค่ำอยู่ก็เถอะ

“หากโคมไฟถูกจุดแล้วจะงดงามกว่านี้อีกขอรับ” องครักษ์หนุ่มเอ่ย สายตาเขาก็ยังเอ็นดูฮูหยินน้อยเช่นเดิม

“ดีเลย วันนี้เราเดินเที่ยวงานให้ขาลากกันไปเลยนะทุกคน ไปกันเถอะ” คนไม่เคยพบเห็นงานเช่นนี้เดินนำหน้าไปก่อน สาวใช้และผู้ติดตามจึงได้แต่ส่ายหัวเอ็นดู เพราะผู้เป็นนายนั้นยังอยู่ในวัยสนุกสนาน

ต่างจากคุณหนูตระกูลสูงหรือบุตรสาวในจวนต่าง ๆ ที่ต้องเรียนรู้จารีต สี่คุณธรรม สามคล้อยตาม ต้องมีคุณธรรมดี ดำรงอยู่ในกรอบที่ควร กิริยามารยามเพียบพร้อม มีมธุรสวาจา (พูดจาอ่อนน้อม อ่อนหวาน สัตย์ซื่อ ไม่เล่นลิ้น) รูปร่างหน้าตาสะอาดสะอ้าน การบ้านการเรือนไม่ขาด สิ่งเหล่านี้ล้วนหาไม่ได้จากซูหนิงเหอ

เพราะตรงกันข้ามแทบทั้งหมด ทว่าเรื่องหน้าตาก็อาจไม่แน่ ยามนี้นางยังเด็ก ความงามยังไม่ทันเฉิดฉายนัก คงต้องรอดูต่อไปอีกว่าภายหน้าเมื่อเติบใหญ่เต็มวัยจะเป็นเช่นใด ซึ่งข้อนี้หนิงเหอไม่ได้ใส่ใจนัก นางคิดแค่ว่าจะหาเงินจากการทำสิ่งใดก็เท่านั้น

เป็นปกติของคนยุคปัจจุบัน มีเงินมากความสุขก็จะตามมาเอง ไม่ว่าบุรุษหรือความงามขอแค่มีเงิน ทุกอย่างล้วนเนรมิตได้ นางมีมันสมองอันชาญฉลาดเสียอย่าง

“นายหญิงปิ่นนี้เหมาะกับท่านมากเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวจูเอ่ยเรียกผู้เป็นนายต่างออกไปจากตอนอยู่ในเรือน

ส่ายหัวให้สาวใช้ “ข้าชอบปิ่นหยกธรรมดาแกะสลักลวดลายมากกว่า” นางไม่ชอบปิ่นที่มีเพชรนิลจินดาประดับเช่นนี้ มันดูหรูหราเกินไป

“อันนี้ล่ะขอรับ” จงเฟยชูปิ่นหยกสีขาวให้ดู

“ใช่ แบบนี้แหละที่ข้าชอบ แต่วางไว้เถอะ ข้าไม่ต้องการมันยามนี้” เอ่ยจบก็ยิ้มบางให้ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากร้านตรงไปที่คนขายถังหูลู่ “น่ากินจัง เคยเห็นแต่ในซีรี่ย์ อยากรู้จังว่ารสชาติจริง ๆ มันจะเป็นยังไง” พึมพำกับตนเองเบา ๆ ก่อนจะหันมาทำตาเป็นประกายใส่สาวใช้ ผู้ถือถุงเงินให้ตนอยู่เสมอ เสี่ยวเหม่ยยิ้มเอ็นดูก่อนจะจ่าย

“ไม่เคยกินหรือเจ้าคะ” เสี่ยวจูถาม

“ไม่” ตอบแล้วก็ยิ้มเห็นฟัน ก่อนจะลองชิ้มสิ่งที่อยู่ในมือยามนี้ และดูเหมือนหนิงเหอจะชอบใจเป็นอย่างมาก ทั้งห้าจึงได้มองอย่างเอ็นดู และพวกเขาก็เดินเตร่ไปเรื่อย

อีกด้านบนกำแพงเมือง

ร่างสูงสง่าของใครบางคนยืนอยู่ ท่าทางแข็งกร้าวน่าเกรงขามทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครกล้ามองเขาแบบซึ่งหน้า เพราะรู้ดีว่าคนผู้นี้คือใคร

เขาคือ ชินอ๋อง หรือ ฉินซีหลาง พระอนุชาของฮ่องเต้ บุรุษหนุ่มที่มีใบหน้าราวกับถูกสวรรค์ปั้นแต่ง ทว่านัยน์ตาเขากลับเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ทำให้ไม่มีใครกล้าสบตาเขาตรง ๆ เลยสักคน

ผมนั้นก็ดกดำสลวยปล่อยยาวจนถึงกลางหลัง ด้านบนมีมงกุฎทองสวมครอบมวยผม ปักยึดไว้ด้วยปิ่นพยัคฆ์อินทรีย์สีทองไม่ต่างกัน อาภรณ์ที่สวมใส่ก็ปักลายอย่างปราณีต ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก

“ท่านอ๋องจะลงไปเดินเที่ยวงานหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์คนสนิทเอ่ยถาม โดยปกติผู้เป็นนายก็ไม่ออกมา ทว่าวันนี้กลับอยากออกมาเดินดูเทศกาลเสียอย่างนั้น

“เตรียมชุดไว้หรือยัง” ยังคงเป็นเสียงเรียบเช่นเคยที่เปล่งออกมา นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวก็ยังมองไปยังผู้คนที่เริ่มทะยอยกันเข้าเมืองมา ใช่ว่าคืนนี้เขาอยากออกมาเที่ยว

มันก็แค่ฉากบังหน้าเพื่อจะจับคนที่ลอบแฝงตัวเข้ามาต่างหาก มือสังหารจากแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใครบางคนจัดหาเข้ามา เพื่อลอบสังหารฮ่องเต้ในคืนนี้ เพราะพระองค์จะเสด็จมาร่วมงานกับชาวเมืองด้วย

“พ่ะย่ะค่ะ” ซือโม่ตอบกลับผู้เป็นนาย

“คนของเราเตรียมพร้อมแล้วใช่หรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะ” คนสนิทอีกคนตอบ ผู้เป็นนายจึงหมุนตัวกลับมาในเมือง มองภาพผู้คนที่เดินเต็มท้องถนน ทว่าใครบางคนกลับดึงดูดสายตาจนเขายืนนิ่ง

“ท่านอ๋องจะเสด็จยามนี้เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” คนสนิทเอ่ยถาม เมื่อเห็นผู้เป็นนายไม่สั่งการอันใด เอาแต่ยืนนิ่งมองไปยังด้านล่างซึ่งไม่รู้ว่ามองสิ่งใดอยู่

“อืม” ตอบกลับเพียงเท่านั้น เขาก็เดินไปที่บันไดเพื่อลงจากกำแพง ตรงไปยังรถม้าท่ามกลางสายตาผู้คน ที่มองเขาอย่างตื่นกลัวจนกระทั่งรถม้าเคลื่อนออกไป ไม่นานนักมันก็หยุดลงที่เรือนหลังหนึ่ง

“แม่ทัพลู่มารออยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” หวงเฟยรายงานผู้เป็นนาย ชินอ๋องพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

“ถวายพระพรท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” จินฟานและคนสนิท โค้งคำนับยกมือประสานกันเช่นที่เคยทำ เขาเคารพชินอ๋องมาก เพราะเป็นผู้ผลักดันให้ตนรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่

หลังจากร่วมรบกันมาเมื่อสองปีก่อน ชินอ๋องก็วางมือให้เขารับหน้าที่นี้แทน จินฟานจึงกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น โดยมีชินอ๋องผู้นี้หนุนหลังอีกที

ซึ่งทั้งคู่มีอายุห่างกันถึงหกปี เพราะยามนี้ชินอ๋องอายุสามสิบเอ็ดแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีชายา มีแต่อนุสองนางที่อาศัยอยู่เรือนหลัง หากจะว่าไปก็ไม่ได้อยู่ในเขตจวนอ๋องด้วยซ้ำ

เพราะเขาไม่ได้เต็มใจรับพวกนาง จึงเป็นที่มาให้คนเลื่องลือกันว่าท่านอ๋องผู้นี้นกเขาไม่ขัน ไม่สามารถหลับนอนกับสตรีได้ ทว่าชินอ๋องหาได้ใส่ใจไม่

“ตามสบายเถอะ คนของเจ้าเตรียมพร้อมแล้วหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมตระเตรียมคนไว้รอบงานแล้ว”

“ดีมาก พวกเจ้าออกไปประจำตามจุดเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะตามไป” สั่งเสร็จก็เดินเข้าด้านใน ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตน 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel