บท
ตั้งค่า

4. งานแต่งที่ไม่เต็มใจ

หนิงเหอมองตามร่างสูงของว่าที่สามี ไม่ทันไรเสียงถอนหายใจแรงก็ตามมาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง

“เฮ้อ ทำขนาดนี้แล้ว อีตาแม่ทัพยังไม่ยอมยกเลิกงานแต่งอีก แบบนี้เราก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อไปงั้นเหรอ”

บ่นพึมพำถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อุตส่าห์ร้องไห้ฟูมฟายทำตัวน่ารำคาญและงี่เง่าแล้ว ทว่าแม่ทัพหนุ่มกลับยังไม่เอ่ยปากว่าจะยกเลิกงานแต่งในครานี้อีก ไม่รู้เขาตกลงอันใดกับท่านโหวไว้ ถึงได้ยอมให้บิดาจับคลุมถุงชน ทั้งที่มารดาเคยเล่าให้ฟังว่าเขาไม่เคยยอมอะไรง่าย ๆ

“แม่นางซู ไม่ทานอาหารหรือเจ้าคะ ก่อนนี้ท่านหิวจนปวดท้องมิใช่หรือ” สาวใช้เอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าที่ฮูหยินยังคงนั่งนิ่ง ไม่แตะอาหารตรงหน้าเลย

หนิงเหอเผยยิ้มบางเล็กน้อย ก่อนจะลงมือทานอาหารเงียบ ๆ เพราะกำลังใช้ความคิด เพื่อหาวิธีออกไปจากที่นี่ ซึ่งดูแล้วคงเป็นเรื่องยาก

ผ่านไปหนึ่งเค่อนางก็ทานอาหารเสร็จ “เก็บไปเถอะ ขอบคุณพี่ทั้งสองนะ” บอกก่อนจะยิ้มบางส่งให้

“แม่นางซูพักผ่อนตามสบายนะเจ้าคะ ข้าน้อยสองคนจะรอที่หน้าห้อง หากต้องการสิ่งใดก็เรียกหาเราได้ ข้าน้อยชื่อเสี่ยวจู ส่วนนี่เสี่ยวเหม่ยเจ้าค่ะ” สองสาวแนะนำตัวกับนายคนใหม่ หนิงเหอส่งยิ้มให้ทั้งคู่ คงมีแค่สองคนนี้กระมังที่พูดจาดีกับตน นอกนั้นก็ตีหน้านิ่งใส่ ไม่ก็พ่นแต่ประโยคเย้ยหยันให้ได้ยิน นางจึงหมายจะผูกมิตรกับทั้งคู่ อย่างน้อยก็ยังมีคนพอให้พูดคุยด้วย

“พี่อายุเท่าไหร่หรือ อยู่ที่นี่มานานหรือยัง” ถามถึงสิ่งที่อยากรู้ เคยได้ยินว่าคนในยุคโบราณ ส่วนมากจะถูกขายให้เป็นทาสตั้งแต่ยังเด็ก สองคนนี้ก็คงไม่ต่างกัน

“เราอายุสิบแปดเจ้าค่ะ อยู่ที่นี่มาตั้งแต่ห้าขวบ” เสี่ยวจูเอ่ยตอบ สีหน้าท่าทางของทั้งคู่ก็ดูเป็นมิตรดี

“งั้นก็อายุมากกว่าข้าสี่ปีน่ะสิ เอ่อ…พี่ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนในจวนนี้ให้ฟังได้หรือไม่ นิสัยใจคอ สถานะของแต่ละคน ความสำคัญลำดับชั้นพวกนั้น” ตราบที่ยังหาวิธียกเลิกงานแต่งไม่ได้ หนิงเหอก็ต้องอยู่ในจวนนี้ เพราะฉะนั้นนางก็ต้องศึกษาเรื่องต่างๆ ไว้

“เช่นนั้นเริ่มจากเรือนทางฝั่งตะวันตกก่อนนะเจ้าคะ ที่นั่นเป็นเรือนของอนุหลิน เป็นอนุคนที่สองของท่านโหว มีบุตรสาวนามว่าชิงสุ่ย นิสัยก็เป็นอย่างที่ท่านเห็นในห้องโถง ข้าน้อยก็พูดมากไม่ได้เจ้าค่ะ” บอกไปตามตรง หากจะให้สาธยายถึงกิริยามารยาทของสองแม่ลูกคงไม่ดีนัก

“อืม ข้าพอจะเดาออก” คนฟังเอ่ยเพียงเท่านั้น เพราะยามอยู่ในห้องโถงสองแม่ลูกเอาแต่ตำหนินางไม่หยุด

“ส่วนเรือนที่อยู่ทิศเดียวกันอีกหลัง เป็นของอนุหวังเจ้าค่ะ เป็นอนุที่แต่งเข้ามาเป็นลำดับสาม มีบุตรกับท่านโหวสองคน คือคุณชายซือฟานแต่เสียไปแล้ว และคุณหนูปันปันวัยสิบสี่ น่าจะวัยเดียวกันกับฮูหยินน้อยนะเจ้าคะ”

“งั้นหรือ?” น้ำเสียงแสดงถึงความปีติ ก่อนที่มันจะหายไปเมื่อนึกได้ “นางอายุเท่าข้า แต่อาจไม่เป็นมิตร” ครานี้เสียงดูอ่อนลงกว่าเดิมมาก

“คุณหนูปันปันนางน่ารักนะเจ้าคะ ต่างจากคุณหนูชิงสุ่ยมาก หากได้พูดคุยกันเชื่อว่าฮูหยินน้อยต้องเป็นสหายกับนางได้แน่” เสี่ยวเหม่ยเอ่ยบอก

“แน่ใจหรือ” ยังถามย้ำถึงคนที่ถูกพูดถึง ถ้อยคำของสาวใช้สองนางก็ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หนิงเหอจึงเบาใจไปเปราะหนึ่ง เมื่อรู้ว่าตนคงไม่มีศัตรูเพิ่ม

“แล้วไท่ฮูหยินกับท่านแม่ทัพล่ะ” ถามถึงคนที่น่าจะเป็นปัญหาสุดในจวน เพราะคนหนึ่งก็เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ อีกคนก็มารดาเจ้าของจวนซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่ทุกคนเคารพ

“ไท่ฮูหยินถือว่าเป็นคนมีเหตุมีผลเจ้าค่ะ มีเมตตาธรรมเหมือนท่านโหว ทว่านางก็เข้มงวดเรื่องกฎระเบียบมาก ที่ไม่ตำหนิฮูหยินน้อยในห้องโถง คงเป็นเพราะท่านโหวขอไว้เป็นแน่” เสี่ยวจูรายงานสิ่งที่พอเอ่ยได้ ทว่าทั้งสองกลับนิ่งงั้นเมื่อจะต้องเอ่ยถึงบุตรชายคนโตของจวนนี้

หนิงเหอมองหน้าสาวใช้สลับกันไปมา แต่ทั้งคู่ก็ยังนิ่งอยู่ นางอดไม่ได้จึงเอ่ยถามออกไป

“พี่ลืมใครไปหรือไม่ ไยไม่พูดถึงคนที่ข้าจะต้องแต่งงานด้วย” ถามพร้อมกับทำหน้าแป้นใส่ทั้งสอง

“ท่านแม่ทัพ เอ่อ…เป็นอย่างที่ฮูหยินน้อยเห็นนั่นแหละเจ้าค่ะ ไม่ชอบเข้าใกล้สตรียกเว้น” เสี่ยวเหม่ยไม่กล้าเอ่ยต่อ เกรงว่าจะทำให้คนตรงหน้าเสียใจ

“ยกเว้นใครหรือ” รีบถามทันที เมื่อได้ยินสาวใช้เอ่ยเช่นนี้ เพราะนั่นหมายถึงว่าที่สามีตนต้องมีหญิงในดวงใจเป็นแน่ หากเป็นเช่นที่หวังก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดี

“ยกเว้นคุณหนูหลี่หลิน บุตรสาวของท่านเสนาขวาเจ้าค่ะ ก่อนนี้ท่านแม่ทัพไปมาหาสู่กับนางบ่อยครั้ง จนคิดว่าอีกไม่นานจะได้เกี่ยวดองกันด้วยซ้ำ ทว่า” เสี่ยวจูหยุดคำพูดลง ลำบากใจที่จะเอ่ยให้สตรีตัวน้อยฟัง

“แต่ท่านลุงโหวจับเขาแต่งงานกับข้าก่อนใช่หรือไม่” ว่าพร้อมกับลุกเดิน ยกแขนกอดอกตนหนึ่งข้าง อีกมือยกขึ้นมาจิ้มไปมาที่แก้มของตนอย่างคนใช้ความคิด

“มิน่าล่ะอีตาแม่ทัพนี่ถึงได้หงุดหงิดนัก มิหนำซ้ำยังลงมือกับเราอีก เป็นเพราะไม่สมหวังกับคนรักนี่เอง”

“ท่าทีของฮูหยินน้อยดูไม่เหมือนเด็กสาวอายุสิบสี่เลยนะเจ้าว่าหรือไม่” เสี่ยวเหม่ยหันมาเอ่ยเบา ๆ กับสหาย มองดูสตรีตัวน้อยสูงแค่ไหล่พวกตนเดินไปมา

“นั่นสิ ตัวก็แค่นี้ ไยนางทำอย่างกับคนอายุยี่สิบไปแล้ว ไม่สมกับใบหน้าจิ้มลิ้มนี่เลยสักนิด”

“มิใช่ว่านางเสียใจจนเป็นเช่นนี้นะ” สิ้นคำสหาย สาวใช้ทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างกังวล ทว่า!

“เช่นนี้ก็ดีเลย ข้าจะทำให้เขาสมหวังกับคุณหนูผู้นั้น” ร่างเล็กเปล่งเสียงใส พร้อมกับเดินกลับมานั่งลงที่เดิม ใบหน้าจิ้มลิ้มเปื้อนยิ้มจนน่าตี

“สะ สมหวัง…ได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านคือว่าที่ฮูหยิน ของท่านแม่ทัพนะ เหตุใดเอ่ยเช่นนี้ออกมาเจ้าคะ” เสี่ยวจูรีบเตือนสติ เมื่อเห็นนางกล่าวเรื่องไม่ควร

“แต่ข้าไม่ได้อยากเป็นฮูหยินเขาสักนิด ข้าอยากกลับไปทำสวนปลูกผักรักษาคนที่ชนบทมากกว่า หากต้องแต่งงานข้าก็อยากแต่งกับบุรุษที่รักข้าคนเดียว และมีข้าเป็นภรรยาคนเดียวด้วย” บอกอย่างที่วาดหวังเอาไว้ ไม่อยากเจอแล้วความรักที่ไม่ซื่อสัตว์และชายสองใจ

นึกมาถึงตรงนี้คนที่อยู่ในร่างก็หวนไปถึงคนรักในยุคที่ตนจากมา ใช่ว่าหนิงหนิงในยามนั้นจะไม่รู้ว่าแดเนียล นอกใจ แต่ไม่คิดว่าจะแอบเล่นชู้กับเพื่อนรักของนางด้วย

เรื่องนี้หนิงหนิงรู้มาได้สักพักแล้วก่อนตาย และคิดว่าจะบอกเลิกกับเขาหลังจากกลับจากสำรวจพื้นที่ แต่ดันถูกผลักตกผาตายก่อนจะสะสางเรื่องทุกอย่างเสียได้

“แต่ท่านโหวกำหนดวันแล้วนะเจ้าคะ อีกสิบวันข้างหน้านี้ก็เป็นวันมงคลของแม่นางกับท่านแม่ทัพ”

“หา! อีกสิบวัน นี่เขาจะให้ข้าแต่งงานตอนอายุสิบสี่จริงหรือ ไยไม่รอให้ข้าโตกว่านี้ก่อน” ตกใจจนเอ่ยออกมาเสียงหลง คราแรกนางคิดว่าท่านโหวจะพามาอยู่ที่นี่จนกว่าจะโตแล้วค่อยให้แต่งกับบุตรชายเขาเสียอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel