3. มารยาหญิง
“แม่นางซูน่าเอ็นดูมากเลยนะเจ้าคะ” เสียงสาวใช้เอ่ยเรียก ดึงสติแม่นมที่เอาแต่จ้องมองว่าที่ฮูหยินน้อย
“ขอข้าน้อยตรวจดูก่อนนะเจ้าคะ” ไม่ได้ตอบรับคำชม ทว่าผู้ที่อาวุโสกว่ากลับดินวนรอบตัวหนิงเหอแทน
“อืม เรียบร้อยดี รีบไปที่ห้องโถงกันเถอะ ป่านนี้นายท่านคงรอแย่แล้วกระมัง” บอกก่อนจะเดินนำออกไป
“เดี๋ยวสิท่านป้า ข้าอยากรู้ว่าเมื่อใดจะได้กินข้าว” ถามออกไปทันที เพราะยามนี้ท้องนางปวดแสบไปหมดแล้ว
“นี่ท่านไม่มีความอดทนเลยหรืออย่างไรกัน” หันมาตำหนิอย่างเหลืออด ทว่าแววตาของหนิงเหอมันก็ทำให้แม่นมเฉิงชะงัก เพราะดวงตาสวยมันคลอไปด้วยน้ำใสที่กำลังเอ่อล้น และตามมาด้วยคำตัดพ้อมากมาย
“ก็คนหิว ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า นี้มันก็บ่ายมากแล้วนะ จะให้ทนไปถึงเมื่อไหร่กัน เอาตัวข้ามาแทนที่จะดูแลให้ดี คนสกุลใหญ่โตเขาทำกันแบบนี้หรือ” ต่อว่าแล้วก็นั่งแหมะลงกับพื้นโดยไม่สนใจว่าใครจะทำเช่นไร
“เจ้าสองคนไปหาอาหารมาให้นางกิน แม่นมกลับไปรายงานท่านย่าก่อนก็ได้ บอกว่าฮูหยินน้อยทานอาหารอยู่กับข้า เสร็จแล้วข้าจะพานางไปเอง” เสียงทุ้มดังขึ้นที่หน้าประตู
คราแรกจินฟานก็คิดจะมาตาม เพราะเห็นว่ามานานแล้ว ทว่าเขากลับได้ยินเสียงโต้เถียงกันดังขึ้นมาก่อน จึงยืนฟังพร้อมกับคนสนิทหน้าประตู พอเดินเข้ามาก็เห็นว่าที่ฮูหยินตนนั่งแหมะกอดเข่าก้มหน้าร้องไห้ไปแล้ว
“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ” รับคำเสร็จทั้งสามก็เดินออกไป จินฟานจึงเดินมานั่งที่โต๊ะมุมห้อง ดูสตรีตัวน้อยที่ยังคงเอาแต่นั่งก้มร้องไห้ไม่ยอมเผยใบหน้าให้เห็น
“ลุกขึ้นมาเช็ดหน้าตาเสีย อย่ามาทำตัวเช่นนี้ในจวนข้า ใครมาเห็นคงคิดว่าสกุลลู่รังแกเจ้า” เปล่งเสียงเย็นออกมา ซึ่งเป็นเสียงที่คนสนิทต่างก็หวั่นใจ เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นนายต้องข่มอารมณ์มากเพียงใด หากอยู่ในค่ายมีคนแสดงกิริยาเช่นนี้คงถูกลงโทษไปแล้ว
ทว่าสตรีตัวน้อยกลับยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม แต่เปล่งเสียงเล็ดรอดออกมาให้แม่ทัพหนุ่มได้หงุดหงิดขึ้นมาอีก
“แล้วมันไม่ใช่หรือ พาตัวข้ามาไม่ถามถึงความสมัครใจสักนิด มาถึงน้ำท่าก็ไม่ให้กิน ข้าวสักเม็ดก็ไม่ให้ตกถึงท้อง นี่หรือการต้อนรับของคนที่เรียกว่าตนเองสูงส่ง กดขี่ข่มเหงผู้อื่นชัด ๆ” ต่อว่าโดยไม่เงยหน้า เป็นเหตุให้หนิงเหอไม่ทันระวังตัว ถูกมือเรียวกระชากให้ลุกเสียก่อน
“เจ้ากล้าลบหลู่สกุลข้างั้นหรือ” เสียงตวาดดังขึ้น พร้อมกับดึงเอาร่างเล็กให้ลุกมาเผชิญหน้า ยามนี้เองที่แม่ทัพหนุ่มต้องชะงัก เมื่อเห็นดวงตาสวยแดงก่ำ พร้อมกับหยดน้ำที่เอ่อล้นออกมา รวมถึงสายตาตัดพ้อที่ทำเอาใจแกร่งวูบไหว ดูเหมือนนางจะทุกข์ใจอย่างมาก จะไม่ให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรแต่ละวันเจอแต่อะไรก็ไม่รู้
หนิงเหอรู้สึกรันทดกับโชคชะตาของตนเอง ตั้งแต่ถูกผลักตกผาตายเมื่อห้าเดือนก่อน จนได้เกิดใหม่ในร่างนี้ ชีวิตนางก็เหมือนกับเผชิญวิบากกรรม หาความสุขแทบจะไม่มีเลย ต่อสู้กับการใช้ชีวิตในยุคที่ไร้ความเจริญได้ยังไม่ทันไร พอเริ่มอยู่ตัวมารดาเจ้าของร่างก็มาตายจากอีก
คิดว่าจะอาศัยทำสวนเลี้ยงชีพตนกับรักษาคนป่วยไปเรื่อย ๆ ทว่ายามนี้นางกลับถูกพาตัวมาโดยไม่เต็มใจสักนิด ไม่รู้ภายหน้าจะต้องเจอกับสิ่งใดอีก หากไม่ต่อต้านยามนี้ภายหน้าคงถูกกดขี่ข่มเหงไม่หยุดหย่อนเป็นแน่
“ไยไม่ปล่อยข้าไป ข้าไม่อยากเป็นฮูหยินของท่านสักนิด” เอ่ยกับเขาเสียงเครือ พร้อมกับยกมือผลักร่างแกร่ง
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับเจ้างั้นหรือ หากมิใช่เพราะท่านพ่อเอ่ยปาก สตรีเช่นเจ้าไม่มีทางได้เข้ามาอยู่ในจวนสกุลลู่แน่” น้ำเสียงกดต่ำเปล่งออกมา พร้อมกับนัยน์ตาคมดุจ้องมองคนตัวเล็กที่จ้องเขาเขม็งเช่นกัน
‘อีตานี่ทำไมถึงได้โหดนัก กับผู้หญิงก็ยังไม่ปรานี ได้เอาแบบนี้ใช่ไหม งั้นมาลองกันสักตั้ง’ ต่อว่าเขาในใจ ก่อนจะส่งผ่านแววตาตัดพ้อให้แก่แม่ทัพหนุ่ม หมายจะใช้แผนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดที่ทำกับนางเช่นนี้ ทว่า!
“สตรีก็ดีแต่ใช้มารยา” ถ้อยคำหยันเปล่งออกมาอีกรอบ พร้อมกับใช้แรงมือที่จับแขนนางอยู่ ดันร่างเล็กให้ล้มลงกับพื้นโดยไม่ใส่ใจว่านางจะเจ็บหรือไม่
“ฮึก… ฮื่อฮื่อ” เสียงร้องไห้ดังขึ้น แต่จะว่าไปนางแหกปากร้องมากกว่า จนแม่ทัพหนุ่มและคนสนิทอีกสองถึงกับตื่นตระหนก
“จินฟาน! นี่เจ้าทำอันใดน้อง” ท่านโหวตวาดบุตรชายดังลั่น ก่อนจะรีบเข้ามาประคองว่าที่สะใภ้ของตน
“ท่านพ่อลูก” น้ำเสียงเขาบ่งบอกว่ารู้สึกผิดไม่น้อย
“ฮึก ท่านลุง เขาผลักหนิงเหอ ฮื่อฮื่อ หนิงเหอเจ็บ ฮึก” เสียงสั่นเครือปนสะอื้นเปล่งออกมาบอกกล่าวท่านโหว หยดน้ำตาไม่รู้มาจากที่ใดนัก มันไหลราวกับทำนบแตกก็ไม่ปาน ทำเอาท่านโหวถึงกับลมออกหู
“จินฟาน! พ่อสอนให้เจ้าเป็นคนเช่นนี้หรือ รังแกได้แม้แต่สตรีตัวน้อย ๆ เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้นแท้ ๆ ไม่รู้จักอายบ้างเลยหรือ” ถ้อยคำตำหนิดังมาให้ได้ยิน ทำเอาแม่ทัพหนุ่มถึงกับหน้าเสีย เพราะการกระทำของเขามันก็จริงเช่นที่บิดาเอ่ย เขาไม่ควรทำเช่นนี้กับนาง
“ลูกผิดไปแล้วขอรับ” คนผิดรีบก้มหน้ารับ เขาเองก็ลืมไปว่านางเป็นสตรี ออกแรงราวกับตนนั้นกำลังฝึกต่อสู้อยู่กับทหารในค่ายหรือคนสนิท
“คนที่เจ้าควรขอโทษไม่ใช่พ่อ น้องก็ตัวแค่นี้ นางพึ่งจะสิบสี่เองนะ เหตุใดเจ้าถึงกล้าทำได้ลงคอ” ท่านโหวตำหนิบุตรชายอีกรอบ ยิ่งเห็นน้ำตาของหนิงเหอ ลู่จิ้งโหวก็ยิ่งละอายใจ ไม่คิดว่าบุตรของตนจะรังแกว่าที่ฮูหยิน เพียงนี้ ภายหน้าไม่รู้จินฟานจะทำอันใดอีก
แม่ทัพหนุ่มถึงกับหน้าถอดสี เมื่อเห็นรอยแดงบนแขนของคนตัวเล็ก และตรงศอกที่นางเปิดให้บิดาตนดู แม้แต่คนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกลยังถึงกับกลืนน้ำลาย เพราะผิวขาวเนียนนั้นขึ้นสีแดงเรื่อเห็นได้ชัดเจน
“ข้ารู้ว่าท่านแม่ทัพไม่ชอบใจแม่นางซู แต่ไม่คิดว่าจะลงมือหนักเพียงนี้ นางตัวเล็กนิดเดียวผลักเบา ๆ ก็ปลิวแล้ว ดูสิร้องไห้ไม่หยุดเลย” จางหย่าเอ่ยกับสหายที่ยืนอยู่ข้างกัน
ซึ่งตงเล่อก็คิดไม่ต่างกันนัก ยามนี้ทั้งสองกำลังรอดูว่าท่านแม่ทัพจะกล่าวคำขอโทษกับว่าที่ฮูหยินตนหรือไม่ ดูจากสีหน้าคงกล้ำกลืนฝืนทนเป็นอย่างมาก
“ข้าขอโทษ” เสียงเรียบเปล่งออกมา คนฟังก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจ ทว่าหากนางยังคงเอาเรื่องเขา เกรงว่าภายหน้าอาจจะใช้ชีวิตลำบากขึ้น จึงทำเป็นไม่สนใจคำที่คนตัวโตเอื้อนเอ่ย เพราะสาวใช้กำลังยกอาหารมาพอดี
“ท่านลุงเจ้าคะ ขอหนิงเหอกินข้าวได้หรือไม่” เอ่ยกับเจ้าของจวนที่ยืนอยู่ข้างกาย ทว่าสายตากลับมองไปที่ถาดอาหาร ซึ่งสาวใช้กำลังวางมันลงบนโต๊ะ
“ดูเจ้าสิ คงหิวมากสินะ ลุงขอโทษที่ต้อนรับเจ้าไม่ดีนัก รีบกินเถอะ กินแล้ววันนี้ก็พักผ่อนเสีย เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ ไม่ต้องห่วง มีลุงอยู่ต่อไปจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าแน่” บอกบุตรสาวของผู้มีพระคุณ ก่อนที่มือเหี่ยวย่นตามวัยจะยกมือขึ้นลูบหัวนางอย่างเอ็ดดู
“เจ้าสองคนอยู่ดูแลฮูหยินน้อยที่นี่ นางต้องการสิ่งใดก็หาให้อย่าได้ขัด” สั่งเสียงเข้มกับสาวใช้สองนาง ก่อนจะหันมาหาบุตรชายแล้วทำตาดุใส่ด้วย
“ส่วนเจ้าตามพ่อไปที่เรือนใหญ่” ท่านโหวเอ่ยกับบุตรชาย แล้วเดินนำออกจากห้องพักไปก่อน
จินฟานหันมาหาสตรีตัวน้อยเพราะรู้สึกผิดกับเรื่องที่ทำ ทว่ายามนี้นางมองเขาพร้อมกับยกมุมปากขึ้น ทำเอาแม่ทัพหนุ่มถึงกับเก็บคำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกมาทันที นัยน์ตาคมดุจ้องมายังว่าที่ฮูหยินตนอย่างเอาเรื่อง
“ท่านลุงเดินออกไปนานแล้วนะเจ้าคะ ไม่รีบตามออกไป ไม่แน่ท่านพี่แม่ทัพอาจจะถูกตำหนิมากกว่าเดิมก็ได้นะ” ว่าจบก็ยกมือน้อย ๆ ขึ้นขยับนิ้วไปมา บอกลาคนตัวโตที่ชักสีหน้าใส่ด้วยอารมย์ขุ่นมัว
“คิดจะเป็นศัตรูกับข้า ภายหน้าเจ้าไม่มีทางอยู่เป็นสุขแน่” เอ่ยทิ้งท้ายไว้เขาก็เดินออกไป