บทที่ 2 การจากไปของเยว่เล่อ
ภายในเรือนเล็กที่เงียบสงบดูรกร้าง เวินเยว่เล่อคุณหนูเล็กของจวนกำลังนั่งเท้าคางบนโต๊ะ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมา ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่สตรีรูปร่างบอบบาง ใบหน้าของนางงดงามราวกับโฉมสะคราญล่มเมือง ในยามนี้กำลังร่ายรำด้วยท่าทางอ่อนช้อยและงดงาม
หลังจากที่นางเดินออกจากห้องพี่ใหญ่แล้วก็ตัดสินใจมาพบกับ เวินหนิงเอ๋อร์ ผู้มีสถานะเป็นพี่หญิงรองของนาง แต่ใครเลยจะคิดว่าในจังหวะที่นางมาพบว่าพี่หญิงรองกำลังฝึกฝนการร่ายรำอยู่คนเดียว เพราะไม่อยากเข้าไปรบกวนเวินเยว่เล่อจึงทำเพียงนั่งชมอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น
ตุบ!!!
เพราะความไม่ระวังทำให้แขนของเวินเยว่เล่อไปโดนบางอย่างบนโต๊ะร่วงลงพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ หญิงสาวโน้มตัวลงไปหยิบหนังสือปกสีเรียบที่ตกอยู่
"ค่ำคืนดื่มด่ำจันทรา" เวินเยว่เล่ออ่านชื่อหนังสือที่อยู่ในมือแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
"เก็บไว้สิ ข้ายกให้"
เวินหนิงเอ๋อร์หญิงสาวอายุสิบหกพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคู่สวยมองเด็กสาวที่มีสถานะเป็นน้องสาวต่างมารดาตรงหน้า
"พี่หญิงรอง ท่านร่ายรำได้งดงามมากเลยเจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นหรือ เจ้าอยากร่ายรำได้งดงามเหมือนข้าหรือไม่เล่า ข้าจะบอกวิธีให้"
หญิงสาวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแววตาของนางวูบหนึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง แต่เพียงชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นปกติเช่นเดิม ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าซีดขาวราวกับคนป่วยที่กำลังคลี่ยิ้มให้นาง
"เยว่เล่อเจ้าป่วยอีกแล้วหรือ"
"เจ้าค่ะ แต่ตอนนี้หายดีแล้ว"
เวินเยว่เล่อพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม นางคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่หญิงรองกำลังแสดงความเป็นห่วงนางผู้เป็นน้องสาว ดวงตาคู่สวยมองมือของเวินหนิงเอ๋อร์ที่กำลังยกขึ้นมาลูบที่แก้มของนางอย่างแผ่วเบา
"เหตุใดถึงได้ใบหน้าซีดเซียวราวกับศพคนตายเช่นนี้เล่า"
"ศะ...ศพเหรอเจ้าคะ"
"เยว่เล่อข้าหวังดีกับเจ้านะจึงตักเตือน ไม่มีบุรุษคนใดชื่นชอบสตรีที่อ่อนแอขี้โรคหรอก อีกทั้งตอนนี้ใบหน้าของเจ้ายังซีดราวกับศพเดินได้ เจ้าควรดูแลตัวเองหน่อยดีหรือไม่"
เวินหนิงเอ๋อร์แสร้งทำสีหน้าเป็นกังวลแม้ในใจจะรู้สึกยินดีที่ทำให้คนตรงหน้ากังวลได้ จะเรียกว่าคือการแก้แค้นก็ว่าได้ เพราะสิ่งที่นางทำอยู่ล้วนเป็นฮูหยินใหญ่เป็นคนสั่งสอนทั้งสิ้น
ในเมื่อนางทำให้ข้ารู้สึกด้อยค่าในตัวเอง ข้าก็จะให้บุตรสาวของนางเป็นเช่นเดียวกับข้าเหมือนกัน
"เยว่เล่อเจ้าที่ร่างกายอ่อนแอเช่นนี้ จะให้กำเนิดบุตรได้หรือ...ขะ...ข้าขอโทษข้าเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าในฐานะพี่สาวเท่านั้น"
"ข้ารู้เจ้าค่ะว่าท่านเป็นห่วงข้า แต่ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะข้าจะต้องแข็งแรงขึ้นกว่านี้แน่นอน" เวินเยว่เล่อจับมือของคนตรงหน้ามากุมไว้พลางพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"จริงสิข้านำชาบำรุงร่างกายมาให้พี่หญิงรองด้วย จางลี่"
"เจ้าค่ะ"
จางลี่ที่รู้หน้าที่ของตนก็วางห่อชาในมือลงบนโต๊ะ แววตาของนางที่มองไปที่เวินหนิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความไม่พอใจ คำพูดเมื่อครู่นางย่อมเข้าใจจุดประสงค์เป็นอย่างดี
โชคดีแค่ไหนที่คุณหนูของนางมองโลกในแง่ดีจึงไม่ได้คิดอะไร
"ว่าแต่หนังสือเล่นนี้ท่านมอบให้ข้าใช่ไหมเจ้าคะ"
หญิงสาวมองคนตรงหน้าที่ยกตำราวังวสันต์ขึ้นมา เดิมทีนั่นเป็นของที่ฮูหยินใหญ่มอบให้ข้ามาศึกษาเพื่อใช้ยั่วยวนบุรุษยามค่ำคืน
การที่ข้ายกของสิ่งนี้ให้เด็กสาวอายุสิบสามมันจะเหมาะสมหรือไม่นะ
"เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นคือตำราอะไร"
เมื่อเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าส่ายหน้าอย่างโง่งม เวินหนิงเอ๋อร์ก็ถอนหายใจออกมา
"โง่งม ไม่รู้ว่าคืออะไรแล้วเหตุใดถึงอยากได้"
"ข้าอยากได้เพราะเป็นของชิ้นแรกที่พี่หญิงรองให้ข้าเจ้าค่ะ"
พรึบ!!
เมื่อพูดจบประโยคตำราวังวสันต์ที่อยู่ในมือของเวินเยว่เล่อก็ถูกคนตรงหน้าแย่งไปทันที รอยยิ้มที่เคยมีบนใบหน้าของเด็กสาวเลือนหายไป ดวงตาคู่สวยมองตำราวังวสันต์แววตาเต็มไปด้วยความเสียดาย
"เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะอ่าน"
"แต่ว่า....."
เวินหนิงเอ๋อร์มองเด็กสาวตรงหน้าที่กำลังแสดงสีหน้าผิดหวังและเสียใจ ร่างบางถอนหายใจออกมาก่อนจะหยิบจานขนมบนโต๊ะวางลงตรงหน้าเด็กสาว
"นี่เป็นขนมที่ข้าทำเอง ยกให้เจ้า"
เมื่อได้ยินคำว่าขนมที่พี่หญิงรองลงมือทำเองเวินเยว่เล่อก็มองตาเป็นประกาย มือรีบหยิบจานขนมส่งไปให้จางลี่เก็บรักษาทันที
"เหตุใดต้องรีบส่งให้จางลี่ขนาดนั้น ข้าไม่แย่งคืนมาหรอก"
"ขะ...ข้า...แค่ก...แค่ก"
ยังไม่ทันพูดจบประโยคเวินเยว่เล่อก็ไอออกมา นางรู้สึกเจ็บที่หน้าอกอย่างรุนแรงมือบางกำเข้าหากันแน่น ก่อนจะฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า
"พี่หญิงรองวันนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อน"
"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เหตุใดถึงได้หน้าซีดกว่าเดิม"
"ขะ....ข้ามะ....."
"เยว่เล่อ!!!"
เวินเยว่เล่ออยากจะพูดออกไปว่านางไม่เป็นอะไร แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นดั่งใจ ร่างบางทรุดกายลงไปกับพื้นโชคดีที่เวินหนิงเอ๋อร์เข้ามารับตัวนางได้ทัน มือบางยกขึ้นกุมที่อกของตัวเองดวงตาคู่สวยตอนนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ความรู้สึกเจ็บปวดที่อก ครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าที่ผ่านมามากนัก
ไม่สิ..ต้องบอกว่าที่ผ่านมาเทียบความเจ็บครั้งนี้ไม่ได้เลยสักนิด
"เยว่เล่อเจ้าเป็นอะไร จางลี่ไปตามท่านหมอ!!!"
"เจ้าค่ะ!!"
ในยามนี้เวินหนิงเอ๋อร์ลืมตัวไปด้วยซ้ำว่าตนเองเกลียดชังมารดาของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของนางเพียงใด ในใจภาวนาเพียงขอให้เวินเยว่เล่อปลอดภัยอย่างลืมตัว
"พี่หญิงรอง....ข้าเจ็บ....ข้าจะตายไหม....ข้ากลัว.."
เด็กสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางในตอนนี้รู้สึกเจ็บปวดและหวาดกลัว นางไม่อยากตาย นางมีหลายสิ่งที่อยากทำ นางพึ่งได้ทำความรู้จักกับพี่ชายและพี่สาว นางยังต้องรอคอยคนรักตามสัญญา นางอยากมีชีวิตอยู่ ได้โปรด..
"เยว่เล่ออดทนไว้ ข้าให้จางลี่ไปตามหมอมาแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัว"
"ขะ...ข้า..กลัว...พี่หญิงรอง...ข้าไม่อยาก...ตาย"
"เยว่เล่อ เยว่เล่อลืมตาสิ!! เด็กดีพี่หญิงรองบอกให้เจ้าลืมตาไง!!"
ดูเหมือนเสียงของเวินหนิงเอ๋อร์จะไม่เป็นผลอีกต่อไปแล้ว ในยามนี้เวินเยว่เล่อบุตรสาวคนเล็กของสกุลเวินได้จากโลกนี้ไปแล้ว....
เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นาน ข่าวการเสียชีวิตของคุณหนูเวินเยว่เล่อเป็นที่กล่าวขานของผู้คนในเมืองหลวง เหตุเป็นเพราะมีข่าวลือออกมาว่า เวินหนิงเอ๋อร์ผู้เป็นพี่สาวได้ลงมือสังหารน้องสาวต่างมารดาของตัวเองด้วยยาพิษอย่างเลือดเย็น
ภายในจวนสกุลเวินตอนนี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้า การจากไปของคุณหนูเวินเยว่เล่อผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของนายท่านและฮูหยินช่างทำให้ทุกคนเจ็บปวด แม้ท่านหมอจะบอกสาเหตุการตายเกิดจากโรคประจำตัวแต่ทุกคนยังปักใจเชื่อว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของ เวินหนิงเอ๋อร์
"ลักลอบเข้ามาคิดจะทำลายหลักฐานบนศพหรือไง" เวินหมิงเย่เอ่ยทักคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่พบว่านางลักลอบเข้ามาในพิธีศพยามค่ำคืน
"ไม่ใช่เรื่องของเจ้า"
เวินหนิงเอ๋อร์พูดออกมาเสียงเย็น นางในตอนนี้สวมใส่ชุดไว้ทุกข์ ในมือถือขนมกุ้ยฮวาที่นางตั้งใจทำให้คนที่นอนอยู่ในโลง
"ที่นี่มีเพียงเจ้ากับข้าจะเสแสร้งให้ใครดูกัน"
"พูดอะไรของเจ้า"
"เจ้าฆ่าเวินเยว่เล่อใช่ไหม"
"…….."
"แม้ข้าจะไม่ได้ชื่นชอบนางแต่ก็ไม่ถึงขนาดเกลียดชังจนฆ่าให้ตาย ข้าเพียงสงสัยว่าเด็กที่ไร้เดียงสาเช่นนางทำอะไรให้เจ้าโกรธแค้นจนต้องฆ่าให้ตายกัน"
"ข้าไม่ได้สังหารนาง ข้าไม่ได้สนใจว่าเจ้าหรือผู้อื่นจะเชื่อคำพูดข้าหรือไม่ แค่ตัวของข้ารู้ก็พอแล้ว"
เวินหนิงเอ๋อร์พูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก นางก้าวเท้าเดินผ่านเวินหมิงเย่ไปอย่างไม่สนใจไยดี ดวงตาคู่สวยมองโลงศพสีดำที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
"ข้าทำขนมกุ้ยฮวามาให้เจ้า"
"นางตายไปแล้วกินขนมกุ้ยฮวาของเจ้าไม่ได้หรอก"
เสียงของบุรุษผู้เป็นพี่ชายต่างมารดาของนางดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนิงเอ๋อร์ปรายตาไปมองปิ่นปักผมของสตรีที่วางอยู่ไม่ไกลจากขนมกุ้ยฮวาของนาง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะรู้ว่าเป็นของผู้ใดมาวางไว้
"นางตายไปแล้ว ปักปิ่นที่เจ้าซื้อมาไม่ได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งนางก็ยังไม่ผ่านพิธีปักปิ่นเลยเจ้าลืมหรือไง"
"…….."
"……."
ความเงียบกลับมาปลุกคลุม เวินหนิงเอ๋อร์และเวินหมิงเย่ยังคงยืนมองโลงศพของผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
"ข้าเคยคิดว่านางโชคดีที่เกิดมาในท้องของเมียเอก นางได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่ ข้าเคยสาปแช่งให้นางตายไปด้วยความอิจฉาอยู่หลายครั้ง ทั้งที่เด็กคนนี้ไม่เคยทำผิดต่อข้าเลยสักครั้งแต่ข้า...."
"…….."
"นางบอกข้าว่านางเจ็บปวดและหวาดกลัวมากเพียงใด ข้าโอบกอดนางไว้ในตอนนั้นข้าไม่มีความคิดอยากให้นางตายเลย อาจจะเพราะข้ารู้ว่านางเป็นเพียงเด็กไร้เดียงสาไม่เคยทำผิดต่อข้าเลย ต่อให้มารดานางทำผิดต่อข้ามากเพียงใด ข้าก็ไม่ควรสาปแช่งเด็กน้อยที่จิตใจบริสุทธิ์เช่นนาง"
"…….."
เวินหมิงเย่ไม่ได้พูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว เขาทำเพียงยืนฟังเวินหนิงเอ๋อร์พูดเงียบ ๆ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่โลงศพสีดำตรงหน้าพลางนึกถึงวันที่เจอเด็กสาวก่อนตาย
อาจจะเป็นอย่างที่เวินหนิงเอ๋อร์พูดมาก็ได้ พวกเขาทำร้ายเด็กน้อยที่จิตใจบริสุทธิ์เพียงเพราะความแค้นที่มีต่อบิดามารดาและความอิจฉาที่นางได้รับความรัก
ในวันที่ได้รับข่าวว่านางจากไป เขากลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด ความรู้สึกแรกที่เขารับรู้ในวันนั้นคือเสียใจ...
ตึง ตึง ตึง!!!
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย!!!"
เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากในโลงศพ พี่น้องสกุลเวินทั้งสองหันไปสบตากันก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดโลงศพทันที สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องตกใจคือเวินเยว่เล่อที่ตายไปแล้วตอนนี้กำลังนั่งหอบหายใจอยู่ในโลงศพ
"เยว่เล่อ/เยว่เล่อ!!"
พี่น้องสกุลเวินเอ่ยเรียกคนตรงหน้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย น้ำเสียงของพวกเขาปนไปด้วยความตกใจและดีใจ ต่างจากคนที่นั่งอยู่ในโลงศพที่มองคนทั้งสองแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
"พวกคุณเป็นใคร ทำไมเรียกฉันว่าเยว่เล่อ?"