บทที่ 3 ตัวประกอบโดนแย่งร่าง
"เยว่เล่อ เยว่เล่อบุตรสาวข้า"
ภายในห้องนอนของคุณหนูเวินเยว่เล่อเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ของฮูหยินเวินและนายท่านเวิน ทั้งสองดีใจที่จู่ ๆ บุตรสาวของตนที่คิดว่าตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ฮูหยินเวินโอบกอดบุตรสาวที่นั่งอยู่บนเตียงทั้งน้ำตา นางขอบคุณสวรรค์ที่ส่งบุตรสาวอันเป็นที่รักกลับคืนสู่อ้อมอกของนางอีกครั้ง
"ทะ...ท่านแม่....ท่านพ่อ"
เวินเยว่เล่อพูดออกมาได้ไม่เต็มเสียงนัก ดวงตาคู่สวยมองไปที่คู่หญิงชายวัยกลางคนตรงหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ที่ดูแปลกตาและไม่คุ้นเคยสำหรับนาง
นางตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
"ข้าอยากนอนพักแล้วเจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นหรือ เช่นนั้นเจ้านอนพักเถิด"
หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมา ดวงตาคู่สวยมองผู้คนที่ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องตอนนี้เหลือเพียงนางกับหญิงรับใช้หนึ่งคนเท่านั้น
"เจ้าก็ออกไปด้วย"
"เจ้าค่ะ"
หลังจากที่ทุกคนเดินออกไปจากห้องแล้ว ความเงียบก็กลับมาปกคลุมทั้งห้องทันที ร่างบางก้าวเท้าเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง กระจกสำริดที่ถูกขัดจนเงาวับสะท้อนภาพใบหน้าของโฉมสะคราญที่แม้จะดูอายุน้อย แต่สามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่าหากโตขึ้นคงกลายเป็นสตรีที่เหล่าบุรุษต่างเหลียวมอง
'เวินหนิงเอ๋อร์!!! นางสารเลวมาทำอะไรที่โลงศพของบุตรสาวข้า!!'
'เวินหมิงเย่ข้าสั่งให้เจ้ากักตัวอ่านตำราในห้อง เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่'
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนที่นางฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างนี้ฉายวนเข้ามาในหัว นิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะอย่างครุ่นคิดเพราะรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อของชายหญิงที่นางเจอในตอนแรก
เวินหนิงเอ๋อร์.....เวินหมิงเย่....เวินเยว่เล่อ.....สกุลเวิน....เดี๋ยวนะ...นี่คงไม่ใช่ว่า....
"เรื่องจริงเหรอเนี่ย"
หญิงสาวพูดกับตัวเองอย่างแผ่วเบา หลังจากที่ครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วนางมั่นใจได้ทันทีว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในนิยายที่นางเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว เวินเยว่เล่อเป็นตัวประกอบที่ถูกเวินหนิงเอ๋อร์นางร้ายของนิยายเรื่องนี้ฆ่าตาย ในนิยายไม่กล่าวถึงวิธีการฆ่ามีเพียงการเล่าเรื่องจากฮูหยินเวินที่เล่าให้พระเอกและนางเอกฟังเท่านั้น ส่วนเวินหมิงเย่เขาคือกุนซือมือขวาของตัวร้ายในอนาคต ตามเนื้อเรื่องในนิยายเพราะเขาตกหลุมรักนางเอก จึงยอมทรยศตัวร้ายที่เป็นเพื่อนรักเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือนางเอกจนต้องตาย
ตึก ตึก ตึก
นิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะเครื่องแป้งอย่างใช้ความคิด ในตอนนี้นางเข้ามาอยู่ในร่างของเวินเยว่เล่อที่ถูกนางร้ายฆ่าตาย นั่นหมายความว่าในอนาคตข้าอาจจะถูกนางร้ายสังหารอีกก็ได้
เห็นทีคงต้องตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ข้าจะมีชีวิตรอดให้ได้
ในขณะที่มีวิญญาณดวงอื่นกำลังเข้าไปอยู่ในร่างของเวินเยว่เล่อ ทางด้านดวงวิญญาณเจ้าของร่างตอนนี้กลับเดินอยู่ภายในกลุ่มหมอกสีขาว ดวงตาคู่สวยมองไปรอบ ๆ อย่างไร้ความหวัง
ภาพสุดท้ายที่นางจำได้ก่อนจะมาอยู่ที่นี่ คือภาพของพี่หญิงรองกำลังโอบกอดนางน้ำตาคลอ เสียงของนางพร่ำบอกให้นางอดทนและมีชีวิตต่อไป
แต่ดูเหมือนว่านางคงอดทนต่อไปไม่ไหว...
นางตายแล้วสินะ...
"เด็กน้อยอย่าได้โศกเศร้าไปเลย เจ้าทำดีที่สุดแล้ว"
เสียงชายชราดังขึ้นท่ามกลางหมอกสีขาว เวินเยว่เล่อพยายามหมุนไปรอบตัวเพื่อมองหาต้นเสียง แต่ก็พบเพียงหมอกสีขาวเท่านั้น
"ท่านเป็นผู้ใดเจ้าคะ"
"ช่างเป็นเด็กน้อยขี้สงสัยเสียจริง"
"ขออภัยเจ้าค่ะ" เวินเยว่เล่อในวัยสิบสามกล่าวออกไปด้วยท่าทางนอบน้อม แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ใดแต่จากน้ำเสียงคงเป็นผู้อาวุโส นางรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำให้เขาไม่พอใจจึงกล่าวขออภัยออกไป
"ให้ตายสิ นังหนูคนนี้ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง ตาเฒ่าเจ้าละอายหรือไม่ที่ไปตำหนินาง"
เสียงของหญิงชราดังขึ้น เวินเยว่เล่อที่ยังอายุน้อยเอียงคอมองไปเบื้องหน้าด้วยความสงสัย แท้จริงผู้อาวุโสที่สนทนาอยู่กับนางมีกี่คนกัน
"คือว่า....พวกท่านอยากได้อะไรจากข้าหรือเจ้าคะ" เวินเยว่เล่อตัดสินใจเอ่ยถามออกไป ตอนนี้นางเป็นเพียงวิญญาณที่ตายแล้วไม่อาจช่วยเหลืออะไรใครได้อีก
"เด็กน้อย เจ้าอยากกลับไปมีชีวิตหรือไม่"
"แต่ข้าตายไปแล้วนะเจ้าคะ หากพวกท่านช่วยให้ข้าฟื้นจากความตาย แบบนี้จะไม่เป็นการฝืนต่อชะตาฟ้าหรือเจ้าคะ"
"……."
"ข้าอยากกลับไปมีชีวิตเจ้าค่ะเพราะข้ายังมีสิ่งที่อยากทำอีกมาก แต่หากพวกท่านช่วยข้าแล้วได้รับความลำบากข้าขอไม่กลับไปเจ้าค่ะ"
"เพราะเหตุใด เด็กน้อยเจ้าช่วยบอกในสิ่งที่เจ้าคิดแก่พวกข้าหน่อยเถิด"
"ข้าไม่อยากให้พวกท่านจะต้องลำบากเพราะข้าเจ้าค่ะ"
เวินเยว่เล่อพูดออกไปตามความจริง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาอย่างสดใส แม้นางจะอยากกลับไปหาทุกคนที่จวนเวินแค่ไหน แต่นางก็ไม่อาจให้ผู้อื่นลำบากเพราะนางได้
"เด็กน้อย ยายเฒ่าอย่างข้าถูกใจเจ้าเสียจริง เอาเถอะข้าจะพูดกับเจ้าตามตรง ในยามนี้เส้นชะตาชีวิตของเจ้าได้ถูกต่อแล้ว"
"เจ้าคะ?"
"หากพูดตามตรง ในร่างของเจ้าตอนนี้มีดวงวิญญาณอื่นเข้าไปสวมร่างแทนวิญญาณของเจ้าแล้ว"
คำตอบที่ได้รับจากชายชราทำให้เวินเยว่เล่อเด็กน้อยวัยสิบสามยืนนิ่งตัวชาไปทั้งแถบ นางไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่เข้าใจสิ่งที่ชายชราพูด ความหมายของเขาคือ ตอนนี้มีคนเข้าไปแทนที่นางแล้ว
"เด็กน้อยเจ้าอย่าได้หวาดกลัว ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของพวกข้าทั้งสิ้น"
"ทำไมถึงเป็นความผิดของพวกท่านหรือเจ้าคะ"
"เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ทำวิญญาณของคนผู้หนึ่งร่วงหล่นไปในที่ของพวกเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ นางล่องลอยเข้าไปอยู่ในร่างไร้วิญญาณของเจ้า ทำให้เส้นชะตาชีวิตที่เคยขาดถูกต่อขึ้นอีกครั้ง"
"เด็กน้อยพวกข้าต้องการดวงวิญญาณของคนผู้นั้นคืน เจ้าช่วยนำพาดวงวิญญาณของคนผู้นั้นมาคืนสู่พวกข้าได้หรือไม่"
"ข้าต้องทำเช่นไรเจ้าคะ"
"อีกเจ็ดวันเส้นดวงชะตาของเจ้าจะขาดอีกครั้ง เจ้าจำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในร่างให้ได้ก่อนดวงวิญญาณผู้นั้นจะเข้าไปสวมร่างเจ้าอีกครั้ง เด็กน้อยเจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น"
"แล้วหากข้ากลับเข้าไปอยู่ในร่างได้ ดวงวิญญาณของคนผู้นั้นจะเป็นเยี่ยงไรเจ้าคะ"
"พวกข้าจะนำพานางกลับไปในที่ของนาง ที่นั่นมีร่างของนางรอคอยอยู่"
"นางยังไม่ตายหรือเจ้าคะ"
"ใช่นางเพียงแค่วิญญาณหลุดออกจากร่างเท่านั้น" เวินเยว่เล่อที่ได้รับคำตอบก็พยักหน้ารับคำ นางรู้สึกวางใจที่วิญญาณดวงนั้นสามารถกลับไปใช้ชีวิตต่อได้ในที่ของนาง
"นางแย่งร่างเจ้าไป เจ้ากลับไม่โกรธแต่เป็นห่วงนางหรือ"
"เจ้าค่ะ ข้าคิดว่านางเองก็คงอยากมีชีวิตรอดเหมือนข้าตอนนี้"
"เด็กน้อยเจ้าช่างเป็นเด็กน่าเอ็นดูเสียจริง เอาเถิดข้าจะมอบสิ่งหนึ่งให้เจ้า"
ตุบ!!
เสียงของตกดังขึ้นจากด้านหลัง เวินเยว่เล่อหันกลับไปมองตามเสียงพบว่าเป็นหนังสือหนึ่งเล่มที่วางอยู่บนพื้น มือบางหยิบหนังสือขึ้นมาแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
"เด็กน้อยจงตั้งใจอ่านหนังสือที่ข้ามอบให้เจ้า เมื่อใดที่เจ้าอ่านจบจะเข้าใจทุกสิ่ง แต่จงจำไว้หากเจ้าเปลี่ยนแปลงสิ่งใด ผลของมันจะตกอยู่ที่ตัวเจ้าเอง"
"เช่นนั้นข้าไม่ควรเปลี่ยนอะไรเลยหรือเจ้าคะ"
"ข้ากลับคิดว่าเมื่อเจ้าอ่านจบ คงจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนเรื่องราว"
"เอาเถิดทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของเจ้าผลที่ส่งถึงเจ้าล้วนมีทั้งดีและไม่ดี เด็กน้อยเมื่อใดที่เจ้าอ่านหนังสือเล่มนี้จบตัวของเจ้าจะถูกส่งกลับไปทันที จงจำให้ขึ้นใจเจ้าจะต้องแย่งร่างคืนมาให้ได้ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นเจ้าที่ต้องเข้าไปอยู่ในร่างของนางแทน"
"เจ้าค่ะ ข้าจะจำให้ขึ้นใจ"