บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 พิษสุราน้อยนิด

มู่เจ๋อทำท่าจะเอ่ยเสียงแข็ง ทว่าไม่ทันได้พูดคำใด กลับถูกเหมยหลินดึงกระชากคอเสื้อเข้าหา แววตานางมืดดำดุจหุบเหว พ่นวาจาเย็นเยียบออกมา “ข้าบอกแล้วมิใช่หรือ ทั้งสองอย่าได้ก้าวก่ายกัน อย่ามาหาเรื่องข้า หรือทำให้ข้าเสียหน้า มิฉะนั้น...ข้าจะหย่ากับเจ้าทันที”

“มะ...ไม่นะ” ชายหนุ่มถึงกับปากคอสั่น “เจ้าคิดจะหย่ากับข้าจริงหรือ” แม้นนางจะเอ่ยเพียงขู่ แต่หากกลายเป็นจริง เขาก็ไร้ที่พึ่งอย่างสิ้นเชิง คำของแม่นมสวีพลันแล่นวาบเข้ามาในหู เขาส่ายหน้าช้า ๆ พลางกล่าวเสียงอ่อย “ไม่เอา...ข้าไม่หย่า”

ทีท่าอ่อนลงฉับพลันของมู่เจ๋อ เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากเหล่าคุณหนูในห้องรับรอง บ้างถึงกับอมยิ้มหน้าแดง

“นางบอกจะหย่ากับท่านแล้ว มู่เจ๋อ เหตุใดท่านไม่รีบรับปากเล่า” หลิวหลีเอ่ยอย่างขุ่นเคือง มือบางกระตุกแขนเสื้อชายหนุ่มไปมา ในใจนางเพิ่งพองโตได้ไม่ถึงครึ่งอึดใจ ทว่ากลับหล่นวูบจนนางตั้งรับไม่ทัน นางเงยหน้าจ้องเขาด้วยแววตาน้อยใจ “มู่เจ๋อ... รับปากข้าสิ ว่าท่านจะหย่ากับนาง”

ชายหนุ่มมองหญิงสาวข้างกาย ดวงตาน้อย ๆ ของนางเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำใส เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้นางอย่างแผ่วเบา “ข้ามีเหตุผล ฟังนะ หลีเอ๋อร์ ไม่ว่าข้าจะหย่ากับนางหรือไม่... ใจข้าก็มีเพียงเจ้า”

“กล่าวได้ดีนัก เช่นนั้นก็เชิญไปพลอดรักกันให้พ้นหูพ้นตาข้าเถิด” ว่าแล้วเหมยหลินก็ใช้เท้าแตะประตูปิดใส่หน้าคนทั้งคู่เสียงดัง บรรยากาศในห้องพลันเงียบกริบ สาวงามชนชั้นสูงที่นั่งอยู่แต่ละคนพากันก้มหน้าหลบสายตา กระทั่งจะหายใจก็ยังต้องชั่งใจ... เกรงว่านายหญิงเหมยจะไม่พอใจขึ้นมาอีก

เมื่อเห็นสีหน้าของเหล่าสหายไม่สู้ดีนัก เหมยหลินจึงลุกขึ้นโดยมิคิดฝืนให้นางทั้งหลายลำบากใจ “วันนี้ข้าผิดเองที่เสียมารยาท เช่นนั้นมื้อนี้ให้ข้าเป็นเจ้ามือ ถือว่าชดใช้ความผิด”

“พี่หญิงเหมยกล่าวเช่นนี้ เห็นพวกข้าเป็นคนนอกหรืออย่างไร” เมิ่งฉีรีบร้อนคว้ามือของนางไว้แน่น แววตาวิงวอนดุจแมวตัวน้อยไม่อยากให้เจ้าของจากไป

“ใช่แล้ว ท่านเห็นพวกเราเป็นคนอื่น หรือเพียงเพราะเรารู้สึกสงสารท่าน?” จื่อกู้ บุตรีท่านราชครูกล่าวขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหดหู่ ในใจล้วนขุ่นเคืองแทนนาง ดวงตาของมู่เจ๋อนั้นชัดเจนยิ่งนัก เจตนาจะหักหน้าเหมยหลินต่อผู้คนโดยไม่คิดไว้หน้า

“ตลอดสองปีที่ท่านแต่งเข้ามา เขาเคยเห็นท่านเป็นภรรยาแม้เพียงน้อยหรือไม่?” จ้าวจูเซี่ยที่อายุไล่เลี่ยกัน เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ความไม่พอใจฉายชัดบนสีหน้า

“ข้าน่าจะหักขามัน หรือไม่ก็ควักลูกตาให้มันสิ้นฤทธิ์เสียที” เฟิ่งหลันโพล่งขึ้นทันที ดวงตาลุกวาวด้วยโทสะ เมื่อนึกถึงสีหน้าหยิ่งยโสของมู่เจ๋อที่กล้ามาก่อกวนความสงบถึงที่นี่

เหมยหลินกลับหัวเราะบางเบา หากทางออกง่ายเพียงนั้นก็คงดี นางเพียงต้องรอให้เขาเติบโตเป็นบุรุษที่ควรค่า... แล้วจึงค่อยจากไป “เอาเถอะ พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วง ข้าอยู่กับเขาเพียงเพราะคำขอสุดท้ายของท่านแม่ รอให้เขาเข้มแข็งพอ วันนั้นข้าก็จะไปเสียเอง”

นางยิ้มพลางทอดมองสหายสตรีเหล่านี้ด้วยใจอบอุ่น แม้นจะนินทาสามีคนอื่นเก่งเพียงใด ก็ยังพากันคิดช่วยสั่งสอนสามีของนางเสียด้วย

“พี่หญิง ท่านพูดเช่นนี้... มิใช่เพราะจะหลีกทางให้หลิวหลีนั่นหรอกหรือ?” กู้อวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงขุ่น “สตรีเยี่ยงนั้น ถือดีเยี่ยงไรถึงกล้ายุแย่งสามีชาวบ้าน ช่างไม่รู้จักอาย”

“เปล่า ข้าเพียงเหนื่อย... และเบื่อมาก” เหมยหลินกล่าวเสียงเบา ดวงหน้างามประดับรอยยิ้มจาง “เขาว่ากันว่า ความรัก... มักพาความทุกข์มาด้วยเสมอ เอาเถิด วันนี้ก็พอเพียงแล้ว ข้าขอตัวก่อน”

นางคลี่ยิ้มบาง ยอบกายแทนคำขอโทษแล้วผินหลังเดินออก ปล่อยให้เหล่าสหายยังนั่งสนทนากันต่อในห้องรับรอง

“ฮูหยินเจ้าคะ จะกลับจวนเลยหรือไม่?” เสี่ยวเสียงรับพัดจากมือนายหญิงมาเก็บอย่างระมัดระวัง พัดเล่มนี้อยู่เคียงข้างฮูหยินมานานปี ไม่ว่าอากาศจะหนาวหรือฝนจะโปรย นางไม่เคยใช้เล่มอื่นเลยสักครั้ง

“ยังหรอก ข้ายังดื่มไม่เต็มครา เสี่ยวเสียง ไปหอเฟิ่งหวงกับข้าเถิด” เหมยหลินเอ่ยยิ้ม ๆ แม้ดวงตาจะแฝงแววอ่อนล้า นางก้าวลงบันไดจากชั้นสอง ท่ามกลางสายตาของผู้คนในโรงน้ำชา เสี่ยวเอ้อเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งไปแจ้งสารถีให้นำรถม้ามารับทันที

“ฮูหยินเจ้าคะ ที่นั่นมีแต่บุรุษ... กับสตรีหอโคมเขียว หากท่านไป เกรงว่าจะไม่เหมาะสมเอาเสียเลย” เสียงค้านดังขึ้นอย่างลังเล แววตานางเต็มไปด้วยความกังวล นางไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเมื่อผู้เป็นนายหญิงเป็นสตรีที่มีสามีแล้ว ไยจึงต้องไปเหยียบย่างสถานที่อันต่ำต้อยเยี่ยงนั้น?

“เป็นสตรีแล้วอย่างไร? สตรีไร้หัวใจหรือ?” เหมยหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตานิ่งราวน้ำแข็ง นางไม่เคยคิดใส่ใจสายตาผู้ใด บุรุษกลัดมันเหล่านั้นหรือ? หามีค่าพอให้แลเหลียวไม่

หากเทียบกับสามีวัยเยาว์ของนางแล้ว ยังห่างไกลนัก... ภาพในห้วงคำนึงผุดวาบ มู่เจ๋อในยามถอดอาภรณ์ลงแช่ในอ่างไม้ กล้ามเนื้อแน่นตึงขับเน้นด้วยหยาดน้ำระยับ กลิ่นกายอ่อนบางยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำ นางเคยคิดอย่างขบขัน...

ถ้าหากเขาโอบกอดนางบนเตียง เขาจะกอดแน่นเสียจนหายใจไม่ออกหรือไม่? ความคิดของหญิงสาวพลุ่งพล่านไม่น้อย ใบหน้างดงามเห่อร้อนขึ้นอย่างดื้อ ๆ

เสี่ยวเสียงสังเกตเห็นทั้งแววตาและน้ำเสียงของนายหญิงแปรเปลี่ยนไปอย่างแผ่วเบา นางจึงกระตุกแขนเสื้อของผู้เป็นนายอย่างแผ่วเบา “ฮูหยินเจ้าคะ รถม้ามาแล้วเจ้าค่ะ”

สตรีทั้งสองก้าวขึ้นรถม้าโดยมิทันสังเกตว่า ณ มุมเสาตรงนั้น มีเงาร่างผู้หนึ่งยืนแอบอิง เฝ้ามองพวกนางด้วยแววตาวาววับดุจซ่อนไฟ

เหมยหลินเอนกายนอนเอกเขนกบนเบาะรองนั่งอันนุ่มละมุน มิได้สงวนท่าทีสตรีแม้แต่น้อย ท่วงท่าราวบุรุษหนุ่มผู้หยิ่งยโส “บอกสารถีให้ส่งข้าที่หอเฟิ่งหวง แล้วให้เขากลับได้เลย” เสียงของนางเรียบนิ่ง หากแฝงไว้ด้วยแรงปรารถนาที่มิอาจปิดบัง

“ข้าจะอยู่ดูแลท่าน” สาวใช้เอ่ยเสียงหวาน พลางจ้องมองนายหญิงซึ่งเอนกายนอนราบบนเบาะรองนั่ง โชคดีที่รถม้ายาวพอเหมาะ เหมยหลินจึงนอนได้สบาย อีกทั้งยังมีหมอนใบเล็กคอยหนุน ขาดเพียงผ้าห่มผืนหนึ่งเท่านั้นก็แทบจะกลายเป็นที่หลับนอนอันสมบูรณ์ เว้นเสียแต่รถม้าจะโยกเยกไปบ้าง หลับสนิทคงไม่ง่ายดังหวัง

“ไม่ต้อง เจ้ากลับไปยั่วยวนเขาที่บ้านดีกว่า ดีกว่านั่งเฝ้าข้าให้เสียเวลา” เหมยหลินหัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงแฝงแววหยอกเย้า นางมิได้คิดจะห้ามความคิดของสาวใช้ หากแต่ในยามนี้ นางเพียงอยากนั่งดื่มสุรา ฟังเสียงพิณ และทอดสายตามองบุรุษรูปงามให้สาแก่ใจ

นางอายุยี่สิบสามแล้ว ยังมิได้ร่วมเตียงกับผู้ใด กระทั่งคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีก็มิเคยเหลียวแล นางก็เป็นหญิงคนหนึ่ง ย่อมมีความปรารถนาเช่นใครเขา อยากมีลูกหญิงลูกชายไว้เชยชม

หากคิดจะตั้งครรภ์ บิดาของบุตรในครรภ์ย่อมต้องเป็นมู่เจ๋อผู้นั้น หาใช่ชายใดก็ได้... เขาหล่อเหลา ผิวขาวเนียนละม้ายสตรี ริมฝีปากในยามโกรธช่างน่าจุมพิตยิ่งนัก หากได้ลูกน้อยจากเขา คงน่ารักน่าหยิกจนอดมิได้ที่จะหลงรัก

“ถ้าหากฮูหยินไม่อยู่ แล้ววันใดท่านเรียกใช้ข้าขึ้นมาจะทำอย่างไร?” เสี่ยวเสียงก้มหน้าก้มตาเอ่ยอย่างกังวลนัก

เหมยหลินแย้มยิ้ม ลุกขึ้นนั่ง จ้องมองสาวใช้ของตนด้วยแววตาคล้ายหยอกล้อ คล้ายจริงจัง “เจ้าก็คิดได้นี่นา... อยากเป็นฮูหยินของเขาอีกคนก็ดีมิใช่หรือ?”

“ฮูหยิน...แต่ไหนแต่ไรมา ข้าคิดอยากรับใช้แต่ท่านเพียงผู้เดียว คนที่ให้ชีวิตใหม่แก่ข้าคือท่าน มิใช่นายท่านมู่เจ๋อ” สาวใช้ร่างเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาแน่วแน่มิได้หวั่นไหว ชีวิตของนางมอบให้ผู้มีพระคุณ หาใช่ผู้อื่นไม่

“อีกอย่างข้าไม่เคยคิดอยากจะปีนเตียงนายท่านสักนิด อย่างไรนายท่านก็ไม่ใช่บุรุษที่ข้าพึงปรารถนา” คนที่นางแอบมองเขาคงมิรู้ตัว ว่าตนนั้นหล่อเหลาปานใด “ชั่วชีวิตนี้ของข้า ยกให้ท่านเป็นนายเพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel