บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 หาเรื่อง

เหมยหลินปรายตามอง พลางหัวเราะอย่างขื่นขัน “หล่อกับเฉลียวฉลาดมันคนละเรื่อง เด็กนั่นวัน ๆ เอาแต่ยั่วโมโหข้า จนหน้าข้านี่แทบย่นไปหมด”

จ้าวจูเซี่ยแย้มยิ้ม เอ่ยปลอบด้วยถ้อยคำละมุน “นายน้อยมู่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียว ย่อมเอาแต่ใจเป็นธรรมดา บัดนี้แม่สามีเจ้าได้จากไปแล้ว คนที่เขาจะพึ่งพาได้ ก็มิเห็นจะเป็นใครอื่น นอกจากเจ้า”

“วันนี้เขาบอกกับข้าว่า จะแต่งหลิวหลีเข้าจวน” เหมยหลินกล่าวเสียงแผ่ว ดวงหน้างามฉายแววเศร้าลึก แม้ในจวนตระกูลมู่นางจะได้รับการดูแลอย่างดี หากไม่นับสามีผู้ไม่เอาไหนแล้ว คนอื่นล้วนเคารพนบน้อมต่อนางดั่งเช่นยามที่แม่สามียังมีชีวิตอยู่

“แล้วเจ้าตอบตกลงไปหรือไม่” จ้าวจูเซี่ยชะลอฝีเท้า เอ่ยถามด้วยแววตาสงสาร เพราะดวงตาของสหายข้างกายมีแต่ความปวดร้าวซ่อนเร้น

“ตกลงกับผีนะสิ ข้าบอกว่าหากคิดจะแต่ง ก็ให้ไปอยู่เรือนท้ายจวน เรือนใหญ่เป็นของข้า” เหมยหลินพูดเสียงแข็ง แววตาแน่วแน่ไร้ซึ่งความลังเล นางยืนกรานเช่นนั้นจริงดั่งวาจาที่เปล่งออก

“เจ้านี่ช่างร้ายกาจไม่เบา” จ้าวจูเซี่ยหัวเราะเบา ๆ พลางยกนิ้วให้ แย้มยิ้มราวกับเรื่องนี้หาใช่เรื่องหนักหนาอะไรไม่

“หากข้าไม่ร้ายบ้าง แล้วเมื่อไรเจ้านั่นจะเติบโตเล่า” เหมยหลินเอ่ยเสียงเรียบ นัยน์ตาสงบนิ่งราวกับสายน้ำ หากในใจกลับมีคลื่นลึกซ่อนอยู่ สิ่งเดียวที่นางปรารถนาจากมู่เจ๋อ คือให้เขาเติบโตขึ้นอย่างสง่างาม พอที่จะแบกรับตระกูลมู่ได้อย่างมั่นคง เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับนางแล้ว นางพร้อมจะจากไป โดยไม่ยึดติดสิ่งใด เพราะสิ่งเหล่านั้น... มิมีสิ่งใดเป็นของนางเลยตั้งแต่ต้น

“แล้วเมื่อไรเจ้าจะบอกความจริงกับเขาเสียที” จ้าวจูเซี่ยเอ่ยถามอีกครั้ง น้ำเสียงแผ่วเบาแต่จริงจัง ความลับของเหมยหลิน ที่นางไม่เคยปริปากแก่ใคร มีเพียงจูเซี่ยผู้เดียวที่รับรู้ ครั้งแรกที่ได้ยินก็ยังนึกว่าเป็นเรื่องล้อเล่น ใครเลยจะคาดคิดว่า เหมยหลินเคยเป็นหนึ่งในกองทัพ

“ข้ายังมีเวลาอยู่ที่นี่อีกเพียงปีเดียว ข้าไม่อยากผูกใจอาลัยให้มากไปกว่านี้” เหมยหลินหลุบตาลง กล่าวราวกับพูดกับสายลม ในอดีต นางขอพี่ใหญ่กับพี่รองเพียงสามปี ขอเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ให้ได้มีชีวิตอย่างสตรีธรรมดาสักครั้งในชีวิต

บิดามารดาของนางหย่าร้างกันตั้งแต่นางยังเยาว์ ท่านแม่พานางและพี่ทั้งสองกลับไปอยู่จวนตากับยาย ส่วนท่านพ่อ... ผู้มีภรรยามากมาย ก็หาได้เดือดเนื้อร้อนใจอันใดเมื่อต้องสูญเสียภรรยาเพียงคนเดียวพร้อมบุตรชายและบุตรสาว

สำหรับเรื่องแต่งงานนั้น ก็เป็นพันธะที่มีมาแต่ครั้งก่อน นางยังจำได้แม่นยำถึงคำที่ท่านแม่กล่าวไว้ว่า “บุญคุณต้องทดแทน” ด้วยเหตุนี้ เจ้าสาวจึงเปลี่ยนหน้าไม่ได้ และก่อนแม่สามีจะสิ้นใจ ก็ฝากฝังมู่เจ๋อไว้กับนาง ขอให้นางดูแลเขา ให้เขามีชีวิตที่ดี...

“หากเจ้าไปแล้ว พวกเราคงเหงาแย่” ทั้งสองกล่าวเกือบพร้อมกัน ระหว่างเดินเคียงกันมาจนถึงห้องรับรองที่เปิดไว้เฉพาะสำหรับแขกผู้สูงศักดิ์

คุณหนูจื่อกู้ บุตรีท่านราชครู ซึ่งนั่งอยู่ภายในห้อง เมื่อได้ยินดังนั้นก็กล่าวขึ้นทันทีว่า “ใช่เจ้าค่ะ หากไม่มีนายหญิงเหมยแล้ว พวกเราจะอยู่อย่างไรดี” นางไม่เพียงพูด แต่ยังลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วคว้าแขนเหมยหลินไว้แน่น ดวงตาออดอ้อนราวลูกแมวตัวน้อยแสนซุกซน

เหมยหลินหัวเราะเบา ๆ ก่อนดีดหน้าผากจื่อกู้อย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู “ก็ไม่เห็นจะต้องทำอะไรนี่นา ก็คงซุบซิบเรื่องสามีคนอื่นกันต่อไปเช่นเคย”

“พี่หญิงเหมยพูดจาว่าร้ายข้านัก... ว่าแต่วันนี้ ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” จื่อกู้หน้าแดงระเรื่อ ถูกรังแกต่อหน้าสหาย นางเขินอายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มระรื่นอย่างผู้มีความลับน่าตื่นเต้น

“เห็นหรือไม่ ท้ายที่สุดก็วนกลับมาเรื่องสามีชาวบ้านอยู่ดี” เหมยหลินกล่าวพลางรินสุรากลิ่นหอมกรุ่นขึ้นจิบ แววตาฉายแววระยิบระยับ หอหลันเซียงนั้นขึ้นชื่อว่าสุราดีไม่แพ้ใคร นับวันฝีมือยิ่งล้ำเลิศ เสียแต่นางมาเยือนหลายครา กลับมิเคยพานพบเถ้าแก่เจ้าของโรงน้ำชาแม้แต่เพียงครั้งเดียว

“ไม่ใช่ ๆ คราวนี้ไม่ใช่จริง ๆ ข้าได้ยินมาว่า... อีกไม่นานท่านแม่ทัพจะกลับเมืองหลวงแล้ว!” จื่อกู้รีบบอกด้วยเสียงใสเจื้อยแจ้ว ดวงตาเปล่งประกายราวดวงดาว ยิ่งกล่าวยิ่งเหมือนผู้เคยพานพบยอดบุรุษมาก่อนแล้ว

“เขาแต่งงานแล้วหรือยัง?” คราวนี้เป็นเสียงของคุณหนูเย่วหลัน บุตรีรองเจ้ากรมพิธีการเอ่ยขึ้น นางเป็นสตรีร่างเล็ก มือหนึ่งถือซาลาเปา ยังปั้นหน้าจริงจัง

เมิ่งฉี หลานสาวของผู้ตรวจการ กล่าวเสริมพลางทอดถอนใจ “นั่นสิ ได้ยินมานานว่าท่านแม่ทัพรูปงามยิ่งนัก สูงศักดิ์โดดเด่นเหนือบุรุษทั่วไป ราวกับเทพจากสวรรค์เสด็จลงมา”

จ้าวจูเซี่ยเอียงกายยื่นหน้าเข้ามา ใบหน้ายิ้มยั่วแกล้ง พลางชี้นิ้วไปยังเหมยหลิน “หากอยากรู้ เหตุใดไม่ถามเหมยหลินเล่า สตรีงามของเรานี่เคย...มีญาติอยู่ในกองทัพน่ะ”

“พี่หญิงเหมยรู้จักด้วยหรือเจ้าคะ?” จื่อกู้ เมิ่งฉี และเย่วหลันร้องถามพร้อมกัน ดวงตาทั้งสามคู่วาววับเป็นประกายจับจ้องนางไม่วางตา

เหมยหลินยิ้มแห้ง วางจอกสุราลงอย่างสงบ “ใครบอกกัน ข้าไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ...” พลางปรายตาค้อนใส่จูเซี่ยหนึ่งที อย่างรู้ทันเล่ห์กลของสหาย

เหล่าคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์พากันพูดคุยอย่างออกรสภายในห้องรับรอง ทว่าจู่ ๆ เสียงอึกทึกจากภายนอกก็ดังขึ้น ทำให้บรรยากาศครึกครื้นพลันเงียบงันลง สตรีทั้งหลายสบตากันเลิ่กลั่ก

“ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในนั้น เหมยหลิน!” เสียงเข้มกระแทกประตูดังลั่น เป็นของมู่เจ๋อสามีที่ไม่ได้เรื่องของเหมยหลิน ข้างกายเขามีหญิงสาวร่างบางนามหลิวหลี น้ำตาเปรอะใบหน้าบวมช้ำราวผลอิงเถาเน่า ๆ ลูกหนึ่ง

เหมยหลินปรายตามองประตูอย่างเบื่อหน่าย วางจอกสุราลงแรงเสียจนดัง ปัง! ก่อนจะเหยียดมือไปโดยไม่เอ่ยคำ เสี่ยวเสียงรีบยื่นพัดให้แทบไม่ทัน “มีอันใด?”

“เจ้าตีนาง!” มู่เจ๋อขึ้นเสียง แม้แววตาจะสะท้อนความกลัว ใครจะลืมภาพเมื่อคราวนางฟาดแส้ใส่บ่าวเสียเลือดโชก วันนั้นเขาเองยังขนลุกไม่หาย

“เจ้ามาเพราะเรื่องแค่นี้?” เหมยหลินหรี่ตาลง “นางสำคัญกับเจ้ามากนักหรือ?” พัดในมือนางถูกหุบดังฉับ ชี้ตรงไปยังหลิวหลีที่หลบหลังเขาแทบไม่มิด

“ใช่” มู่เจ๋อเชิดหน้าท้าทาย แม้เสียงจะสั่นเล็กน้อยก็ตาม

“หากเจ้าปรารถนาจะแต่งนาง ก็ง่ายนิดเดียว ให้นางมารินน้ำชาให้ข้า รอรับใช้เช่นบ่าวหนึ่งวัน ข้าจะยอมรับและให้แม่สื่อไปสู่ขอแต่โดยดี หากไม่ ก็จงกลับไปเสีย” เสียงของเหมยหลินไม่ดังนัก ทว่าเย็นเยียบราวน้ำแข็งในเหมันต์ นางยืนกอดอก คิ้วขมวดด้วยความหงุดหงิดใจอยู่ก่อนแล้ว เจอเรื่องนี้เข้า ยิ่งคล้ายลมเพลมพัด

“เจ้ากล้าออกคำสั่งกับข้าหรือ!” มู่เจ๋อตวาดลั่น แม้เสียงจะสั่นเครือ

“เจ้าหนุ่มน้อย...” เหมยหลินยกพัดขึ้นเชยคางเขาไว้ รอยยิ้มเย็นเหยียดบนริมฝีปาก “หากอยากได้นางจริง ก็จงทำตามข้า แล้วข้าจะยอมให้เจ้าแต่งภรรยาอีกคนตามปรารถนา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel