8 ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ
เสียงเปิดประตูหน้าห้องทำให้คนที่กำลังนั่งเบื่ออยู่หน้าทีวีจอใหญ่รีบดีดตัวขึ้นจากโซฟา
“คุณ เลิกงานแล้วเหรอ”
ทิวากดรีโมตปิดทีวีแล้วเดินไปหาเจ้าของห้อง
“อือ”
เมคินตอบพร้อมหายใจหอบเหนื่อยเพราะเขารีบวิ่งเข้าลิฟต์ทันทีที่มาถึง
“เหนื่อยเหรอครับ”
เขาถามแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำมาให้เมคิน พร้อมกับจานชมพู่และฝรั่งที่เขาจัดใส่จานไว้
“อือ ขอบใจ”
เมคินรีบดื่มน้ำพรวดเดียวหมดแล้วหันไปมองหน้าคนถาม ยอมรับว่ารู้สึกดีที่เขาถามว่าเหนื่อยไหม
“เหมือนวิ่งมาเลยนะครับ มีอะไรหรือเปล่า หรือกลัวว่าผมจะยกเค้าห้องคุณไปแล้ว”
“ถ้าจะยกเค้าจริงจะรอให้ผมกลับมาไหมล่ะ จริงไหม”
“ที่ผมรอเพราะอยากขอบคุณที่ช่วยเหลือผม ทั้งให้ติดรถมากรุงเทพ ให้ที่พัก แล้วก็เมื่อคืน”
สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตอนที่พูดถึงเรื่องเมื่อคืน
“แล้วจะเอายังไงต่อ คงไม่กลับไปทำงานร้านเดิมอีกนะ”
“ถ้ากลับไปก็บ้าเต็มทนแล้ว ช่วงนี้ผมคงรองานที่ไปสัมภาษณ์มาวันก่อน แต่ดูเหมือนจะเงียบไปแล้ว คงต้องสมัครไปเรื่อยๆ”
ทั้งคำพูดและแววตาที่ดูมุ่งมั่นทำให้เมคินคิดว่าถ้าเขามาร่วมงานด้วยก็คงดี
“มาทำงานกับผมไหม” เขาตัดสินใจชวนออกไปเพราะอยากใช้เวลาศึกษาผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น
“แค่นี้ผมก็เกรงใจแย่แล้ว”
“จะเกรงใจทำไม ตอนนี้ผมกำลังอยากได้เลขา”
“ผมไม่เคยทำงานเลขามาก่อน”
“แล้วพร้อมจะเรียนรู้ไหมล่ะ”
“ผมกลัวจะทำให้คุณลำบากใจ”
“ลองดูก่อนก็ไม่เสียหายอะไรนี่ ถ้าตกลงก็เตรียมตัวได้เลย”
“คุณพูดจริงใช่ไหม” ทิวาถามย้ำอีกครั้ง
“จริงสิ เรื่องรายละเอียดเอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้”
“ครับ”
“ทิวา คุณอายุเท่าไหร่”
“25 ครับ”
“ยังเด็กอยู่เลย”
“ผมว่าไม่เด็กแล้วนะ”
“อย่างน้อยก็เด็กว่าผมละกัน ผมอยากให้คุณเรียกผมว่าพี่ จะได้ดูสนิทกันหน่อย”
“จะดีเหรอครับ พรุ่งนี้ผมก็เป็นลูกน้องคุณแล้ว”
“ก็เรียกเวลาอยู่กันสองคนไง ผมเป็นลูกคนเล็กไม่เคยมีใครเรียกว่าพี่”
“ก็ได้ถ้า มันทำให้คุณรู้สึกดี”
“ยังจะคุณอีก เอาล่ะต่อไปนี้นายเรียกฉันว่าพี่คิน ตกลงไหม”
“ถ้าไม่ตกลงผมจะยังได้งานไหม”
“มันคนละเรื่องกัน”
“ครับพี่คิน”
“มันต้องอย่างนี้สิ”
เมคินเผลอลูบหัวของอีกคนอย่างลืมตัว
ทิวามองการกระทำของเขาแล้วยิ้ม ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเขามาก่อน กระแสความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทางการสัมผัสทำให้หัวใจของเขาอุ่นซ่านอย่างประหลาด
“ทิว”
“ครับ”
“เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอก นายหิวอะไรไหมจะได้ออกไปด้วยกัน”
“ไม่หิวครับ แต่ผมคิดว่าควรกลับห้องของตัวเองได้แล้ว”
“ไปพร้อมกันเลยสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง จะได้รู้ด้วยว่านายพักที่ไหน”
“ครับ”
“อร่อยดีนะ”
เมคินหยิบฝรั่งในจานขึ้นมากินอย่างอารมณ์ดี เพราะตอนนี้เขากับทิวาก็สนิทกันไปอีกขั้น
ทิวาเก็บจานฝั่งเข้าตู้เย็นและกำชับให้เขากลับมากินให้หมด ก่อนที่จะเดินตามเขาไปที่รถเพื่อกลับห้องพักของตัวเอง
“ตึกนั้นเหรอ”
เขาชี้ไปยังตึกแถวข้างหน้าที่ด้านล่างเป็นร้านค้า ส่วนด้านบนดัดแปลงเป็นห้องพัก
“นายพักกับเพื่อน ห้องมันไม่เล็กไปหน่อยเหรอ”
“ผมพักคนเดียวครับ”
“อ้าว ไหนว่าจะมาพักกับเพื่อน”
“ผมไม่อยากให้เพื่อนมีปัญหากับแฟนครับเลยมาเช่าอยู่คนเดียวสบายใจกว่า”
“แต่ที่นี่ไกลจากบริษัทมากเลยนะ นายไปพักกับพี่ดีไหมจะได้ไปทำงานพร้อมกัน”
“อย่าเลยครับ ห้องพี่คินมีแค่ห้องนอนเดียว”
“มันมีสองห้องนอนนะ”
“ผมเห็นห้องเดียวนี่ครับ”
“พี่จะโกหกนายทำไม เอาอย่างนี้ นายเก็บของให้เรียบร้อย แล้วคืนนี้พี่จะมารับ”
“แต่...”
“อย่าคิดมาก ตกลงตามนี้นะ ลงไปเก็บของได้แล้ว ถ้าใกล้ถึงแล้วพี่จะโทรบอก คงไม่เกิน 4 ทุ่มโอเคไหม”
“ครับพี่”
พอรถของเมคินแล่นออกไปแล้วเขาก็งงกับตัวเองที่ตกลงไปอยู่กับเขาง่ายๆ ทั้งที่รู้จักกันไม่นาน แต่เพราะทุกครั้งที่ได้เจอกันเมคินก็ช่วยเหลือมาตลอด เวลาอยู่ใกล้กับเมคินแล้วเขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ถ้าครั้งนี้จะต้องไปอยู่ห้องเดียวกันก็คงได้ทำอะไรเพื่อเขาบ้างเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจและความช่วยเหลือที่ผ่านมาสักนิดก็ยังดี
แล้วก็เป็นไปตามคาด วันนี้พ่อกับของเขาไม่ได้แค่นัดทานข้าวเพียงอย่างเดียว เมคินจำได้ดีว่ารถคันเป็นของติณณ์คนที่แม่ของเขาอยากให้ไปทำงานด้วย
“มาทันเวลาทานข้าวพอดีเลยนะคิน”
คนที่ทักทายคนแรกคือแม่ของเขาที่ดูยิ้มมากกว่าทุกวัน
“สวัสดีครับ พ่อ แม่ น้าดวง”
ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสาม แล้วหันไปพยักหน้าทักทายลูกชายของน้าดวงกมลที่นั่งยิ้มจนตาหยีอยู่ใกล้
“สวัสดีจ้ะ คิน” ดวงกลมกล่าวทักทาย
“น้าดวงสบายดีนะครับ” เมคินนั่งเก้าอี้รับแขกตัวที่ติดกับติณณ์อย่างเลี่ยงไม่ได้
“จ้ะ แล้วคินล่ะ ช่วงนี้งานหนักเลยใช่ไหม เห็นว่ากำลังหาเลขาอยู่ใช่ไหม หาได้หรือยังล่ะ”
ดวงกมลพุ่งตรงประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม
“หาได้แล้วครับ” เมคินตอบพร้อมยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนที่จะมาทำงานด้วย
“คิน ไหนว่ายังให้ภพไปช่วยงานอยู่เลย อย่ามาโกหกแม่นะ” จีรญารีบต่อว่าลูกชาย
“แม่ครับ ผมจะโกหกทำไม ผมหาเลขาได้แล้ว พรุ่งนี้จะเริ่มงานวันแรก ถ้าแม่ไม่เชื่อจะตามไปดูก็ได้”
“พี่คินพูดเพราะไม่อยากให้ผมไปทำงานด้วยใช่ไหมครับ” น้ำเสียงที่ใช้พูดเมคินฟังแล้วจั๊กจี้หูพิกล
“ไม่ใช่อย่างนั้นเลย พี่หาเลขาได้แล้วจริงๆ พี่ว่างานหนักแบบนั้นไม่เหมาะกับติณณ์หรอก”
“แต่ผมอยากทำงานกับพี่”
“นั่นสิคิน ให้น้องไปทำงานด้วยอีกคนนะ”
“อย่าเลยครับแม่ งานมันหนักจริงๆ ผมไม่อยากให้น้องเหนื่อย งานร้านเพชรเหมาะกับน้องมากกว่า อยู่กับของสวยๆ งามจะได้ไม่เครียด”
เขาพูดแล้วหันมาส่งยิ้มให้กับติณณ์อย่างเอาใจ
“ถ้าผมจะแวะไปหาพี่คินบ้างจะได้ไหมครับ”
“ได้สิ ติณณ์ก็เหมือนน้องชายพี่ อยากมาหาตอนไหนก็ได้ แต่โทรเข้ามาก่อนนะเพราะพี่ไม่ค่อยอยู่ที่บริษัทเท่าไหร่ เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าพี่ผ่านไปแถวร้านเพชร หรือนัดลูกค้าใกล้ๆ พี่จะแวะหาดีไหม”
คำว่าน้องชายทำให้คนฟังหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แต่ก็ยังดีใจที่เขาบอกว่าจะแวะหา
“จริงนะครับพี่”
“อือ”
พูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็ถึงเวลารับประทานอาหาร ติณณ์คอยเอาใจตักอาหารให้เมคินจนชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด นี่แค่เจอกันไม่ถึงชั่วโมงเขายังแทบแย่ ถ้าได้ชายหนุ่มไปเป็นเลขาสงสัยเขาได้ไล่ออกตั้งวันแรกอย่างแน่นอน
พอทานอิ่มแล้วเมคินก็รีบขอตัวกลับเพราะไม่อยากให้ทิวารอนาน แต่ติณณ์กลับรั้งเขาไว้
“พี่คิน ชอบผู้ชายแบบไหน”
ติณณ์ถามขึ้นขณะที่นั่งคุยกันตามลำพัง เพราะผู้ใหญ่แยกไปคุยอีกห้องทิ้งให้เขาอยู่กับชายหนุ่มที่ห้องรับแขก
“ไม่รู้สิ”
“แบบติณณ์ใช่สเปกพี่คินไหม”
“พี่เคยบอกแล้วว่าติณณ์เป็นเหมือนน้องชาย” เขาจำได้ว่าเคยพูดเรื่องนี้กับติณณ์ไปหลายครั้งแล้ว
“แต่ผมชอบพี่”
“ติณณ์จะเสียเวลากับพี่ทำไม มีคนอีกมากมายที่ดีกว่าพี่ หล่อกว่าพี่ หุ่นดีกว่าพี่”
“พี่หล่อที่สุด หุ่นดีที่สุดสำหรับผม”
ติณณ์ยังจำวันแรกที่เจอกับเมคินได้ดี วันนั้นเขาตามแม่มาบ้านนี้ และเดินเล่นไปจนถึงสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเมคินเดินขึ้นมาจากสระเขาก็รู้สึกพอใจกับรูปร่างนั้นแต่ยังไม่ได้คิดอะไร แล้วพอมารู้ที่หลังว่าเมคินเป็นชายรักชายเขาจึงหาโอกาสได้ใกล้ชิด แต่ก็โดนปฏิเสธมาตลอด จนกระทั่งได้ยินว่าชายหนุ่มกำลังต้องการเลขา เขาจึงมาทานข้าวที่บ้านนี้หวังว่าชายหนุ่มจะใจอ่อนและยอมให้เขาไปทำงานด้วย
“แต่พี่ไม่เคยคิดอะไรเกินเลย”
“ผมอยากให้พี่คิด เราลองคบกันก่อนก็ได้ ถ้าไม่โอเคก็ค่อยเลิก”
“เราต่างก็รู้ว่ามันไม่โอเคตั้งแต่แรก จะฝืนคบกันทำไม”
“ผมอยากนอนกับพี่”
“ติณณ์ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้อีกก็ไม่ต้องมาคุยกัน ถ้าพี่ได้ยินติณณ์พูดแบบนี้อีก แม้แต่สถานะน้องชายพี่ก็อาจจะไม่มีให้”
พูดจบเมคินก็รีบเดินออกจากบ้านโดยไม่ได้บอกลาใคร
เขานั่งสงบสติอารมณ์ในรถพักใหญ่จากนั้นก็ไลน์ไปบอกทิวา
Kin : อีก 45 นาทีพี่จะไปรับนะ
Tiwa : ครับ