6 วันแรกก็เกือบพลาดท่า
พอถึงเวลาเปิดร้านลูกค้าก็ทยอยเข้าอย่างต่อเนื่อง ทิวาเดินจนแทบไม่ได้พัก แต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเพราะรู้สึกสนุกที่ได้ทำงาน เนื่องจากเขาไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาเกือบเดือนแล้ว
ยังไม่ทันถึงเวลาปิดร้านแขกก็ทยอยกลับจนเหลืออยู่เพียงโต๊ะเดียว พศินเรียกทิวาเข้าไปคุย
“ครับพี่ศิน”
“ทิวช่วยดูตรงนี้ให้พี่หน่อย พี่ปวดตายังไงไม่รู้”
“ได้ครับพี่”
ทิวาเดินเข้ามาด้านเคาน์เตอร์ เขานั่งลงกดเครื่องคิดเลขเปรียบเที่ยวกับราคาที่ปรากฏในคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ส่วนพศินก็นั่งดูอยู่ใกล้ๆ
“พี่ศินครับพวกผมขอกลับก่อน”
“อือ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับแล้วรอเคลียร์อีกนิด”
“เฮ้ยทิว ไปก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน” นวพลโบกมือให้เพื่อน
“อือ”
พอทุกคนออกไปแล้วทั้งร้านก็เหลือเพียงแค่วศินและทิวา
“ทิว ดื่มน้ำก่อน มาทำงานวันแรกก็เหนื่อยเลย”
“ไม่เป็นไรครับพี่” ทิวารับน้ำมาดื่มแล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ เขาเริ่มง่วงเพราะไม่เคยนอนดึกอย่างนี้มาก่อน แต่ก็พยายามทำงานให้เร็วที่สุดเพราะอยากกลับไปนอนพัก
“แล้วนี่กลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม”
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมให้พี่วินมารับ” เขาตอบแต่ไม่ได้มองหน้าคนถามจึงไม่เห็นสีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ของผู้จัดการร้าน
“ดึกแล้วยังจังมีวินอีกเหรอ” อีกฝ่ายชวนคุยจนเขาเสียสมาธิ
“มีครับ พอดีรู้จักกัน” ทิวาสะบัดหัวไปมาเพราะตอนนี้ง่วงงุนจนตาแทบจะปิด
“ออกไปพร้อมกันนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ทิวารู้สึกว่าตัวเองง่วงมากกว่าปกติ เขาไม่มีแรงจะหยิบโทรศัพท์โทรตามพี่วินที่นัดไว้ด้วยซ้ำ รู้แต่ว่าตอนนี้วศินกำลังพยุงเขาออกมา
“ไปกับพี่นะทิว” เสียงกระซิบทำให้ทิวารู้สึกถึงความผิดปกติ มือของคนพูดไม่ได้แค่ประคองตัว แต่วศินกับบีบบั้นท้ายของเขาเบาๆ
“พี่ศิน ทำอะไร”
“ทิว พี่ชอบทิวนะ ถ้าทิวยอมเป็นของพี่ รับรองทิวจะสบายไม่ต้องมาเดินเสิร์ฟให้เหนื่อยแบบวันนี้
“ไม่นะพี่ศิน” ทิวาสะบัดมือที่ประคองอยู่ออก แต่มันก็ยากเหลือเกินเพราะตอนนี้เขากำลังจะหมดแรงลงไปทุกที
“ทิวา”
“คุณเมคิน” แม้ตาจะปิดแต่ทิวาก็จำเสียงของเขาได้ ชายหนุ่มถลาไปหาเขาด้วยความดีใจ
“คุณจะพาเขาไปไหน” เมคินถามผู้ชายอีกคน
“มันเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“เกี่ยวสิ ทิวาเป็นคนของผม”
“ง่ายไปหน่อยไหม ถ้าเป็นคนของคุณจริงคุณจะปล่อยให้เขามาทำงานที่นี่เหรอ”
“ไม่เชื่อก็ลองถามเขาดูสิ”
“ทิว บอกพี่มาว่าคนนี้เป็นใคร”
ตอนนี้ทิวาคอพับอยู่ในอ้อมกอดของเมคิน หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอก ความรู้สึกของเขาตอนนี้คืออยากปกป้องผู้ชายคนนี้
“ผมจะพาเขากลับ” เมคินอุ้มคนที่หลับไม่รู้เรื่องไปยังรถของตัวเองโดยมีวศินเดินตาม
“ไม่ได้ ทิวต้องไปกับผม”
“นี่คุณ จะให้ผมบอกกี่ครั้งว่าทิวาเป็นคนของผม”
“ไหนล่ะหลักฐาน”
เมคินหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาก่อนจะกดโทรออก เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าคาดอกของทิวาก็ดังขึ้น
“นี่ไงหลักฐาน” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นว่ามีสายโทรเขาจริง และในนั้นก็บันทึกชื่อเมคินเอาไว้
“คราวหน้าคราวหลังก็อย่าปล่อยให้เด็กของตัวเองออกมาทำงานอย่างนี้สิ” วศินพูดอย่างหัวเสีย
“ไหนๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ผมขอลาออกแทนทิวาเลยละกัน” พูดจบเมคินก็เข้าไปนั่งยังตำแหน่งคนขับก่อนจะปิดประตูและรีบขับออกไปทันที
หลังจากคุยกับทิวาเมื่อหัวค่ำแล้วเมคินก็นึกอยากมาหาเอยากมาเห็นกับตาว่าเขาได้งานจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า ชายหนุ่มเข้าไปนั่งดื่มในร้านเพียงสิบนาทีก็รีบกลับออกมาเพราะกลัวว่าทิวาจะเห็น ทีแรกก็คิดจะกลับแต่ในเมื่อมาถึงที่แล้วจึงอยากคุยกับเขาสักหน่อย เมคินจึงรออยู่หน้าร้าน จนกระทั่งพนักงานทยอยกันออกมา แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของทิวา พอถามรปภ.ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกจึงรู้ว่าเขาหนุ่มช่วยผู้จัดการร้านเคลียร์บัญชีอยู่ด้านใน
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนี้เขากลับไปก่อนจะเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ตรงนี้
เมคินหันไปมองใบหน้าของทิวาแล้วถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงได้อยากรู้เรื่องของผู้ชายคนนี้นัก หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเขารอให้ทิวาติดต่อไปหา แต่อีกฝ่ายก็เงียบ วันนี้เขาจึงตัดสินใจไลน์มาถาม อันที่จริงเขาไม่ได้มีธุระไปสระบุรี แต่ที่บอกทิวาไปแบบนั้นเพราะอยากหาข้ออ้างคุยกับชายหนุ่ม ความรู้สึกที่เขามีให้กับทิวามันยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด
เป็นอีกครั้งที่เซฟโซนของเมคิน ถึงตอนนี้คงไม่ใช่คนแปลกหน้ากันแล้ว เพราะทิวาตัวไม่ใหญ่มากเท่าไหร่เขากับพี่ รปภ.จึงช่วยกันพาขึ้นมาบนห้องได้ไม่ยาก
คืนนี้ชายหนุ่มเสียสละให้ทิวานอนบนเตียง ส่วนเขาจะเป็นคนไปนอนข้างนอก นับเป็นครั้งแรกที่ยอมให้คนมาใช้เตียงของตัวเอง เมคินนั่งมองหน้าคนที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่นาน แม้จะได้คุยกันอยู่หลายครั้ง แต่ดูเหมือนทิวาระวังตัวเป็นพิเศษ เขาไม่เคยเล่าเรื่องราวของครอบครัว คนรัก นอกจากเรื่องงานเท่านั้นที่เขายอมคุยด้วย เหมือนทิวายังมีอะไรซ่อนอยู่ในใจ มันแสดงออกทางแววตาเศร้าของเขาและนั่นกระตุ้นให้เมคินอยากรู้ว่าก่อนจะมาทำงานที่กรุงเทพ ชายหนุ่มคนนี้ผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง
เช้าวันใหม่แล้ว แต่คนบนเตียงยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง เมคินเอานิ้วไปอังที่จมูกพอเห็นว่าเขายังหายใจปกติ เขายิ้มกับตัวเองไม่คิดเลยว่าจะมาทำอะไรแบบนี้ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกไปทำงานโดยทิ้งคีย์การ์ดสำรองให้ชายหนุ่ม
“ไม่นะพี่ศิน ไม่ ผมไม่ไป คุณเมคินช่วยผมด้วย ผมไม่อยากไป” ทิวาตะโกนลั่นห้องเหงื่อผุดเต็มใบหน้าก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจ เขากวาดสายตามองไปทั่วห้อง แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อนึกได้ว่าที่นี่เป็นห้องนอนของทิวา
“โล่งอกไปที”
ถ้าเมื่อคืนทิวาไม่ไปที่นั่นป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะตื่นมาในสภาพแบบไหน เขาไม่ได้รังเกียจความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายเพราะตอนอยู่เชียงใหม่ที่ทำงานของเขาก็มีคู่รักผู้ชายหลายคู่ แต่มันต้องไม่ใช่แบบเมื่อคืน เพราะเขาไม่ได้เต็มใจและไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้จัดการร้าน ถ้าเขาเอะใจสักนิดคงระมัดระวังตัวมากกว่านี้ แต่เพราะไว้ใจเห็นว่าเป็นถึงผู้จัดการร้านเลยยอมอยู่ช่วย ถ้าเขาขอกลับพร้อมเพื่อน พี่วศินก็คงทำอะไรเขาไม่ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งแล้วเก็บที่นอนก่อนเดินออกไปหาเจ้าของห้อง แต่มีเพียงกระดาษโน้ตกับคีย์การ์ดวางอยู่
‘คีย์การ์ดสำรอง เผื่ออยากลงไปหาอะไรกิน อย่าเพิ่งกลับนะ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย’
มีผ้าห่มกับหมอนวางอยู่บนโซฟา คงเป็นเจ้าของห้องที่มานอน เห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกของคุณและเกรงใจเขาเป็นอย่างมาก ได้เจอกันไม่กี่ครั้งแต่ดูเหมือนว่าเมคินจะช่วยเหลือเขาอยู่หลายเรื่อง
ทิวาอาบน้ำแต่ยังสวมชุดเดิมเมื่อคืน เดินลงมาหาอะไรกิน พอท้องอิ่ม สมองก็เริ่มคิด ตอนนี้เขาลังเลว่าจะกลับที่ห้องของตัวเองหรือจะกลับไปรอเมคินที่ห้อง ถ้ากลับไปแล้วก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอกับเขาอีก ทิวาก็รู้สึกใจหาย ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือนอกจากเมคินแล้วตอนนี้เขาก็ไม่มีใครให้คุยด้วยเลย เขาควรอยู่รอเจอเมคินเพื่อขอบคุณที่ช่วยเหลือมาตลอด
เรื่องงานที่ไปทำเมื่อวานชายหนุ่มไม่คิดจะกลับไปทำอีก เขารู้แล้วว่างานกลางคืนแบบนั้นมันไม่เหมาะกับเขา ระหว่างนี้คงไม่ไปทำงานแบบนั้นอีกแล้ว คงรอให้บริษัทที่ไปสัมภาษณ์ติดต่อกลับมา มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะทำได้ในตอนนี้
เขาไม่รู้ว่าเมคินจะกลับมาตอนไหน จึงเดินไปเรื่อยเปื่อย พอเจอรถขายผลไม้ที่จอดขายอยู่เขาก็เลือกฝรั่งกับชมพู่มาอย่างละกิโล เพราะในห้องของเมคินนั้นไม่มีอะไรกินเลย อันที่จริงก็อยากซื้อของสดขึ้นไปทำแต่ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องจะโอเคไหมถ้าจะทำแบบนั้น พอผ่านร้านสะดวกซื้อทิวาเลยหยิบเนย แยมและขนมปังมาอีกหนึ่งแถว เพราะขี้เกียจลงมาหาอะไรทานมื้อกลางวันอีกรอบ