5 งานอะไรก็คว้าไว้ก่อน
การสมัครและสัมภาษณ์งานวันนี้ทำให้ทิวาคิดได้อย่างหนึ่งว่าประสมการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยสักนิด เพราะทุกตำแหน่งดูเหมือนจะวางตัวคนที่ได้คัดเลือกไว้อยู่แล้ว เขาไม่ได้คิดไปเองเพราะตอนเข้าห้องน้ำเขาได้ยินคนสัมภาษณ์คุยเรื่องนี้ทางโทรศัพท์
ทิวาเดินคอตกกลับห้องพัก ยังมีอีกหลายบริษัทที่เขายื่นใบสมัครไว้ ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าจะมีสักที่รับเขาเข้าไปทำงาน
ชายหนุ่มไม่เห็นด้วยกับการใช้เส้นสาย ไม่ใช่เพราะโลกสวยหรือทำตัวเป็นพระเอก แต่เขาไม่มีเส้นสายเลยต้องปลอบใจตัวเองแบบนี้ ถ้าการใช้เส้นสายหมายถึงการได้โอกาสเขาก็ยินดีจะใช้ เพราะมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะทำงาน แต่ที่ยังต้องมาลำบากแบบนี้เพราะเขาไม่มีโอกาสนั้น
ตลอดทั้งสัปดาห์ทิวาเดินเข้าออกอยู่หลายบริษัท คำตอบที่ได้รับมาส่วนใหญ่ก็คือ เดี๋ยวจะให้ฝ่ายบุคคลติดต่อกลับอีกที
เขาเริ่มคิดแล้วว่ากรุงเทพไม่เหมาะกับเขา ถ้าสัปดาห์หน้ายังเป็นแบบนี้อีกเขาคงต้องไปสมัครทำงานบนเรือสำราญซึ่งมีกำหนดในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เขามั่นใจว่าจะได้รับเลือกเพราะเขาพูดได้ทั้งไทย จีน และอังกฤษ และตอนเรียนเขาก็เคยทำงานบริการในโรงแรมมาก่อน แต่ที่ยังไม่ตัดสินใจเพราะมีเองที่กังวลอยู่คือเขาว่ายน้ำไม่เป็น แม้คุณสมบัติของผู้สมัครไม่ได้ระบุไว้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาก็ควรช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่งถ้าได้ไปทำงานบนเรือจริงสิ่งแรกที่ต้องทำคือการไปเรียนว่ายน้ำ
“เฮ้อ” ทิวาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอน พรุ่งนี้จะลองไปหางานพิเศษเพราะถ้ารอให้ได้งานประจำจะได้ไม่รู้สึกเบื่ออย่างนี้
วันนี้ทิวาตื่นนอนสายกว่าทุกวันเพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนก็ปาไปเกือบจะตีหนึ่ง เขาลงมาทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่เลยเพราะเป็นเวลาทำงานของคนส่วนใหญ่
“วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอพ่อหนุ่ม” ป้าเจ้าของร้านทักทายอย่างเป็นกันเองเพราะตั้งแต่มาพักที่นี่เขาก็มาทานเป็นประจำทุกวัน
“วันนี้ว่างครับ”
“แล้วทำงานอะไรล่ะ ถึงได้ว่างแบบนี้” ขณะมือควงตะหลิวปากก็ชวนคุย
“ผมกำลังหางานอยู่ครับ”
“แย่หน่อยนะ ช่วงนี้งานการหายากเหลือเกิน”
“ครับป้า”
“เรียนจบอะไรมาเผื่อป้าแนะนำได้แถวนี้ป้ารู้จักคนเยอะ”
“บัญชีครับป้า”
“งานแบบนั้นแถวนี้ไม่มีหรอก จะมีก็แต่งานเสิร์ฟ เอ็งเห็นผับฝั่งตรงถนนใหญ่ไหม มันเพิ่งเปิดใหม่ ลองไปสมัครดูสิ เห็นว่ารับหลายคนเลย”
“จริงเหรอครับป้า”
“จริงสิ หลานชายป้าก็ไปสมัครมา แต่มันพูดภาษาปะกิตไม่เลยได้แค่ล้างจาน”
“ขอบคุณมากครับป้า เดี๋ยวผมจะลองไปสมัครดู”
แม้ไม่ชอบสถานที่แบบนั้นแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์พอทานข้าวเสร็จชายหนุ่มเลยรีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวและเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่ง
ไม่ใช่มีแค่เขาคนเดียวที่มาสมัครงานในวันนี้ เพราะตอนที่มาถึงก็มีคนรออยู่แล้วนับสิบคน เขาเดินไปหยิบใบสมัครและกรอกข้อมูลจนครบก็ไปยื่นที่โต๊ะซึ่งมีพนักงานหญิงคนหนึ่งรอรับอยู่
รอไปได้สักพักพนักงานคนเดิมก็เรียกให้เข้าไปในผับทีละคน
“จบบัญชี ทำไมมาสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟล่ะ” ผู้จัดการผับเป็นคนถาม
“ผมเบื่อตัวเลขครับ” เขาตอบตามตรง
“แต่เงินมันดีกว่านะ”
“พี่ไม่ได้บังคับ เอาเป็นว่าพี่รับเราในตำแหน่งเด็กเสิร์ฟแต่ถ้าพี่ไม่ว่างก็อยากมาช่วยแทนนิดหน่อยได้ไหม แล้วพี่จะให้พิเศษ”
“ครับ” เพราะไม่อยากเรื่องมากตั้งแต่ครั้งแรกเขาเลยตกลงไปอย่างนั้น ได้งานทำก็ยังดีกว่าปล่อยเวลาให้เสียไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย
“สะดวกมาเริ่มงานวันไหน”
“วันนี้ก็ได้ครับ”
“ร้านเปิดสี่ทุ่มถึงตีสอง ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เปิดสามทุ่ม เวลาเข้างานก่อนร้านเปิดชั่วโมงครึ่ง ทุกคนต้องมาช่วยกันทำความสะอาดร้าน ส่วนเวลาเลิกงานก็ตอนที่เคลียร์แขกหมดแล้ว สะดวกไหม ทำงานประจำหรือเปล่า”
“สะดวกครับ”
“งั้นเจอกันตอนเย็น ใส่กางเกงยีนนะ ส่วนเสื้อให้มาเปลี่ยนที่ร้าน ออกไปแล้วก็บอกพนักงานข้างหน้าว่าใส่เสื้อไซร์ไหน”
“ขอบคุณครับ”
ทิวาออกมาจากห้อง คนที่ต่อคิวอยู่ก็เดินสวนเข้าไป เขาแวะบอกไซร์เสื้อตามที่ผู้จัดการร้านบอก จากนั้นก็โทรตามพี่วินคนเดิมให้มารับ
ยังพอมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงก่อนจะเริ่มงาน ทิวาเลยมีโอกาสได้นอนพัก แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นมาอีกทีก็ตอนหกโมงเย็นเพราะเสียงไลน์
Kin : เรื่องงานไปถึงไหนแล้ว หวังว่าคงมีข่าวดีนะ ผมรอคุณเลี้ยงข้าวอยู่
เพราะยุ่งอยู่กับการสมัครงานทิวาเลยลืมว่าเคยบอกเขาว่าจะเลี้ยงข้าว แต่มันไม่ได้ผิดอะไรเพราะเขาเองก็เพิ่งจะได้งาน
Tiwa : เหมือนรู้เลย ผมเพิ่งได้งานวันนี้
Kin : เรื่องงานไปถึงไหนแล้ว หวังว่าคงมีข่าวดีนะ ผมรอคุณเลี้ยงข้าวอยู่นะ
Tiwa : เหมือนรู้เลย ผมเพิ่มได้งานวันนี้
Kin : จริงเหรอครับ ผมดีใจด้วย
Tiwa : ผมได้งานที่ ผับ***
Kin : ผมโทรหาได้ไหม
Tiwa : ครับ
ยังไม่ขึ้นว่าอ่านเมคินก็โทรเข้ามาแล้ว
เพราะหลายวันมานี้เขาได้แต่คุยกับตัวเอง พอมีคนโทรมาหาทิวาเลยเล่าเรื่องทุกอย่างอีกฝ่ายฟังเหมือนกับเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
“ผมขอโทษนะครับ ที่เอาแต่พูดถึงเรื่องของตัวเอง”
“ไม่เป็นไร”
“ถ้าผมจะนัดทานข้าวช่วงกลางวันคุณจะสะดวกหรือเปล่า”
“นี่คุณคิดว่าที่ผมติดต่อมาเพราะเรื่องทานข้าวเหรอ”
“ครับ” ทิวานึกไม่ออกว่านอกจากเรื่องนี้เขาจะติดต่อมาทำไม
“ผมไม่ได้เป็นคนเห็นแก่กินขนาดนั้น พอดีว่าพรุ่งนี้ผมจะไปสระบุรีเลยอยากจะถามคุณว่ารถคุณซ่อมเสร็จหรือยัง ผมจะได้แวะไปเอาให้”
“ผมขายไปแล้ว”
“ขายไปแล้ว” เมคินทวนซ้ำ
“ครับขายไปแล้ว ผมมาอยู่กรุงเทพไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถ อีกอย่างมันก็เก่ามาแล้ว ถึงจะซ่อมไปผมก็ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีมันจะเสียตรงไหนอีก”
“มันก็จริง ผมรบกวนคุณนานแล้วคงต้องวางสายก่อน”
“ครับ”
พอวางสายแล้วทิวาก็อาบน้ำ ทานข้าวเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน
เขามาถึงที่ทำงานเป็นคนที่สองรองจากผู้จัดการร้าน
“สวัสดีครับพี่”
“สวัสดี ชื่ออะไรนะ”
“ทิวาครับ พี่เรียนผมทิวก็ได้”
“ทิว ชื่อเพราะดี พี่ชื่อวศินเรียนพี่ศินก็ได้ มาก่อนคนอื่นเลยตื่นเต้นเหรอ”
“นิดหน่อยครับพี่”
“เดี๋ยวพอคนอื่นมาก็จเริ่มทำความสะอาด ระหว่างรอเพื่อน มาเรียนรู้งานกับพี่ก่อนไหม”
“ได้ครับ”
ทิวาเดินอ้อมเข้าในเคาน์เตอร์ซึ่งมีเครื่องดื่มจำนวนมากเรียงรายกันอยู่ พี่วศินให้เขาดูเมนูเครื่องดื่มที่ต้องแนะนำลูกค้า จากนั้นก็สอนให้เขาใช้เครื่องคิดเงิน
ชายหนุ่มยืนอยู่หน้าเครื่องคิดเงินโดยมีวศินยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง เขายืนชิดจนทิวารู้สึกถึงลงหายใจที่รดต้นขอ
“พี่ศินครับ ผมพอจำได้แล้ว”
“แน่จะ ไหนลองทำให้พี่ดูอีกทีสิ” เขายื่นหน้ามาใกล้จนได้กลิ่นบุหรี่จางๆ
ทิวารู้สึกว่าผู้จัดการร้านยืนชิดเขาจนเกินไป ชายหนุ่มจึงย่อตัวลงแล้วออกจากอ้อมแขนที่กักเขาไว้
“ทำไมล่ะ ไม่อยากเรียนรู้เหรอ พี่บอกแล้วถ้าช่วยพี่ตรงนี้จะได้เงินพิเศษ”
“ครับพี่ แต่ผมได้ยินเสียงคนอื่นมากันแล้ว ผมออกไปรอดีกว่าครับ”
ประตูหน้าร้านเปิดเข้ามาพร้อมกับทิวาที่ออกมายืนหน้าเคาน์เตอร์พอดี ทุกคนทักทายผู้จัดการร้าน แนะนำตัวคร่าวๆจากนั้นก็ช่วยกันทำความสะอาด
“ทิว นายมาทำวันแรกเหรอ” นวพลหรือพล เข้ามาถามขณะที่เขานั่งพักเหนื่อย
“อือ”
“แต่ก่อนเคยทำที่ไหน”
“ไม่เคย นายล่ะ”
“เราเคยทำที่*** แต่ที่นี่จ่ายดีกว่าก็เลยลองมาทำ”
“แล้วดีกว่าจริงไหม”
“จริงสิ ทิปเยอะด้วย”
ทิวาพยักหน้า แม้จะไม่ใช่งานที่ตั้งใจทำในคราแรก แต่เมื่อมีงานอะไรเข้ามาเขาก็ต้องคว้าไว้ก่อน