บท
ตั้งค่า

12 การยอมรับของครอบครัว

ครบหนึ่งเดือนแล้วกับการมาทำงานของทิวา ชายหนุ่มเรียนรู้งานได้เร็วจนฉัตรภพไม่มีอะไรจะต้องแนะนำอีกแล้ว

ตอนนี้เวลาออกไปพบลูกค้านอกบริษัทเมคินจะพาทิวาไปด้วยทุกครั้งยกเว้นต้องไปเซ็นสัญญาหรือมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องจึงจะให้ฉัตรภพตามไปด้วย

“ทิว เย็นนี้พี่จะไปกินข้าวกับที่บ้านจะไปด้วยกันไหม”

“ไม่ดีกว่าครับ”

ทิวาเคยไปที่บ้านของเมคินมาแล้วครั้งหนึ่งทุกคนให้การต้อนรับและพูดคุยอย่างเป็นกันเองทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเหมือนตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่ที่ไม่ยอมไปกับเมคินวันนี้เพราะมีเขามีอย่างอื่นที่ต้องทำ

“แล้วจะไปกินข้าวที่ไหน”

“ก็ร้านใต้คอนโดนั่นแหละครับ พี่คินจะค้างที่นั่นไหม”

“ยังไม่แน่ใจ นายอยู่คนเดียวได้ไหม”

“พี่ผมอายุ 25 แล้วนะครับไม่ใช่เด็กๆ แล้ว”

“อ้าวเหรอก็พี่เห็นนายยังชอบดูการ์ตูนอยู่เลย ก็นึกว่ายังไม่โต”

“พี่เองก็ดูอย่ามาว่าแต่ผม รีบไปสิครับเดี๋ยวคุณแม่ก็รอนานหรอก”

“ไม่ไปด้วยแน่นะ”

“ไม่ครับ วันนี้ผมจะไปฟิตเนส”

“พี่ฟังไม่ผิดใช่ไหม” เพราะมีหลายครั้งที่เขาชวนทิวาไปออกกำลังกายด้วยแต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยไปด้วยสักครั้ง

“ไม่ผิด ต่อไปนี้ผมจะออกกำลังกาย”

“งั้นพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องทำอาหาร ไปวิ่งกับพี่” เป็นอีกเรื่องที่เมคินอยากทำร่วมกับทิวา มันคงดีถ้าเขาได้วิ่งเคียงข้างกันท่ามกลางบรรยากาศที่สดชื่นยามเช้า

“ก็ได้ครับ”

“นายมีรองเท้าวิ่งไหม”

“มีครับ ก็พี่นั่นแหละซื้อให้ผม” ไม่ใช่แค่รองเท้าแต่ยังมีชุดสำหรับใส่วิ่งอีกสองชุด ซึ่งเทิวาไม่เคยหยิบมาสวมเลยสักครั้ง

“พี่ลืมไปเลย” เมคินหัวเราะ

”พี่รีบไปเถอะ รถมันติดกว่าจะถึงบ้านก็คงอีกนานนะครับ”

“ให้พี่ไปส่งก่อนไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งรถฟ้าไปง่ายกว่าครับ พี่จะได้ไม่เสียเวลา”

บ้านโอภาสธนรัตน์

“คุณเมคินมาแล้ว เตรียมตั้งโต๊ะเลยไหมคะคุณท่าน”

แม่น้อมแม่บ้านวัย 55 ปีถามเจ้าของบ้านซึ่งนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก

“อีกสักครึ่งชั่วโมงก็ได้” เมฆาบอก

เมฆาไม่ค่อยเจอกับลูกชายบ่อยนักเพราะตอนนี้เขาไม่ค่อยเข้าบริษัทนอกจากจะมีประชุมใหญ่แล้วเมคินก็ไม่ค่อยกลับมานอนที่บ้าน

“สวัสดีครับพ่อ แม่รอผมนานไหม”

“อือ นั่งก่อนเดี๋ยวค่อยกินข้าว พ่อมีเรื่องจะถาม”

“ครับพ่อ”

“ทิวาไม่มาด้วยเหรอ” จีรญามองตามหลังลูกชายแต่ก็ไม่เห็นแม้เงาของอีกคน

“ไม่ครับ”

“พ่อมีอะไรกับทิวาหรือเปล่า”

“ไม่มีหรอก แต่ได้ยินข่าวมาว่าลูกกับเลขาตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋”

“ไม่เห็นแปลกนี่ครับ เขาเป็นเลขาผม”

“แม่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ร้อนตัวนะ”

จีรญายิ้มอย่างรู้ทัน แค่เห็นสีหน้าและแววตาของลูกชายเธอก็พอจะเดาออกว่าตอนนี้เมคินมีความสุขมากแค่ไหน

“พ่อคุยกับภพเมื่อวาน ภพบอกว่าทิวาทำงานดีมาก ช่วยคินได้หลายเรื่องเลยใช่ไหม”

“ครับพ่อ แต่ผมว่าคงไม่ใช่แค่เรื่องงานใช่ไหม”

“แล้วคินคิดว่ายังไงล่ะ จะคบหากันพ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไรนะ”

“ผมไม่ได้คิดไกลขนาดนั้นครับ แค่ตอนนี้ทำงานเข้าขากัน” ปากบอกว่าแค่นั้นแต่ในใจก็ตรงกันข้าม

“แม่ไม่ได้ห้ามนะ เพราะทิวาเป็นเด็กดีขยัน แต่คินต้องแน่ใจด้วยว่าเขารู้สึกและคิดยังไงกับคิน”

“ผมไม่รู้ครับ ทิวาดูยาก”

“อยู่คอนโดเดียวกันยังดูไม่ออกอีกเหรอ” คนเป็นแม่ถาม

“ผมไม่ค่อยแน่ใจ”

“ถ้าทิวาไม่ใช่แบบที่ลูกคิด จะเสียใจไหม”

“ก็คงเสียใจครับ”

“พ่อว่าเรื่องนี้คินต้องพูดกับทิวาตรงๆ นะ ถ้ามารู้ทีหลังเกิดผิดใจกันลาออกไปอีกทีนี้ใครจะช่วยงาน”

“ที่แท้พ่อก็ห่วงเรื่องงาน ผมนึกว่าห่วงผม” เมคินหัวเราะ

“พ่อแม่ก็ต้องห่วงลูกนั่นแหละ แต่ถ้าวันหนึ่งทิวาลาออกพ่อก็นึกเสียดายนะ”

“ผมก็ไม่อยากเป็นอย่างนั้น บางทีผมอาจบอกเขาว่ารู้สึกยังไง ถ้าเขาไม่ยอมรับไมตรีที่ผมยื่นให้ เขาจะลาออกหรือทำงานต่อผมก็ไม่ว่า”

“ดูลูกแม่ไม่ค่อยมั่นใจเลย”

“ไม่รู้สิครับ ทิวาไม่เหมือนคนอื่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจครับ แต่บางครั้งก็เหมือนเด็กเหมือนเป็นน้องชาย”

“ถ้าทิวาไม่คิดอะไรกับลูก ก็ขอให้คิดว่าคือน้องชายจะได้ไม่ต้องเจ็บมาก” คนเป็นแม่บอก

“ก็คงอย่างนั้นแหละครับแม่”

“ผมดีใจที่พ่อกับแม่ไม่โกรธผม”

“เรื่องอะไร”

“ก็เรื่องที่ผมไม่เป็นเหมือนคนอื่น ผมเป็นลูกชายคนเดียว แต่กลับเป็นแบบนี้”

เรื่องนี้เคยคุยกันหลายครั้งแล้ว เขาเสียใจที่ไม่สามารถรักหรือชอบผู้หญิงได้ และมันก็น่าเสียดายถ้าครอบครัวของเขาจะไม่มีผู้สืบสกุล

“ยังคิดมากอีกเหรอ พ่อไม่ติดใจอะไรแล้ว ยังไงคินก็คือลูกของพ่อกับแม่”

“แม่ยอมรับว่ากว่าจะทำใจกับเรื่องนี้ได้ก็นาน แต่ถ้าแม่บังคับคนที่ไม่มีความสุขก็คือลูกของแม่ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทนเห็นลูกเป็นทุกข์เพราะตัวเองได้หรอกนะคิน”

“พ่อกับแม่คิดว่าถ้าคนอื่นรู้ จะเป็นยังไง”

“คนอื่นก็คือคนอื่น พ่อกับแม่ไม่สนใจ” เมฆาย้ำอีกครั้ง

“ผมโชคดีที่พ่อกับแม่เข้าใจผม”

“แม่ก็ดีใจที่คินบอกกับพ่อแม่ตรงๆ ถ้าคินไม่บอก พวกเราก็คงไม่มีทางรู้ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่บังคับลูกให้แต่งงาน”

“ถ้าพ่อกับแม่บังคับผมจริงๆ ผมก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกครับ” เพราะเมคินรักทั้งสองคนมาก และคงไม่กล้าขัดใจ

“แต่คินก็จะไม่มีความสุข แม่ไม่ยอมหรอกนะ”

“ผมอยากให้ทุกครอบอครัวยอมรับเหมือนพ่อกับแม่”

“มันก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปนั่นแหละคิน บางครอบครัวก็อาจมีเหตุผลที่ไม่อาจยอมรับได้”

“ผมถึงบอกไงครับ ว่าผมโชคดีมาก”

“แม่ก็โชคดีที่เราเปิดใจคุยกันแต่แรก”

“ไปกินข้าวกันดีไหม จะได้รีบกลับ” จีรญารู้ว่ายังไงลูกชายก็คงไม่ค้างที่นี่

เมคินทานอาหารเย็นเสร็จแล้วก็นั่งคุยกับพ่อและแม่อีกพักใหญ่ กะว่าถึงคอนโดทิวาคงนอนไปแล้ว คืนนี้เขายังไม่อยากคุยกับชายหนุ่มเพราะอยากทบทวนความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel