11 งานใหม่ชุดใหม่
ทิวาขับรถมารับเจ้านายที่หน้าบริษัท เมคินเดินออกมาพอดีเขาเปิดประตูรถเข้าไปนั่งคู่กับคนขับอย่างรวดเร็ว
“บอสควรนั่งข้างหลังนะครับ” ทิวาบอกอย่างสุภาพ
เมคินหัวเราะแล้วคาดเข็มขัดนิรภัย
“จะนั่งตรงไหนก็เหมือนกัน ออกรถได้แล้วพี่หิว”
“บอสจะไปร้านไหนครับ ผมไม่ค่อยรู้ทาง”
“ขับออกไปก่อน เดี๋ยวพี่บอกทางให้”
“แค่บอกมาก็ได้ เดี๋ยวผมขับถามGPSเอง”
“นายเชื่อ GPS มากกว่าพี่เหรอ”
“เปล่าครับ”
เมคินบอกให้ชายหนุ่มที่ควบตำแหน่งเลขาและคนขับรถจอดริมถนนแห่งหนึ่ง ถอดสูทออกพาดไว้กับเบาะรถ จากนั้นก็พาเดินลัดเลาะเข้ามาในซอยแคบๆ
“ร้านนี้เหรอครับ”
“อือร้านนี้แหละพี่กินตั้งแต่เรียนแล้ว ผัดซีอิ๊วร้านนี้อร่อยที่สุด ทิวจะกินอะไร เอาเมนูไหม” เมคินทำท่าจะเดินไปหยิบเมนูที่ว่างอยู่อีกโต๊ะ
“ไม่เป็นไรครับบอสเดี๋ยวผมไปหยิบเอง”
“อยู่นอกบริษัทไม่ต้องเรียกแบบนั้น”
“ครับ”
ทิวารับคำแล้วเดินไปสั่งอาหารกับแม่ค้า แวะหยิบน้ำเปล่าในตู้แช่มาสองขวด
“ไม่กินน้ำอัดลมเหรอ”
“ไม่ครับ พี่ล่ะ ผมหยิบตามความเคยชิน”
“น้ำเปล่านั่นแหละ”
ขากลับจากทานอาหารกลางวันเมคินเปลี่ยนมาเป็นคนขับ ทิวาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะไม่อยากขัดใจเขา
“เราเปลี่ยนร้านได้ไหมครับพี่คิน” ทิวามองราคาเสื้อเชิ้ตแต่ละตัวแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า มันคงไม่แพงสำหรับเมคิน แต่สำหรับเขาราคานี้ซื้อตามตลาดนัดได้ไม่ต่ำกว่า 5 ตัว
“จะเปลี่ยนก็ได้ แต่นายช่วยพี่เลือกหน่อยสิ”
“ครับ พี่คินชอบสีไหนครับ”
“ขาว น้ำตาล”
“ผมเห็นในตู้มีเยอะแยะ”
“นั่นเก่าแล้ว”
“ปกติพี่ทำยังไงกับเสื้อผ้าเก่าที่ไม่ใส่แล้ว”
“ก็เอาไปใส่กล่องที่บริษัท วันหลังพี่จะชี้ให้นายดู ถ้ามีอะไรที่ไม่ได้ใช้ และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นก็เอาไปใส่ในนั้นไว้”
“ดีเหมือนกันะครับ” ทิวาชื่นชมความคิดเขา เพราะเสื้อผ้าที่เมคินใส่แต่ละตัวยังดูใหม่มาก”
“แต่นายไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่นนะ เพราะนายใส่เสื้อพี่ไม่ได้หรอก”
“ผมรู้หรอกน่า” เพราะตัวเขาเล็กกว่าเมคินไปหนึ่งไซร์และส่วนสูงก็น้อยกว่า
“นายว่าตัวนี้สวยไหม” เมคินหยิบเชิ้ตสีฟ้าอ่อนให้เขาดู
“สวยครับ แต่ไม่เหมาะกับพี่”
“ทำไม”
“มันดูหวานไปนิด อย่างพี่คินต้องตัวนี้เลย”
ทิวาทาบเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าลงบนตัวเขา เมคินใจเต้นแรงจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน
“สวยดีนะ”
“เอาไหม แต่มันไม่ใช่สีที่พี่ชอบนะ”
“นายว่าไงล่ะ”
“ไม่รู้สิ ผมไม่ใช่คนใส่”
“นายชอบสีกรมเหรอ”
“เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าพี่ใส่สีนี้น่าจะหล่อดี”
“แล้วสีที่ใส่ตอนนี้ไม่หล่อเหรอ”
“หล่อสิ พี่คินใส่อะไรก็หล่อทั้งนั้นแหละ” พอชมเขาแล้วทิวาก็เขินตัวเอง จึงรีบเดินไปเลือกเนกไทที่อยู่อีกมุม
ระหว่างที่ทิวากำลังเลือกเนกไท ชายหนุ่มก็เลือกเสื้อเชิ้ตส่งให้พนักงานอีกหลายตัว
“พี่คิน จะซื้ออะไรอีกไหมครับ”
“ร้านนั้นไง”
เมคินเดินนำไปยังร้านสูทสำเร็จ ปกติตัวเองจะใส่แต่สูทสั่งตัดจากร้านประจำแต่เพราะรอไม่ได้เขาเลยต้องมาใช้บริการที่นี่
“พี่คินครับ ผมว่ามันเยอะไปแล้วนะครับ”
“เยอะที่ไหน นายต้องไปทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์นะ พี่จะให้เลขาใส่สูทชุดเดิมไปทำงานได้ยังไง”
“ผมจะค่อยๆ ผ่อนจ่ายให้พี่”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่เอาไปเบิกบริษัทก็ได้”
“เบิกเหรอครับ”
“อือ ทำไม”
“นั่นยิ่งแย่ไปใหญ่เลยนะ เพราะเท่ากับผมเอาเปรียบบริษัท”
“งั้นนายผ่อนกับพี่”
“ครับ” เพราะยังไงเขาก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว
เมคินนึกเอ็นดูทิวาเป็นอย่างมาก เพราะตลอดเวลาที่ซื้อของด้วยกันชายหนุ่มจะเอาแต่บ่นเรื่องราคาและความคุ้มค่า จนเขาต้องบอกเขารวยมากทิวาถึงเลิกบ่น
ทิวารับหน้าที่เขาของไปเก็บที่รถส่วนเมคินจะไปรอที่ร้านอาหารชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้า
พอเดินผ่านร้านนาฬิกาก็แวะเข้าไปดูก่อนจะเลือกเรือนที่ราคาไม่แพงมากเพราะรู้ว่าทิวาจะต้องบ่นแน่ถ้าเขาซื้อของแพงให้ เมคินไม่ใช่คนที่ชอบซื้ออะไรให้คนอื่น แต่เหตุผลที่ซื้อของให้ทิวาก็เพราะอยากให้เขาดูดีในสายตาคนอื่น การทำงานเป็นเลขาของรองประธานอย่างเขามักมีโอกาสได้ออกไปเจอผู้คนแทบทุกวัน การเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอจะทำให้ทิวามีความมั่นใจมากขึ้นและไม่รีบลาออกเหมือนคนอื่น
“อยากซื้ออะไรเพิ่มไหม”
“ไม่ล่ะครับ แค่นี้ก็ไม่รู้ต้องผ่อนกี่ปีถึงจะหมด” ทิวาบ่นไปเรื่อย เมคินบอกเขาว่าจะให้ผ่อนแค่เดือนละสองพันเพราะกลัวเขาจะไม่มีเงินไปใช่อย่างอื่น
“ขนมปังล่ะ หมดหรือยัง”
“เหลืออีกนิดหน่อยครับ จะซื้อไปเลยก็ได้”
เมคินเดินตามชายหนุ่มไปยังซูเปอร์ชั้นล่างสุดติดกับทางออก
“ปกติตอนเช้านายกินอะไร”
“ถ้าตื่นเช้าก็แซนด์วิช ขนมปัง ไข่ดาวหรือไม่ก็ข้าวต้ม ถ้าตื่นสายก็ข้าวราดแกง ส่วนพี่ผมว่าแค่กาแฟอย่างเดียว” เพราะเขาไม่เห็นอะไรในครัวของเขาเลย
“แค่นั้นก็อยู่ท้องแล้ว อีกอย่าตอน 10 โมงคุณวีณาก็หาของว่างมาให้อยู่ดัน่แหละ”
“จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอทำอาหารเช้าแบบง่ายๆ รับรองว่ากลิ่นไม่รบกวนแน่นอน”
“เอาสิ ว่าแต่นายจะทำอะไรล่ะ เอาง่ายๆ จะได้ไม่ต้องตื่นเช้า
“ครับ แค่ปังปิ้ง ไส้กรอก ไข่ดาว ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ”
“งั้นไปซื้อของกัน”
กว่าทั้งสองจะซื้อของเสร็จและกลับมาถึงคอนโดก็เกือบสองทุ่ม เมคินเรียกแม่บ้านประจำคอนโดให้รีบมาเอาผ้าไปซักเพราะอยากให้ทิวาได้ใส่พรุ่งนี้
“พี่คินครับ ผมขอคุยด้วยได้ไหม” ทิวาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็มานั่งบนโซฟาตัวเล็กที่กั้นระหว่างโต๊ะทำงานของเมคินกับเตียงนอนของเขา
“อือ ว่ามาสิ”
“ชุดที่ผมใส่วันนี้มันแย่มากเลยเหรอครับ” เป็นครั้งแรกที่ทิวารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น”
“ก็พี่นั่นแหละ”
เป็นครั้งแรกที่ทิวาแสดงสีหน้าและท่าทางไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก เมคินเห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์แบบพกพาแล้วเดินอ้อมมานั่งข้างๆ ทิวา
“ชุดที่นายใส่มันไม่ได้แย่ เพียงแต่พี่อยากให้นายใส่อะไรที่มันเหมาะกับนาย”
“ยังไง”
“นายเป็นคนหน้าตาดี บุคลิกดี อีกอย่างเราจะได้ใส่เหมือนกันไง”
“ใส่เหมือน ทำไมต้องใส่เหมือนด้วย พี่หน้าตาดี หุ่นดีขนาดนี้แล้วให้ผมใส่เหมือนพี่ นี่มันฆ่ากันชัดๆ”
“พี่ไม่เข้าใจ”
“ก็เวลาผมเดินไปกับพี่จะมีใครมองผมไหมล่ะ”
“กลัวสาวๆ ไม่มอง”
“มันไม่ใช่แบบนั้น คือพี่ลองนึกภาพดูนะคนสองคนแต่งตัวเหมือนกันทุกอย่าง อีกคนสูงหุ่นดีหล่อเข้ม อีกคนตัวเล็กหน้าจืดอย่างกับคนอมโรค”
คำพูดของทิวาทำเอาเมคินหัวเราะลั่นห้อง
“แค่นึกภาพพี่คินยังหัวเราะลั่น”
“นายก็พูดเกินจริง นายเองก็หล่อ แต่มันคนละแบบกับพี่จะเปรียบเทียบแบบนั้นทำไม จำไม่ได้เหรอครั้งแรกที่พี่เจอนายแล้วเข้าไปทักก็เพราะใบหน้าหล่อสไตล์เกาหลีของนายนั่นแหละ”
ทิวาพยักหน้าเข้าใจ เพราะมีหลายคนที่บอกว่าเขาหน้าออกไปแนวเกาหลี แต่เขารู้สึกไม่ชอบใจเลย เพราะมันทำให้เขาคิดว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นลูกครึ่งอะไรกันแน่
“เอาล่ะ พี่จะนอนแล้วนายก็ควรรีบเข้านอนพรุ่งนี้จะตื่นมาทำอาหารเช้าไม่ใช่เหรอ”
“ครับพี่”
“พี่สัญญาเลยก่อนแต่งตัวทุกวันพี่จะดูก่อนว่านายใส่ชุดไหนจะได้ไม่ใส่เหมือนกันโอเคไหม”
“โอเคครับ”
ทิวายิ้มออก เขาเดินไปส่งเมคินที่ประตูห้อง จากนั้นปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอน การได้คุยกับใครสักคนก่อนนอนมันทำให้เขารู้สึกดีจนเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว