บทที่ 4 ตักเตือน
บทที่ 4
ตักเตือน
ถ้าคิดจะทวงคืนชีวิตห้าปีที่เสียไป ก่อนอื่นก็ต้องทำให้เฝิงเจี้ยนไม่มายุ่งกับนางอีก
หลี่หงหลินจึงนำของขวัญที่เฝิงเจี้ยนเคยมอบให้คืนกลับไปทุกชิ้น จากนั้นก็เว้นระยะห่าง
อย่างไรก็ตาม หลี่หงหลินรู้ว่าการตัดความสัมพันธ์กับเฝิงเจี้ยนไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น คนรักศักดิ์ศรีอย่างเฝิงเจี้ยนต้องวางแผนอะไรสักอย่างเพื่อให้นางกลับไปเป็นหลี่หงหลินที่หัวอ่อนเชื่อฟังเหมือนเดิม
เป็นอย่างที่คิด เฝิงเจี้ยนหันมาตอแยหลี่หงหลินด้วยการปรากฏตัวในที่ที่นางอยู่ หนำซ้ำยังซื้อข้าวของที่แพงกว่าเดิมมาให้ แต่นางก็ปฏิเสธกลับไปทุกครั้ง
‘หูซู่อิง’ ฮูหยินเอกของเฝิงเฉา บิดาของเฝิงเจี้ยน เมื่อรู้เรื่องที่หลี่หงหลินเมินบุตรชายคนโตหัวแก้วหัวแหวนก็ทนไม่ไหว ถึงขั้นส่งคนมาตักเตือนหลี่หงหลินถึงคฤหาสน์
พ่อบ้านเพ่ยเป็นคนของหูซู่อิง มาเยือนคฤหาสน์ตระกูลหลี่พร้อมกับกล่องใส่เครื่องประดับ
หลังจากหลี่หงหลินออกมารับแขก พ่อบ้านเพ่ยก็ยื่นของในมือให้
“เครื่องประดับในกล่องนี้คือปิ่นหยกลายกุ้ยฮวาจากร้านจินอี๋ แค่ชื่อร้านก็รับรองคุณภาพและราคา ไม่ต้องพูดเลยว่า เฝิงฮูหยินเลือกเครื่องประดับชิ้นนี้ให้กับคุณหนูหลี่ด้วยตนเอง คุณหนูหลี่คิดว่าอย่างไร”
พ่อบ้านเพ่ยอธิบาย และแกล้งหยั่งถามในตอนท้าย
หลี่หงหลินเลิกคิ้วมุ่น
หากเป็นหลี่หงหลินคนโง่ คงดีใจกับเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่หูซู่อิงเจียดมาใช้กับนาง
แต่...
นางไม่ใช่หลี่หงหลินคนก่อน ของแค่นี้ล่อให้ติดกับดักไม่ได้หรอก
หลี่หงหลินไม่เพียงไม่รับกล่องเครื่องประดับ ยังตอบด้วยหน้านิ่งๆ
“ไม่มีความเห็น”
พ่อบ้านเพ่ยหน้าเปลี่ยนสี แต่อึดใจต่อมาก็เก็บสีหน้าเป็นปกติ
“คิดแล้วเชียวว่าคุณหนูหลี่หงหลินต้องตอบเช่นนี้ เฝิงฮูหยินยังให้บ่าวนำคำมาบอก ‘ต่อให้เป็นคุณหนูหลี่ ใช่ว่าอยากทำอะไรก็ทำแบบไม่สนหัวหงอกหัวดำ ก่อนทำควรใคร่ครวญให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเสียใจทีหลัง’ ขอรับ”
“เช่นนั้นก็กลับไปบอกฮูหยินของเจ้าว่า ‘ข้าเข้าใจแล้ว’ “
“ค...คุณหนูหลี่...ไม่ลองคิด...ห...ให้ดีก่อนหรือ คุณหนูไม่สนใจคุณชายใหญ่แล้วหรือ”
พ่อบ้านเพ่ยแปลกใจกับท่าทีนิ่งเฉยของหลี่หงหลินจนพูดติดอ่าง
หลี่หงหลินชอบเฝิงเจี้ยนขนาดไหนผู้คนในเมืองเจียงไฉ่ต่างรู้กันดี เพื่อครองใจเฝิงเจี้ยนแล้ว หลี่หงหลินพยายามเอาอกเอาใจตระกูลเฝิงจนแทบไร้ศักดิ์ศรี แต่สตรีตรงหน้าเหมือนไม่ใช่หลี่หงหลินคนเดิม ถึงจะทำตัวก้าวร้าว หากกลับสุขุมเยือกเย็น และยิ่งไม่เหมือนคนที่ปฏิเสธเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“ส่งแขกด้วย”
หลี่หงหลินไม่อยากเสียเวลา สั่งให้บ่าวรับใช้แถวๆ นั้นออกมาส่งแขกทันที
“ดะ เดี๋ยว...คุณหนูหลี่ แล้วของขวัญ...”
หลี่หงหลินไม่แม้จะปรายตามองพ่อบ้านเพ่ย แล้วนางจะสนใจกล่องของขวัญนั่นไปทำไม
พ่อบ้านเพ่ยถูกบ่าวรับใช้ทั้งดันทั้งผลักไปตามถนน กระทั่งรู้ว่าตื้อต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ พ่อบ้านชราจึงยอมขึ้นรถม้ากลับคฤหาสน์ตระกูลเฝิงแต่โดยดี
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”
หลี่อันเล่อกลับมาเห็นเหตุการณ์ตอนท้ายพอดีจึงเอ่ยถาม
หลี่หงหลินที่หมุนปลายเท้าเตรียมกลับเข้าคฤหาสน์หยุดชะงัก หันมายิ้มหวานให้กับบิดา “ท่านพ่อกลับมาแล้ว!” จากนั้นก็พยักเพยิดศีรษะเล็กน้อยให้กับฉิงฉีเป็นการทักทาย
ฉิงฉีมองหลี่หงหลินเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้พูดออกมาเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณหนู
“แล้วเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกัน” หลี่อันเล่อไม่รู้เหตุการณ์ แต่ดูจากบรรยากาศแล้ว เหมือนบุตรสาวจะมีปัญหาจึงถามซ้ำด้วยความเป็นห่วง
หลี่หงหลินยิ้มไร้เดียงสาตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ”
“คนเมื่อครู่คือพ่อบ้านเพ่ยจากตระกูลเฝิงไม่ใช่หรือ เกี่ยวกับข่าวลือในช่วงนี้หรือไม่” ท่านพ่อไม่วายสงสัย
“ข่าวลือหรือเจ้าคะ”
“ข่าวลือที่ว่าเจ้าทำตัวไร้มารยาทกับเฝิงเจี้ยน”
“อ้อ”
เหมือนจะมีเรื่องแบบนั้นด้วย หลี่หงหลินคิด ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจนัก นางปั้นยิ้มแล้วกอดแขนของบิดา
“ท่านพ่อเชื่อข่าวลือนั้นหรือ”
“เหลวไหล! พ่อไม่เชื่อข่าวลือพวกนั้นแน่นอนอยู่แล้ว” หลี่อันเล่อพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ตนรู้จักบุตรสาวดี หากหลี่หงหลินเสียมารยาทกับเฝิงเจี้ยนจริง นั่นย่อมมีเหตุผล
เห็นบิดาเข้าข้าง และไม่ได้พยายามซักไซ้ หลี่หงหลินยิ้มจนเห็นฟันขาวสะอาด ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“ทำไมวันนี้ท่านพ่อกลับเย็นนักเจ้าคะ”
“ร้านผ้าตระกูลหลี่สาขาเมืองหลวงส่งข่าวมาบอกว่ามีผ้าไหมไม่พอ เลยจะขอแบ่งซื้อจากสาขาเมืองเจียงไฉ่ พ่ออยู่ที่ร้านเย็นเพราะนับสินค้าที่คลังเพลินไปหน่อย”
กิจการผ้าไหมของตระกูลหลี่รุ่งเรืองมากขึ้นทุกๆ ปี หลี่กุ้ยเฟยหวังใช้ผลประโยชน์ตรงนี้มาเป็นเงื่อนไขในการหมั้นระหว่างหลี่หงหลินกับเฝิงเจี้ยน หวังใช้การเกี่ยวดองของหลานสาวดึงเฝิงซื่อเข้าเป็นพวก
ตระกูลหลี่มีเงินทอง ตระกูลเฝิงมีเส้นสายมากมาย
หารู้ไม่ ตระกูลเฝิงเป็นคนของอ๋องฉี ‘เซวียนฟานฉี’ มานานแล้ว เมื่ออ๋องฉีตักตวงผลประโยชน์จากตระกูลหลี่จนสิ้นเนื้อประดาตัว ทางนั้นก็ทำครอบครัวของหลี่หงหลินเหมือนผ้าขี้ริ้วเก่าที่ใช้แล้วทิ้ง
ชาติก่อน หลี่หงหลินโง่เขลาไม่ทันคิด แต่หลังจากกลายเป็นวิญญาณ เฝิงเจี้ยนกับเฉียวฮวาจูมักมาเยาะเย้ยใส่นางถึงหน้าโลงศพ เผยความลับหลายอย่างเชียวละ
เอาเป็นว่า หลี่หงหลินสลัดชีวิตในชาติก่อนออกจากหัว คิดถึงเรื่องปัจจุบันก็พอ
“ท่านพ่อคงเหนื่อยแล้ว เข้าบ้านก่อนเถิด” หลี่หงหลินแย้มยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติขณะเปลี่ยนเรื่อง
หลี่อันเล่อพยักเบาๆ ให้กับบุตรสาว ก่อนทั้งคู่จะเดินเข้าไปในคฤหาสน์