บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ขอทีเถอะ เลิกยุ่งกับข้าได้แล้ว

บทที่ 3

ขอทีเถอะ เลิกยุ่งกับข้าได้แล้ว

หลี่หงหลินไม่ได้ออกไปไหนทั้งวันกระทั่งล่วงเลยมาถึงช่วงเย็น เวลานั้น ฉิงฉีกลับมาจากข้างนอกพอดี

“คุณหนูขอรับ”

“สืบได้ความแล้วหรือ”

หัวหน้าองครักษ์พยักหน้าทีหนึ่งก่อนจะรายงาน “ช่วงเช้าคุณชายเฝิงเจี้ยนนัดพบคุณหนูเฉียวฮวาจูที่โรงเตี๊ยมตระกูลซู ช่วงบ่ายออกไปนั่งเรือเล่น แยกย้ายกันเมื่อครู่นี้เอง”

“ท่าทางของพวกเขาล่ะ” นางกำหมัดแน่นขณะถาม

“อิงแอบแนบชิดอย่างสนิทสนม”

หลี่หงหลินไม่ได้ตอบกลับ นางกำหมัดและคลายอยู่หลายครั้งจนใจเย็นลง

‘เฝิงเจี้ยน’ คือลูกชายคนโตของเฝิงเฉา ขุนนางท้องถิ่นแห่งเมืองเจียงไฉ่ ชายคนนั้นหน้าตาดี ฐานะดี นิสัยอ่อนโยน นับเป็นสุภาพบุรุษที่สตรีมากมายต่างหลงใหลหมายปอง

ทว่า...นั่นก็เป็นก่อนที่หลี่หงหลินจะรู้จักเนื้อแท้ของขยะชิ้นนั้น

‘เฉียวฮวาจู’ แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นหญิงงาม แต่ก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากไปกว่าหลี่หงหลิน ตระกูลเฉียวทำการค้าเล็กๆ ปกติทั้งสองจะไม่ค่อยได้พบกันเป็นการส่วนตัว เพราะหลี่หงหลินจะคอยกรีดกันพวกเขา อีกอย่างเฝิงเจี้ยนจะเลือกหลี่หงหลินก่อนเฉียวฮวาจูเสมอ เรียกได้ว่าถ้ามีหลี่หงหลิน เฉียวฮวาจูก็ไม่แทบไม่มีบทบาท

ในชาติก่อน หลังจากตายแล้วกลายเป็นวิญญาณ หลี่หงหลินจึงได้รู้ความจริง เฝิงเจี้ยนกับเฉียวฮวาจูลอบคบหากันมานานแล้ว

เหตุใดตอนนั้นนางถึงไม่ได้เอะใจ หลงใหลได้ปลื้มที่เฝิงเจี้ยนทำดีกับนาง ไม่ใช่เฉียวฮวาจู

“ขอบคุณท่านมาก” นางกล่าวขอบคุณฉิงฉี

“เป็นหน้าที่ของข้าขอรับ”

ฉิงฉีซื่อสัตย์ต่อท่านพ่อ งานสืบเล็กๆ ของเด็กน้อยอย่างนางไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง แต่ก็ไม่ใช่งานที่หัวหน้าองครักษ์อย่างเขาจะทำ แต่นางไว้ใจฉิงฉีจึงได้ไหว้วาน

ตั้งแต่รู้ความจริงว่าเฝิงเจี้ยนจับปลาสองมือ หลี่หงหลินก็ไม่ได้ตามตอแยเฝิงเจี้ยนเป็นหลายวัน อีกอย่าง ช่วงนี้นางยุ่งอยู่กับการรวบรวมข้อมูลและสิ่งของ

หลังจากนั้น ฉิงฉีก็ตามสืบอีกหน่อย ถึงได้รู้ว่าโรงเตี้ยมตระกูลซูได้รับเงินสนับสนุนจากตระกูลเฝิง ที่นี่จึงถือเป็นเส้นสายอีกแห่งของตระกูลเฝิง การที่เฝิงเจี้ยนกับเฉียวฮวาจูลักลอบพบกันที่นี่จึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครจับผิด

ราวๆ ห้าวันต่อมา หลี่หงหลินมายังโรงเตี๊ยมตระกูลซู สถานที่ที่เฝิงเจี้ยนกับเฉียวฮวาจูมักลักลอบมาพบกัน

หน้าห้องส่วนตัวริมสุดของทางเดิน เสียงหัวเราะต่อกระซิกดังมาจากข้างใน

หลี่หงหลินยิ้มมุมปากอย่างไร้อารมณ์ ก่อนมือเรียวจะยื่นไปเปิดประตู

ปฏิกิริยาของเฝิงเจี้ยนตอบสนองว่องไว ชั่วอึดใจที่ประตูเปิดออก เฝิงเจี้ยนผลักเฉียวฮวาจูออกจากตักให้ไปยืนข้างๆ ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในขณะที่เฉียวฮวาจูทำหน้างุนงง หลี่หงหลินมองเห็นทุกอย่าง

นางยิ้มบางๆ ก่อนจะเข้าไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามชายหนุ่ม

“ตกใจอะไรกันหรือ” หลี่หงหลินแกล้งถามด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ใจ

“ข้าไม่ยักรู้ว่าหงหลินจะมาทำธุระแถวนี้ ไม่เช่นนั้น...”

เฝิงเจี้ยนยังพูดไม่ทันจบ หลี่หงหลินกล่าวแทรก

“ไม่เช่นนั้นก็คงระวังตัวมากกว่านี้ ข้าพูดถูกหรือไม่”

เฝิงเจี้ยนอึ้งไปพักหนึ่ง คงไม่คิดว่าหลี่หงหลินที่แสนจะเชื่อฟังกล้าพูดแทรกอย่างนี้

อึดใจต่อมา เฝิงเจี้ยนตีหน้าซื่อแสร้งยิ้มละมุน

“เจ้าพูดเรื่องอะไร ข้าแค่จะบอกว่า ‘ไม่เช่นนั้นจะได้เตรียมของโปรดเอาไว้ให้เจ้า’ ต่างหากเล่า”

“อ้อใช่ ถ้ารู้ว่าเจ้ามา ข้ากับคุณชายเฝิงคงเตรียมของโปรดไว้ให้เจ้า แต่น่าเสียดาย อาหารบนโต๊ะนี่ มีแต่ของที่ข้าชอบ เจ้าเองคงไม่อยากกินของพวกนี้ด้วยสินะ เดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนเตรียมให้ใหม่”

เฉียวฮวาจูนั่งลงเก้าอี้ตัวข้างๆ เฝิงเจี้ยน พูดประโยคนั้นราวกับตั้งใจแสดงให้เห็นว่าเฝิงเจี้ยนโปรดปรานตนมากกว่า

“ไม่เลย ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้มากินเหลือพวกนี้ พวกเจ้าก็กินกันตามสบายเลย” หงหลินโบกมืออย่างไม่ถือสา

ท่าทีสบายๆ ของหลี่หงหลินกลับยิ่งทำให้เฉียวฮวาจูระแวง

“หมายความว่าอย่างไร”

หลี่หงหลินไม่ตอบ หากแค่นเสียงหัวเราะดัง “หึ”

ตอนนั้นเอง เฝิงเจี้ยนตัดบทด้วยคำถาม “ว่าแต่ หงหลินมาโรงเตี๊ยมตระกูลซูมีธุระอะไรหรือ”

“หากไม่มีธุระ ข้าจะมาไม่ได้หรือ” นางย้อนถาม

เฝิงเจี้ยนทำหน้าอึ้ง

หลี่หงหลินยิ้มบางแล้วกล่าวต่อ “ที่ข้ามาก็ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไร แค่จะเอาของมาคืนท่านน่ะ”

ครั้งนี้หลี่หงหลินก็พูดด้วยท่าทีสบายๆ มิหนำซ้ำ พอนางพูดจบ ฉิงฉีหัวหน้าองครักษ์ก็ยกกล่องของขวัญขนาดใหญ่เข้ามาวางบนโต๊ะ

ตึง!

“นั่นอะไรหรือ” เฝิงเจี้ยนขมวดคิ้วถาม

“ของขวัญทั้งหมดที่ท่านเคยมอบให้ข้า ข้านำมาคืน เมื่อครู่ข้าก็เพิ่งบอกไป หรือท่านไม่ได้ฟัง”

ได้ยินอย่างนั้น เฝิงเจี้ยนสูดหายใจลึกเหมือนกำลังอดทน

เฉียวฮวาจูกะพริบตาอึ้ง เพียงครู่ก็ปิดปากยิ้มๆ ไม่ว่าหลี่หงหลินต้องการจะทำอะไร แต่การที่นางเอาของที่เฝิงเจี้ยนเคยให้มาคืน ก็ไม่ต่างอะไรกับการหักหน้าฝ่ายชาย คิดหรือว่าเฝิงเจี้ยนจะยอม

เป็นอย่างที่เฉียวฮวาจูคิด เฝิงเจี้ยนยิ้มอย่างเยือกเย็นขณะปฏิเสธจะรับคืน

“ของที่ข้าเคยให้แล้ว ไม่คิดจะรับคืนหรอกนะ”

หลี่หงหลินแสร้งทำหน้าไขสือพลางบอก “ถ้าไม่รับคืนตอนนี้ เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนนำไปคืนถึงคฤหาสน์ตระกูลเฝิง”

เฝิงเจี้ยนหน้าซีด แบบนั้นจะยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่หรือ

เฉียวฮวาจูมองทั้งสองสลับกันไปมาจากนั้นยิ้มร้าย “ในที่สุดก็คิดได้ เราสองคนสู้กันเพื่อแย่งคุณชายเฝิง สุดท้ายเขาก็เลือกข้า การที่เจ้านำของขวัญพวกนี้มาคืน คงรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แต่ถอยตอนนี้ ดีกว่าถอยตอนที่สายไปแล้ว ข้านับถือความกล้าหาญของเจ้าจริงๆ หงหลิน”

“นั่นสินะ” หลี่หงหลินตอบรับสั้นๆ

เฉียวฮวาจูคิดว่าหลี่หงหลินยอมรับความพ่ายแพ้จึงยิ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

หารู้ไม่ เฝิงเจี้ยนเป็นชายประเภทหลงตัวเองขั้นสูง พอถูกสตรีเมินก็ยิ่งยอมรับไม่ได้

“หงหลิน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้คิดจะแต่งงานกับฮวาจูหรือกับหญิงอื่น พวกนางเข้าหาข้า ทั้งที่ข้าปฏิเสธมาตลอด”

ประโยคนั้นทำเอาเฉียวฮวาจูหน้าเสียและเริ่มเอะอะโวยวาย

“อะ...อะไร นั่นท่านกำลังพูดอะไร!”

“อย่างนั้นหรอกหรือ” หลี่หงหลินตอบพร้อมตีหน้าซื่อ

“หากการที่ข้าเจอกับฮวาจูที่โรงเตี๊ยมตระกูลซูทำให้หงหลินเข้าใจผิด เอาไว้ข้าจะส่งขวัญปลอบใจเจ้าทีหลัง” เฝิงเจี้ยนยังคงหน้าด้าน คิดว่าหลี่หงหลินแค่งอน

สายตาของหลี่หงหลินเยือกเย็นอย่างยิ่ง

“ไม่ต้องส่งอะไรมาให้ข้าแล้ว และข้าก็ไม่ได้เข้าใจผิด”

เฝิงเจี้ยนเลิกคิ้ว “จริงหรือ แต่ทำไมข้ารู้สึกเหมือนว่าเจ้าคุยกับข้าด้วยอารมณ์ล่ะ”

สองมือที่อยู่วางบนตักเริ่มกำหมัดแน่น

เฝิงเจี้ยนหน้าด้านเช่นนี้ทำไมที่ผ่านมานางไม่รู้สึกตัว เขามักจะใช้คำพูดเฉไฉทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูก น่ารังเกียจเสียจริง!

ก่อนที่หลี่หงหลินจะถูกปั่นหัวไปมากกว่า นางรีบตัดบทแล้วลุกขึ้น

“ยังไงก็เถอะ นับจากนี้อย่าได้ส่งอะไรมาอีก เพราะข้ากับท่านไม่มีอะไรให้ต้องเกี่ยวข้องกันอีก”

“หงหลิน เดี๋ยวก่อน!”

เฝิงเจี้ยนเรียกนางตามหลัง แต่นางไม่หันหน้ากลับไป

เวลานั้น เฉียวฮวาจูวิ่งมาดักหน้า มองหลี่หงหลินอย่างเคืองแค้น

“เก่งมาก เจ้าคิดแผนแบบนี้ได้อย่างไร”

“หลบไป”

“เจ้าแกล้งทำเป็นไม่สนใจเฝิงเจี้ยนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขาใช่หรือไม่”

ฟังแบบนี้ หลี่หงหลินอดจะพ่นยิ้มออกมาไม่ได้

“ยิ้มอะไร”

“ฮวาจู เจ้าอยากได้เขาก็เอาไปเถอะ”

พูดจบ ก็เดินเลี่ยงเฉียวฮวาจูออกมา

เฉียวฮวาจูมองตามหลังหลี่หงหลิน อึ้งงันจนพูดไม่ออก

“คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรนะขอรับ” ฉิงฉีถามหลี่หงหลินอย่างเป็นห่วง หลังจากเดินลงจากบันไดมา

“ท่านเห็นข้าเป็นอะไรหรือไม่ล่ะ” นางแกล้งย้อนถาม

“ไม่ขอรับ” ฉิงฉีตอบตามที่เห็น

ถูกต้อง หากหลี่หงหลินฉลาดก็ควรรีบตัดความสัมพันธ์กับเฝิงเจี้ยนตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่งูเห่าตัวนั้นจะแว้งกัดนางและครอบครัวของนาง

หลังจากย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปี หลี่หงหลินยังคงฝัน ความฝันครั้งนี้ ฉายภาพตอนที่ฉิงฉีตามสืบเรื่องอาการป่วยของท่านพ่อ แต่ไม่ทันได้รวบรวมหลักฐาน เขาก็ถูกลอบทำร้ายและเจ็บอย่างสาหัส

ดังนั้นครั้งนี้ หลี่หงหลินจะไม่ทำพลาดจนคนรอบข้างต้องเดือดนร้อนเพราะนางอีก

นางจะปกป้องมห้ได้!

ตอนเดินมาถึงหน้าประตูโรงเตี๊ยม เท้าในรองเท้าผ้าปักหยุดชะงักทันทีที่เห็นชายสองคนในเครื่องแบบทหาร

“มีอะไรหรือขอรับ” ฉิงฉีถาม

นางส่ายหน้าแล้วเดินต่อ

พวกเขาเป็นเพียงทหาร แต่ทำไมแค่เห็นเครื่องแบบก็ทำให้นึกถึงกู้ชิงหยวน

อีกอย่าง ทำไมสีหน้าเศร้าสร้อยของชายคนนั้นตอนที่มองหลุมศพนางติดอยู่ในความทรงจำของนางกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel