บทย่อ
‘หลี่หงหลิน’ ลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งหลังจากตัวเองได้ตายไปแล้ว นางย้อนกลับมาในอดีต เป็นช่วงก่อนที่จะแต่งงานกับ ‘ขยะเฝิงเจี้ยน’ แม้เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่สวรรค์กำลังให้โอกาส เพื่อนางจะได้แก้ไขอดีต ครั้งนี้…นางต้องช่วยทุกคนไว้ให้ได้ ครั้งนี้…นางจะไม่หงอให้กับใครอีกต่อไปแล้ว และ…ขยะแบบนั้น ข้าจะไม่มีวันเก็บขึ้นมาอีก!
บทที่ 1 คำสารภาพของขยะ
บทที่ 1
คำสารภาพของขยะ
รัชศกเซวียนหย่ง ปีที่ยี่สิบ
ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไรที่ ‘หลี่หงหลิน’ เดินหลงอยู่ในความมืดมิด
เมื่อนางได้พบแสงสว่างอีกครั้ง กลับเป็นตอนที่เห็นตัวเองนอนนิ่งอยู่ในโลงศพ ร่างกายแข็งทื่อและเย็นเฉียบ ริมฝีปากขาวซีด แน่ชัดว่านางได้ตายไปแล้ว มิหนำซ้ำยังตายท้องกลมอีกด้วย!
โลงศพถูกปิดลง
หลี่หงหลินมองร่างไร้วิญญาณของตัวเองด้วยความสับสนเป็นครั้งสุดท้าย
นางตายได้อย่างไรนะ
ความทรงจำสุดท้ายคือเจ็บท้องใกล้คลอด ระหว่างนอนร้องโอดโอยรอหมอมาทำคลอด หลี่หงหลินได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มห้อง หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดมิด
หลี่หงหลินคิดว่าตนหน้ามืดแล้วสลบไป แต่ความเป็นจริงนางหมดลมไปเฉยๆ รู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็นกลายเป็นวิญญาณนั่งมองป้ายชื่อและโลงศพของตัวเองอย่างเหม่อลอย
สาเหตุการตาย เพราะคลอดลูกยากอย่างนั้นหรือ
หลี่หงหลินครุ่นคิด
ในเวลานั้น เฝิงเจี้ยนเดินเข้ามาในห้อง แววตาของเขายามมองโลงศพเศร้าสร้อยเหลือจะทน
หลี่หงหลินกับเฝิงเจี้ยนแต่งงานกันมาได้ห้าปีจากการแนะนำของหลี่กุ้ยเฟย
ตลอดห้าปีมานี้ หลี่หงหลินแท้งลูกประมาณสามครั้ง แต่ละครั้งอายุครรภ์ไม่ถึงสองเดือน ในครั้งที่สี่ นางพยายามประคบประหงมเด็กในท้องอย่างดีที่สุด ด้วยหวังใจว่าต้องมีลูกกับสามีให้ได้สักคนหนึ่ง หากไม่คิดเลยว่าจะหมดลมหายใจก่อนหมอจะคลอดเขาออกมา
ตระกูลหลี่ทำการค้า ร่ำรวยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ภายหลังหลี่เจียวเมิ่ง บุตรสาวคนเล็กของตระกุลหลี่ถูกเลือกให้เป็นสนม นางไต่เต้าจากสนมเล็กๆ ขึ้นมาเป็นหลี่กุ้ยเฟย ผู้เฒ่าหลี่มอบผ้าไหมชั้นดีหลายพับ อันเป็นสินค้าขึ้นชื่อของตระกูลหลี่ให้กับหลี่กุ้ยเฟย ความงดงามของผ้าไหม รวมไปถึงลวดลายปักบนเนื้อผ้า พออยู่บนเรือนร่างอรชรของหลี่กุ้ยเฟย ชุดผ้าไหมนั้นยิ่งงดงามเด่นสะดุดตา
นับตั้งแต่นั้น ไม่เพียงผ้าไหมของตระกูลหลี่ขายดิบขายดี ยังโด่งดังไปทั่วแคล้น
ตระกูลหลี่ได้สิทธิ์ผูกขาดขายผ้าไหมกับวังหลวง การค้าจึงยิ่งรุ่งเรืองเฟื่องฟู
ว่าตามสัตย์จริง ลวดลายผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ถูกออกแบบจากความคิดของหลี่หงหลิน
เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่าให้หลี่กุ้ยเฟยใช้หลานสาวมาเป็นเครื่องมือในการดึงเฝิงซื่อ ราชครูของรัชทายาทมาเป็นพรรคพวก
อย่างไรเสีย สำหรับหลี่หงหลินเรื่องผลประโยชน์ของตระกูลไม่ได้สำคัญ เพราะนางชื่นชอบเฝิงเจี้ยนมานานแล้ว
เฝิงเจี้ยนทั้งหล่อเหลาและอ่อนโยน พอเห็นเขากำลังทุกข์ใจหน้าโลงศพ นางจึงรู้สึกเศร้าตามไปด้วย
วิญญาณของนางล่องลอยเข้าไปข้างๆ เฝิงเจี้ยนเพื่อปลอบ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อริมฝีปากของเฝิงเจี้ยนยกขึ้นแสยะยิ้ม สีหน้าสะเทือนอารมณ์เปลี่ยนเป็นเย็นชาไร้เยื่อใย
(อะไรกัน?)
“หงหลิน สมบัติของตระกูลหลี่เจ้าตอนนี้ไม่มีใครดูแล ข้าจะดูแลให้อย่างดีเลย ตายไปแล้วก็อย่ามายุ่งกับข้า อย่าแม้แต่จะมาเข้าฝัน”
(ห๊ะ!?)
หลี่หงหลินแปลกใจอย่างมาก
เฝิงเจี้ยนไม่เคยพูดกับนางด้วยท่าทีเย็นชาเช่นนี้
“หงหลิน เจ้าคงไม่รู้ว่าตอนนี้หลี่กุ้ยเฟยโกรธแค้นตัวไร้ประโยชน์อย่างเจ้ามากแค่ไหน ใช่ เจ้าไม่รู้หรอก เพราะเจ้าตายไปแล้ว หลังจากพ่อของเจ้าตาย นางก็คาดหวังกับเจ้าไว้สูง หวังให้หมากอย่างเจ้าสนับสนุนนางที่อยู่ในวัง แต่เจ้ากับพ่อของเจ้าโง่เขลาเกินไป ถูกวางยาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังไม่เอะใจ”
เฝิงเจี้ยนพูดพลางมองโลงศพด้วยสายตาสมเพช
วางยา?
นี่มันเรื่องอะไรกัน
ไม่ใช่แค่นาง แต่ท่านพ่อของนางก็ถูกวางยาด้วยหรือ
“ที่ผ่านมาข้าไม่เคยรักเจ้า ยิ่งไม่เคยคิดจะมีลูกกับเจ้าด้วยซ้ำ ในเมื่อเจ้าตายไปแล้ว วาสนาของเราตัดขาดนับตั้งแต่นี้ ตายไปแล้วก็อยู่ปรโลกอย่าได้มายุ่งกับข้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะให้นักพรตมาปัดรังควาน ไม่ให้เจ้าได้ผุดได้เกิด”
ความจริงที่เฝิงเจี้ยนสารภาพออกมานั้น หลี่หงหลินตกใจจนร่างวิญญาณถึงกับสั่น
นางต้องแท้งลูกครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นเพราะถูกสารเลวเฝิงเจี้ยนวางยานี่เอง
ท่านพ่อของนางที่แข็งแรงมาตลอด จู่ๆ ก็ป่วยกะทันหัน นั่นก็เพราะยาพิษของสารเลวเฝิงเจี้ยนด้วย
(ไอ้ชั่วสารเลว!)
“ท่านจะคุยกับศพของนางอีกนานแค่ไหน”
เสียงสตรีที่คุ้นจนไม่รู้จะคุ้นยังไงดังตรงหน้าประตู ก่อนร่างอรชรนั้นจะก้าวเข้ามาในห้องเก็บศพ
หลี่หงหลินทำหน้าตกใจรอบสอง
(นางแพศยาฮวาจู กล้าเข้ามาเยียบถึงบ้านข้าเชียวหรือ!)
เนื่องจากชอบผู้ชายคนเดียวกัน หลี่หงหลินกับเฉียวฮวาจูจึงเป็นอริกันมาตั้งแต่เข้าวัยปักปิ่น ในเวลานี้ นางแพศยานั่นกำลังโอบกอดเฝิงเจี้ยน พร้อมใช้สายตาของผู้ชนะมองโลงศพนาง
แบบนี้นี่เอง พวกเขาเล่นชู้ตอนที่นางไม่รู้
ถ้าไม่กลายเป็นวิญญาณ ก็ไม่รู้ว่าจะถูกทั้งสองสวมเขา
หลี่หงหลินแข่งขันกับเฉียวฮวาจูเพื่อช่วงชิงความรักจากเฝิงเจี้ยนมานานหลายปี ตอนที่นางได้แต่งงานกับเฝิงเจี้ยน นางเคยหลงระเริงขั้นคิดว่าตนเป็นผู้ชนะ หารู้ไม่ ว่านั่นคือกับดักที่นางเดินสู่ทะเลเพลิงเสียเอง
ทั้งสองกอดจูบลูบคลำในห้องจัดพิธีศพสักพัก ก่อนจะโอบเอวของกันและกัน แล้วเดินออกจากห้อง
วันที่สองและสามของพิธีศพ คนมากมายมาบ้านตระกูลหลี่เพื่อไว้อาลัยให้กับหลี่หงหลินผู้ล่วงลับ นางมองดูคนเหล่านั้นเดินเข้าๆ ออกๆ ด้วยสายตาว่างเปล่า
เพราะกลายเป็นวิญญาณจึงมีหลายเรื่องที่นางได้รู้ เรื่องแรก ขยะอย่างเฝิงเจี้ยนที่เสแสร้งร้องไห้คร่ำครวญเกาะโลงศพของนางอยู่นั้นคือฆาตกร
เรื่องที่สอง เฉียวฮวาจูคือชู้ของสามีขยะเน่าๆ และยังร่วมมือกันฆ่านางกับลูก
และเรื่องที่สาม ‘กู้ชิงหยวน’ คนที่นางเคยคุยด้วยแบบนับครั้งได้มาเคารพศพนางเช่นกัน น่าแปลกกว่านั้น แม้ใบหน้าคมคายหล่อเหลาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่แววตานั้นกลับเศร้าสร้อยและเจ็บปวด ตอนมองเฝิงเจี้ยนก็มองด้วยความโกรธแค้นเหมือนอยากฆ่าให้ตาย
หลี่หงหลินมั่นใจว่าไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับกู้ชิงหยวน หากก็ดีใจที่ยังมีคนโกรธแค้นแทนนาง
เมื่อพิธีต่างๆ เสร็จสิ้น โลงศพถูกฝังใต้ดิน แต่วิญญาณของหลี่หงหลินยังคงล่องลอยไปมาอยู่หน้าหลุมศพ
ในตอนนั้น ความเยือกเย็นของหลี่หงหลินก็ได้สั่นคลอน ความอึดอัดคับแค้นถาโถมเต็มหัวใจ
ไม่ได้ นางไม่อยากไปปรโลกทั้งๆ อย่างนี้
คนเลวได้เสวยสุข แล้วนางเล่า ท่านพ่อของนาง ลูกๆ ของนาง และไหนจะคนที่เกี่ยวข้องกับนางอีก พวกเขาต้องทุกข์ทรมานแม้ว่าจะตายไปแล้วน่ะหรือ
ข้า...จะแก้แค้นพวกมัน!
ตั้งแต่รู้สึกตัวว่ากลายเป็นวิญญาณ นั่นเป็นครั้งแรกที่หลี่หงหลินได้กรีดร้องด้วยความแค้นใจ