8 นายเป็นใคร 2
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเหมือนบอสเธออย่างกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน หยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องกาแฟเล็กๆ ถัดจากโต๊ะเลขาของเธอมา เขาเคาะผนังห้องเป็นเชิงให้สัญญาณ มิลินหันหน้ามาเห็นเขาก็ตกใจ แต่ที่ตกใจกว่าก็คือเขาไม่ได้ใช้มือเคาะที่ผนังนั่นแต่เป็นคีย์การ์ดสีดำ เธอจำได้ทันทีว่านั่นเป็นของเธอที่เคยให้เขาไว้
"คะ..คุณ" ดูเหมือนวันนี้เธอจะกลายเป็นคนติดอ่าง เจอแต่เรื่องที่ทำให้พูดไม่ออก
"วันนี้ผมรีบ ไว้เดี๋ยวผมไปหานะ" เขาเอาคีย์การ์นั่นแตะปากแล้วก็ชูใส่เธอ รอยยิ้มร้ายพร้อมคิ้วที่ยักขึ้นเพียงหนึ่งข้างอย่างวันนั้น
"เดี๋ยวก่อนค่ะ..คุณ" เธอรีบเอ่ยตอนที่เขากำลังจะเดินออกไป
"เรียกผมว่า ไตรพัฒน์ ก็ได้ครับ หรือจะเรียกพี่พัฒน์ก็แล้วแต่" เขายักไหล่ให้เธอ
"เอ่อ..คุณ เอาคีย์การ์ดคืนให้ฉันนะคะ คงมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้น" มธุรินเอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ตัดสินใจพูดออกมาจนได้ นอกจากเขาจะไม่คืนมันให้เธอ เขายังจับมันยัดใส่กระเป๋ากางยีนอีกด้วย แล้วก็ยิ้มมุมปากนิดๆ อย่างแสนร้ายกาจนั้นให้เธอ
"อยากได้หรือ หยิบเอาซิ"
"คุณ" เสียงเขียวของเธอ กลับทำให้เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ
"ถ้าอยากได้คืน คืนนี้ไปหาผม มีอะไรจะให้ดูด้วย" พูดจบเขาก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้เธอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น เธอมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นเห็นเขายกมือขึ้นเป็นเชิงลาให้เธอเสียด้วย ทั้งที่ไม่ได้หันหน้ามามอง แต่เหมือนเขาจะรู้ว่าเธอยืนมองเขาอยู่
ในช่วงบ่ายของวันนั้นเธอแทบจะไม่เป็นอันทำงาน รายงานที่แก้ไขเสร็จแบบไม่รู้ว่าจะถูกโยนออกมาอีกรอบหรือเปล่า แต่เมื่อส่งเข้าไปในห้องบอสแล้ว ไร้เสียงเรียกพอถึงเวลาเลิกงาน เธอก็รีบกลับทันที
ภายในคอนโดหรูกลางใจเมือง มธุรินทานข้าวเย็นไปเพียงนิดจากร้านอาหารภายในคอนโดที่เธอผูกปิ่นโตไว้ อาการกระสับกระส่ายเดินไปมาอยู่ภายในห้องจนไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ สายตาก็คอยจ้องมองแต่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่ที่ผนังห้อง จนสี่ทุ่มกว่าในที่สุดเธอก็ตัดสินใจแต่งตัว เพื่อที่จะไปหาตามที่เขาบอกไว้
มธุรินมาถึงที่ผับหรูแห่งเดิมในเวลาเกือบจะห้าทุ่ม แม้จะเป็นวันทำงานแต่ดูผู้คนก็ยังเนืองแน่นอยู่ไม่น้อย เธอตรงไปที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์สั่งเครื่องดื่มแล้วก็นั่งปักหลักอยู่ตรงนั้น กระดกเหล้าอึกใหญ่ย้อมใจ มองไปทั่วร้านอยู่หลายรอบก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา จนในที่สุดเธอจึงได้เอ่ยถามพนักงานตรงบาร์
"เอ่อ.. น้องคะ เอ่อ..คุณไตรพัฒน์ มาที่ร้านไหมคะวันนี้" เธอเรียกพนักงานชายคนนั้นว่าน้องไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงเขาน่าจะแก่กว่าเธอเสียด้วยซ้ำ
"อ๋อ มาครับ อยู่ด้านบน"
"แจ้งให้พี่หน่อยได้ไหมคะ บอกคนชื่อลินมาขอพบค่ะ" เธอหวังว่าเขาน่าจะจำเธอไว้บ้างเพราะตอนที่เจอเขาในวันนั้นเธอยังเรียกแทนตัวเองว่าลินอยู่ตลอด
"คุณพัฒน์ให้ขึ้นไปด้านบนได้เลยครับ"
"ขอบคุณค่ะ" เธอเอ่ยขอบคุณแล้วก็กระดกเหล้าแก้วที่เหลือจนหมด ก่อนจะเดินขึ้นไปตามทางเก่าที่เคยเดินขึ้นไป
เธอเคาะประตูเสร็จยังไม่ทันได้เปิดก็แอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะผลักบานประตูนั้นเข้าไป เพราะได้ยินเสียงคนด้านในอนุญาตแล้ว
เขายืนหันหลังให้ตอนที่เธอเปิดประตูเข้าไป แผ่นหลังกว้างของเขาเริ่มคุ้นตา แต่ตรงที่เขายืนอยู่มันก็ชวนให้เผลอคิดถึงเรื่องคืนนั้นขึ้นมาเสียได้ หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ แต่ก็พยายามทำสีหน้าให้เรียบเฉยที่สุด
"สวัสดีค่ะ คุณไตรพัฒน์"
"ว้าแต่งตัวเหมือนแม่ชีเลยวันนี้" มิลินอ้าปากหวอกับคำทักทายของเขา ไอ้เสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนเข้ารูปมันเหมือนแม่ชีตรงไหน
"ฉันมาเอาคีย์การ์ดคืนค่ะ"
"ทำไมไม่ยกเลิกที่นิติของคอนโดล่ะ" เขาถามยิ้มๆ ทำให้เธอจุดประกายความคิดได้ก็ตอนนี้ โง่จริงๆ นังลินเอ๊ย แล้วได้แต่ด่าตัวเองในใจ
"หรือว่าอยากมา..เอา..อย่างอื่น"
"คุณ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" มิลินเสียงแหวอย่างเหลืออด เพราะไอ้น้ำเสียงยียวนของเขา
"ก็หมายความอย่างที่พูด"
"ฉันขอบอกคุณไว้เลยนะ เรื่องคืนนั้นเพราะฉันเข้าใจผิดคิดว่าคุณคือพี่ไตรคุณ แต่ไหนๆ มันก็เกิดเรื่องไปแล้ว ฉันจะถือซะว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้น"
"แล้วถ้าผมบอกว่าผมติดใจคุณล่ะ"
"นี่คุณ" มธุรินหันมาเสียงแหวใส่เขาทันที
"ที่สำคัญยังไม่ได้รอบสองเลย รู้งี้วันนั้นไปนอนกับคุณซะก็ดีแล้ว" เขาทำหน้าเสียดายอีกทั้งน้ำเสียงนั่นชวนให้เธอยิ่งนึกโมโห
"คุณไตรพัฒน์ ฉันไม่สนใจหรอกนะคุณจะเป็นใครมาจากไหน แต่ฉันขอจบเรื่องนี้แค่ตรงนี้"
"แล้วถ้ามันไม่จบ"
"นั่นมันเรื่องของคุณ"
ไตรพัฒน์กดโทรศัพท์คล้ายเปิดหาอะไรสักอย่าง แล้วก็ส่งมันให้เธอ มธุรินทำหน้าสงสัยมองหน้าเขาอย่างไม่วางใจแต่ก็รับโทรศัพท์มา เธอแทบจะทำโทรศัพท์ราคาแพงของเขาหล่นพื้น ตอนที่ก้มมองภาพเคลื่อนไหวในจอเล็ก