บท
ตั้งค่า

7 นายเป็นใคร

มธุรินกลับมานั่งทำงานที่ต้องแก้ไขนั้นต่อ หัวใจของเธอแทบจะด้านชา อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ สักครั้งก็ยังไม่สามารถทำได้ ได้แต่เก็บกลืนก้อนแข็งๆ ที่ปวดร้าวไปทั้งคอนั้นกลับลงไปอย่างยากลำบาก และเพียงครู่เดียวบอสของเธอก็เดินกลับมาที่ห้องทำงาน แต่ยังไร้วี่แววของเลขาคนสนิท

เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าที่คุณประไพรผู้เป็นแม่ของบอสจะกลับออกไป เธอแก้ไขรายงานนั้นจนเกือบจะเสร็จ เสียงนาฬิกาดังขึ้นในตอนเที่ยงพอดี มิลินจึงเลือกที่จะทานคุกกี้ที่เพิ่งได้มากับน้ำผลไม้เป็นอาหารเที่ยง พนักงานหลายคนเริ่มลุกจากโต๊ะทยอยกันลงไปทานข้าว ยกเว้นของบอสที่จะมีพนักงานของโรงแรมนำอาหารมาเสิร์ฟให้ถึงห้อง หรือบางครั้งเขาก็จะลงไปทานที่ห้องอาหารด้านล่าง

เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นอีกครั้ง เธอมองเบอร์ว่าเป็นหมายเลขของประชาสัมพันธ์ในส่วนของออฟฟิศไม่ใช่ส่วนของลูกค้าโรงแรม เธอรีบรับสาย

"สวัสดีค่ะ"

"น้องลินหรือ มีแขกมาหาบอสน่ะค่ะ เอ่อ..เอ่อ...คะ...คุณคะรอก่อนค่ะ" เสียงละล่ำละลักมาตามสาย แล้วเหมือนปลายสายจะยังพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ ฟังดูแล้วเหมือนจะวุ่นวายอยู่สักหน่อย มธุรินจึงยังถือสายไว้รอฟังเรื่องที่ทางนั้นต้องการบอก

"น้องลินๆ แขกบอสเดินไปทางนั้นแล้วนะ เหมือนจะไม่ได้นัดไว้" พี่จันทร์ประชาสัมพันธ์รีบแจ้ง แล้วก็ได้ยินเสียงวางโทรศัพท์ดังกึก

เธอมองไปตรงทางเดิน เห็นชายหนุ่มตัวสูงท่าทางออกจะดูมั่นใจไม่น้อยแม้จะอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีน แว่นตาดำยิ่งส่งให้ใบหน้าหล่อของเขาน่าค้นหายิ่งขึ้น แม้ชุดออกจะไม่ค่อยเป็นทางการสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนใส่ดูหล่อน้อยลงเลย เขาเดินมาทางนี้ พร้อมทั้งด้านหลังยังมีพี่จันทร์ที่วิ่งตามมาติดๆ จนเมื่อชายคนนั้นเกือบจะถึงเธอ มิลินละสายตาจากพี่จันทร์มามองหน้าเขาชัดๆ อีกครั้ง แล้วเธอก็แทบช็อกอยู่ตรงนั้นเช่นกัน ใบหน้าหวานตอนนี้แทบจะมีสีหน้าไม่ต่างจากพี่จันทร์ที่วิ่งหน้าตื่นมาเลย เมื่อเขาถอดแว่นตาดำแบรนด์หรูออก

ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากให้เธอ พร้อมทำตาโตขึนเล็กน้อยคล้ายประหลาดใจที่ได้เห็นเธอที่นี่ เธอจะไม่แปลกใจสักนิด ถ้าใบหน้านั้นไม่ได้เหมือนไตรคุณ บริรักษ์ไพศาล ราวกับฝาแฝดที่คลานตามกันออกมา เหมือนชนิดที่เรียกว่าราวกับคนคนเดียวกัน

"เอ่อ.. คะ คุณคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ"

มธุรินหาเสียงตัวเองเจอก็ตอนที่เขาเปิดประตูห้องบอสของเธอเข้าไปแล้ว โดยไม่เคาะประตูด้วยซ้ำ เธอรีบเดินแกมวิ่งตามเขาเข้าไปติดๆ จะห้ามก็ห้ามไม่ทันแล้ว พี่จันทร์จึงหยุดวิ่งอยู่แค่ตรงหน้าโต๊ะเลขา

คนในห้องเงยหน้าจากเอกสารมองผู้มาเยือนด้วยความตกใจ แปลกใจ แต่ใบหน้าเรียบเฉยนั้นแทบไม่แสดงอารมณ์อะไรสักนิด

"ว่าไงพี่ชาย" ผู้มาใหม่เอ่ยทักทายเจ้าของห้อง พร้อมทั้งหันมายิ้มให้เธอ รอยยิ้มที่เธอนึกรู้ได้ทันทีว่าเขาคือผู้ชายคนนั้น คืนนั้นในผับนั่น

"เลขาหรอ สวยดีนี่" น้ำเสียงออกจะยียวนไม่น้อย มิลินยังได้แต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ตรงนั้น

"นายเป็นใคร" คำถามของไตรคุณ ทำเอาผู้มาเยือนหัวเราะเสียงดัง ราวกับขบขันเสียเต็มประดา

"พี่เห็นหน้าผม ยังต้องถามอีกหรือ คุณไตรภพเขาไม่เคยบอกพี่หรือไง ว่าผมเป็นใคร" น้ำเสียงกลั้วหัวเราะในทีแรกค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาตอนที่เอ่ยถึงคนเป็นพ่อ

"ถ้าฉันรู้ คงไม่ถามนาย เรียกฉันว่าพี่ นายเป็นน้องฉันหรือ" ผู้มาเยือนได้แต่ยักไหล่ไม่ตอบคำถามเจ้าของห้อง

"ไปเอาน้ำมารับแขก" ไตรคุณหันไปบอกผู้ช่วยเลขาเพราะเห็นเธอยังยืนอึ้งกับเรื่องราวตรงหน้าแทบไม่ต่างจากเขา เพียงแต่เขาเก็บอาการได้ดีกว่าเธอก็เท่านั้น

"ค่ะ..ค่ะ" มิลินรีบรับคำ แล้วก็หายออกจากห้องไป

"เนี่ยเหรอเด็กที่แม่พี่หามาให้"

"นายจะบอกฉันได้หรือยัง ว่านายเป็นใคร"

"ไว้พี่ไปถามคุณไตรภพเอาเองแล้วกัน ผมแค่แวะมาทักทายเฉยๆ วันนี้ยังไม่ว่างคุยด้วย ไว้วันหลังผมจะเข้ามาใหม่ อ้อ บอกพนักงานพี่ไว้ด้วยนะ ผมขี้เกียจพิธีรีตองยืนให้สัมภาษณ์อยู่หน้าประตูนั่น"

"ซี-ยู" ผู้มาเยือนเพียงยกมือให้ ตอนที่เอ่ยภาษาอังกฤษคำง่ายๆ แต่สำเนียงอเมริกันจ๋าอย่างกับเจ้าของภาษา ไตรคุณ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาทิ้งตัวลงพิงเก้าอี้ก่อนจะต่อสายโทรศัพท์ถึงคนที่จะตอบคำถามเขาได้ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel