5 บอส
ตลอดทางที่รถยนต์คันหรูขับออกจากผับมาถึงคอนโดกลางใจเมืองหลวง ใช้เวลาในช่วงเวลาเกือบตีสอง แค่ไม่ถึงยี่สิบนาที แต่เป็นยี่สิบนาทีที่มธุรินนึกอยากให้ถนนโล่งๆ กลางเมืองเช่นนี้เป็นเหมือนตอนกลางวันที่คลาคล่ำไปด้วยรถยนต์ บางครั้งระยะทางแค่นี้เธอยังเดินทางเกือบสองชั่วโมงก็เคยมาแล้ว
เธอเอ่ยชวนเขาคุยอยู่หลายคำถาม ที่ไม่ได้รับคำตอบ บางครั้งคำตอบก็บ่ายเบี่ยงหรือไม่ก็เป็นคำถามที่ย้อนถามกลับมา จนทำเธอเผลอลืมคุยตามเรื่องอื่นที่เขานำไปเสียอย่างนั้น
เขาจอดส่งเธอที่หน้าอาคาร กดปลดล็อกประตูให้เรียบร้อยรอแค่คนตัวเล็กลงจากรถ มธุรินทำท่าอิดออดไม่อยากลงจากรถ
"พี่คุณขึ้นไปดื่มกาแฟไหมคะ" คนเมาเริ่มเสียงเป็นปกติ คงเหลือแต่อาการมึนหัวที่ทำให้เธอรู้ว่าในร่างกายยังมีแอลกอฮอล์อีกหลายเปอร์เซ็นต์
"แค่ดื่มกาแฟหรือ" เขาหันมาถามเธอ จ้องมองใบหน้าหวานที่ถูกถามด้วยคำถามคล้ายชวนขึ้นเตียง
"เอ่อ.."
"ไว้วันหลังดีกว่า พี่มีธุระต่อ"
เพราะมัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ เขินอายหน้าแดงอยู่ เขาจึงสรุปให้เธอเสร็จสรรพ มิลินจึงได้แต่ทำหน้าจ๋อยตอบรับคำเขาเสียงอ่อยๆ มือใหญ่จึงเอื้อมมาลูบผมเธอเบาๆ แล้วก็จับคางเธอเชิดขึ้นนิด ก่อนเขาจะเอนตัวไปจูบเธอเหมือนเป็นการปลอบใจ
"ไว้เดี๋ยววันหลังจะมา แล้วจะขึ้นไปยังไงล่ะ" เขายิ้มร้ายใส่เธอตอนที่ถาม
"อ๋อ งั้นเดี๋ยวลินให้คีย์การ์ดพี่คุณไว้ค่ะ ถ้าพี่คุณมาก็ขึ้นไปได้เลย" เธอล้วงกระเป๋าหยิบคีย์การ์ดอีกใบที่มีติดกระเป๋าสตางค์อยู่ ยื่นให้เขาพร้อมบอกหมายเลขห้อง
เขารับมาแล้วก็ก้มไปจูบหน้าผากเธออีกครั้ง มธุรินเปิดประตูรถออกไปแล้วก็ยืนโบกมือบ๊ายบายให้ เขาลดกระจกลงยกยิ้มมุมปากให้เธออีกครั้งพร้อมยักคิ้วให้เธอข้างหนึ่ง มิลินได้แต่ยืนมองท่าทางกร้าวใจราวกับแบดบอยนั้นด้วยหัวใจที่เต้นแทบไม่เป็นจังหวะ ท่าทางที่เขาแสดงออกดูแปลกตาไปหมด จนรถสปอร์ตคันหรูเลื่อนออกไปแล้ว เธอจึงได้ค่อยๆ ก้าวขาที่มันยังแปลบๆ ตรงกลางกายสาวอยู่ไม่น้อย เธอฝืนเดินออกมาจากผับเขาทั้งที่ตอนนั้นขายังสั่นไม่หาย แม้ตอนนี้จะดีขึ้นบ้างแต่ก็เหมือนจะยังเจ็บๆ อยู่ แต่เมื่อคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็เผลอทำเธอเดินยิ้มอยู่คนเดียว
มิลินรู้ว่าผู้ชายบ้านบริรักษ์ไพศาลออกจะมีเรื่องผู้หญิงกันไม่ขาดถึงขนาดว่าแต่ละคนเคยเลี้ยงดูผู้หญิงกันมาไม่น้อย แต่เมื่อน้องชายสองคนของไตรคุณแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา คงเหลือแค่พี่ชายคนโตของบ้านที่ยังไม่ยอมตกลงปลงใจกับใครสักที และเธอก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่คุณประไพรแม่ของเขาคัดเลือกมาให้จากสมาคมลูกสาวเพื่อน
และตลอดที่ผ่านมาเขาค่อนข้างจะขีดเส้นแบ่งเธอออกจากชีวิตเขาไว้อย่างชัดเจน ยิ่งเวลาที่อยู่ต่อหน้าคุณไตรภพผู้เป็นพ่อ หรือคุณประไพรแม่ของเขา ไตรคุณจะยิ่งแสดงความเย็นชามากเท่านั้น มีเพียงบางครั้งที่เขาถูกบังคับให้ไปส่งเธอที่คอนโด แม้เขาจะพูดคุยกับเธอบ้าง แต่ก็ไม่เคยเล่นหูเล่นตาแบบวันนี้
นี่อาจจะเป็นตัวตนจริงๆ ของเขาก็ได้ มิลินได้แต่ยิ้มให้ตัวเองตอนที่เดินกลับขึ้นมาถึงห้องแล้ว
รถยนต์คันหรูที่เคลื่อนตัวออกมาได้เพียงนิด ยังไม่ทันจะถึงไหน เสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น เขาล้วงหยิบมันขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรทางไกลจากอีกซีกโลก ก็ได้แต่กลอกตาก่อนจะกดรับสาย
"ไอ้เจ้าพัฒน์ เมื่อไหร่แกจะกลับสักที ไหนบอกแค่ไปพักร้อนไม่กี่เดือน นี่สี่เดือนกว่าแล้วนะ" เสียงผู้หญิงมากวัยโหวกเหวกมาตามสาย จนคนที่ถือโทรศัพท์แนบหูต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูตัวเอง
"แม่ครับ ที่นี่มันกี่โมง" เสียงยานคางของคนปลายสายไม่ได้ทำให้คนอีกซีกโลกเบาเสียงลงสักนิด
"ฉันรู้หรอกนะ ว่าแกยังไม่ได้นอนด้วยซ้ำ แล้วไอ้ผับเธคอะไรของแกน่ะ ไปเปิดทำไมที่นั่น แกจะไม่กลับมาดูบ่อนของแกหรือไง"
"ให้ไอ้เตอร์มันดูไปก่อนแม่ สักพักก็กลับแล้ว"
"ฉันบอกไว้ก่อนนะว่าห้ามแกไปยุ่งกับคนบ้านนั้น"
"สงสัยจะห้ามไม่ได้หรอกแม่ ขอไปดูความสุขสบายของเขาสักหน่อย นี่ก็จะใกล้วันเกิดเขาแล้วด้วย ผมว่าจะเข้าไปอวยพรด้วย"
"หยุดเลยนะไอ้พัฒน์ ห้ามแกไปยุ่งกับคนบ้านนั้น"
"แค่นี้นะแม่ ผมจะนอนแล้ว ง่วง" ไม่รอให้คนทางนั้นอนุญาตเขากดวางสายแล้วก็โยนโทรศัพท์เครื่องหรูไปที่เบาะข้างๆ ที่ยังมีคีย์การ์ดสีดำวางอยู่ด้วยอย่างไม่ไยดี