3 ไม่มีใครเห็น ยกเว้น...
คำตอบที่ทำหัวใจเธอเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ มองสายตาเจ้าเล่ห์นั้นอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองมากนัก ถึงจะรู้ว่าไตรคุณเป็นชายหนุ่มที่มีเรื่องผู้หญิงอยู่ตลอด แต่เขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้กับเธอสักครั้ง หรือเพราะสถานที่ยังไม่เป็นใจ เธอได้แต่คิดเข้าข้างตัวเอง
มธุรินยื่นมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างคนต้องเวทมนตร์ เมื่อปลายนิ้วสัมผัสแก้มเพียงนิด เธอก็ตกใจที่เผลอไปลูบหน้านั้นเข้า เขาไม่ปัดมือเธอออกกลับส่งยิ้มน่ามองให้อีกด้วยทั้งที่ปกติเขาแทบไม่อยากจะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ แต่เมื่อเห็นรอยยกยิ้มมุมปากขึ้น อีกทั้งสายตากรุ้มกริ่มที่ดูร้ายลึกแต่ก็น่าลุ่มหลง เห็นเขาไม่เอ่ยอะไรหรือด่าเธอ มือเรียวจึงถือวิสาสะไล้นิ้วไปที่แก้มเขาเบาๆ จนมาหยุดที่ริมฝีปากหยักได้รูป
รอยยิ้มร้ายของเขาดูแปลกตาไม่น้อย แต่มันกลับมีเสน่ห์อย่างน่าหลงใหล ริมฝีปากที่เคยแต่เหยียดตรงยามเมื่อเธอเข้าใกล้ แต่วันนี้มันถูกยกยิ้มขึ้นบ่อยครั้งและมันก็น่ามองกว่าทุกครั้งเช่นกัน
เมื่อไร้เสียงต่อว่าจากปากเขาหรือแม้แต่รอยคิ้วขมวด มือเรียวยิ่งได้ใจกดปลายนิ้วเรียวกรีดต่ำลงมาจากลำคอจนถึงแผงอกที่โผล่พ้นรอยแยกของกระดุมสองเม็ดที่ถูกปลดออกไว้
"แปลกนะคะ วันนี้พี่คุณไม่ทำหน้ายักษ์ใส่ลิน" เสียงหวานเอ่ยถาม ดวงตาพราวระยิบ ปลายนิ้วยังวนเวียนอยู่ตรงกระดุมเม็ดที่สาม
"แล้วชอบแบบนี้ไหมล่ะ" เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยก้มมองใบหน้าหวานที่สูงเลยริมฝีปากเขามานิดเดียวทั้งที่ยายตัวเล็กนี่ใส่รองเท้าส้นสูง
"จะไม่มีใครเห็นจริงๆ ใช่ไหมคะ" มิลินไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่เธอกลับถามเขาเหมือนเป็นการยืนยัน ก่อนที่จะเขย่งปลายเท้าขึ้นนิด เพื่อส่งริมฝีปากตัวเองไปแตะกับปากเขา คนใจดีโน้มตัวลงนิดเพื่อรับจุมพิตจากเธอ เขาขมวดคิ้วนิดๆ ตอนที่ปากบางเริ่มดูดเม้มริมฝีปากเขาอย่างไม่ประสา และเหมือนจะไม่ถูกใจคนตัวสูง เขาจึงเป็นฝ่ายยกฝ่ามือใหญ่รั้งท้ายทอยเธอให้ขยับเข้าหา แล้วก็กดจูบหนักๆ ลงไป มืออีกข้างรั้วเอวบางให้แนบชิดลำตัวยิ่งขึ้น คนตัวเล็กสะดุ้งตัวนิดตอนที่ลิ้นอุ่นเขาแทรกผ่านเข้าไปกวัดเกี่ยวลิ้นของเธอ มธุรินแทบจะลืมวิธีหายใจ เธอเกือบจะขาดใจตายถ้าคนตัวสูงไม่ถอนจูบออก ริมฝีปากแดงเรื่อออกสีขึ้นทันทีตอนที่เขาถอนปากออก
"ไม่มีคนเห็นใช่ไหมคะ" เสียงแผ่วเอ่ยถามคนตัวสูงอีกครั้ง คล้ายรำพันกับตัวเองเสียมากกว่า
"ไม่มีใครเห็นหรอก ไม่เชื่อก็ดูซิ" เขาจับเธอหันหน้าเข้ากระจกบานใหญ่ ที่มองออกไปเห็นบรรยากาศข้างนอกอย่างชัดเจน ฝ่ามือใหญ่ที่กอดเอวเธอไว้เลื่อนฝ่ามือลงต่ำค่อยๆ สอดมือขึ้นมาใต้กระโปรงตัวเล็ก มธุรินรีบตะปบมือเขาไว้ตอนที่ปลายนิ้วยาวเกี่ยวขอบจีสตริง
"พี่คุณคะ" เสียงกระเส่าเอ่ยประท้วงกลายๆ
"ไม่อยากหรือ"
เขาหยุดมือเอ่ยถามความต้องการของเธอก่อน ส่งรอยยิ้มร้ายให้ใบหน้าหวานที่เอี้ยวตัวกลับมามอง มีเพียงความเงียบจากริมฝีปากบาง พร้อมใบหน้าเห่อแดง เขาถือว่านั่นคือคำตอบ แล้วก็ก้มลงจูบเธออีกครั้ง มือเรียวที่จับมือเขาไว้คลายออก ปลายนิ้วยาวจึงสอดเข้าไปใต้จีสตริงตัวเล็กได้อย่างสะดวก
"แฉะขนาดนี้เลยหรือ" เขาทำเสียงในลำคอ ก่อนจะเอ่ยถึงเรื่องน่าอายของเธอออกมา ปลายนิ้วยาวกรีดตามรอยแยกก่อนจะสอดนิ้วจุ่มลึกผ่านความฉ่ำแฉะเข้าไปช่องทางคับแน่นแล้วก็เพิ่มจำนวนอีกนิ้ว
"อื้อ..พี่คุณ" เสียงกระเส่าเอ่ยเรียกชายหนุ่ม พลางใช้สองมือดันกระจกด้านหน้าตัวเองเอาไว้เพราะเหมือนเธอทำท่าจะยืนไม่อยู่เสียให้ได้ เรียวขาเผลอแยกออกอำนวยความสะดวกให้เขาอย่างไม่ตั้งใจ แค่นิ้วขยับเพียงนิดเธอก็เกร็งสะโพกรับความเสียวซ่านที่รัวเร็วอยู่ภายในช่องทางคับแน่นนั่น
"ลืมตาสิ เห็นไหมไม่มีใครเห็นสักคน" ยกเว้น…กล้องวงจรปิด เสียงทุ้มต่ำกระซิบอยู่ชิดใบหูตอนที่เขาเอ่ยบอก และบางคำพูดที่เขารู้อยู่แก่ใจแต่ไม่ได้เอ่ยบอกเธอ มธุรินเผลอลืมตามองอย่างที่เขาบอก บรรยากาศด้านล่างยังคงสนุกสนานไม่เห็นสายตาสักคู่ที่มองมาอย่างเขาว่า
จังหวะนิ้วที่รัวเร็วอยู่ภายใน เดิมทีเขาไม่ได้ต้องการมากกว่านี้ แต่ยิ่งร่างอรชรที่เกร็งสะโพกดิ้นเร่าๆ ตอนที่เขากระตุกนิ้วรัวเร็วจนกระโปรงตัวเล็กร่นขึ้นมากองอยู่ที่เอวบาง สะโพกกลมนวลเนียนชวนให้อะไรที่หลับใหลคล้ายถูกปลุกให้ตื่นขึ้นทันที
"อ๊ะ..อ๊า..พี่คุณ" เธอเกร็งสะโพกเข้าหามือเขาตอนที่นิ้วยาวส่งเธอแตะขอบฟ้าไปแล้ว
เขาจับเธอให้หันหน้ากลับมา มธุรินต้องใช้กระจกบานใหญ่ด้านหลังเป็นที่พึ่ง เพราะขาเธอสั่นจนแทบไม่มีแรงที่จะพยุงร่างสั้นๆ ของตัวเองให้คงที่ได้ เขายังใจดีรั้งเอวเธอมาแนบไว้ชิดลำตัว ทั้งที่ชายกระโปรงยังอยู่ที่เอว
เธอเงยหน้ามองเขาตอนที่จุดบอบบางของตัวเองสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งคับแน่นภายใต้กางเกงสแล็กพอดีตัว สายตาที่มองเธอบ่งบอกถึงความต้องการอย่างไม่ปิดบัง
"มากกว่านี้ได้ไหม"