6. ปากแข็ง
ทุกคนมองตามร่างสูงของกำนันหนุ่มก่อนจะยิ้มส่งให้เมฆาและธามที่นั่งอยู่บนเตียง
“เก็บของเลยนะครับ ถ้าพูดแบบนี้ก็คือไม่ต้องห่วงแล้ว ถ้ากำนันยอมให้อยู่ในเขตบ้าน ยังไงก็ไม่มีทางปล่อยให้คุณธามต้องเป็นอะไรไปแน่” ลุงฉ่ำพูดขึ้น ก่อนที่เมฆาจะเอ่ยขอบคุณทุกคน
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยพูดให้ ผมฝากธามด้วยนะครับ โรมแกไปเตรียมตัวไปอยู่ดูแลธามแทนฉันด้วย อย่าลืมส่งข่าวทุกวันเข้าใจใช่ไหม อย่าดื้อกับอาพรายนะลูก และอย่าคิดทำอะไรบ้าๆ แบบเมื่อกี๊อีก”
เมฆาหันกลับมาพูดกับลูกชายเพื่อบอกลา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก ในเมื่อพรายยอมช่วยเขาก็จะไม่มาอยู่ใกล้ให้อีกฝ่ายรำคาญตา หรือรับรู้เรื่องราวให้หงุดหงิด
แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยมากกว่านั้นเสียงแตรรถก็ดังขึ้นเรียกคนที่ไม่ยอมมาเสียที ไม่นานทั้งหมดที่ต้องกลับบ้านของกำนันก็ตรงมาที่รถ แก้วเดินมาขึ้นที่นั่งคนขับตามปกติ ส่วนลุงฉ่ำก็เปิดประตูขึ้นด้านหลัง ตามด้วยร่างเพรียวที่กำลังจะก้าวตามไป
“กระบะหลังเลยที่สำหรับคนงาน”
“เอ่อ! กำนันหมายถึงใครเหรอ” ลุงฉ่ำเอ่ยถามออกไป
“ไม่เป็นไรครับลุง ธามกับพี่โรมนั่งข้างหลังได้” ยิ้มหวานถูกส่งไปให้คนแก่และดันประตูปิดให้ ก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อขึ้นรถ เมฆายืนมองด้วยใจที่หดหู่ แต่ก็จำต้องปล่อยให้ลูกชายลำบาก ดีกว่าเห็นเขากลายเป็นอย่างอื่น เพราะถ้าสามารถแก้คำสาปนี้ได้ ธามจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามเดิมอย่างมีความสุขแน่
“อดทนก่อนนะธาม พ่อจะหาวิธีแก้คำสาปเรื่องนี้ให้ได้ แล้วมารับลูกกลับบ้าน อยู่กับอาพรายต้องปลอดภัยแน่”
เมฆาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ที่มั่นใจแบบนี้ก็เพราะเขารู้ว่าพรายมีชะตาที่เกิดมาพิฆาตทุกสิ่ง ตั้งแต่พรายยังเรียนมหาลัย ส่วนเขาก็เริ่มจับงานธุรกิจสีเทา บังเอิญที่ตอนนั้นอีกฝ่ายช่วยชีวิตเอาไว้จากการลอบยิงของศัตรู จึงคบหากันเป็นพี่น้องแม้อายุจะห่างกันมากเกือบสิบปี
แต่ก็คบกันได้อย่างสนิทใจและไม่คิดว่าจะมีเรื่องให้ต้องผิดใจกัน โดยเฉพาะตัวกลางคือแฟนของพรายที่ไม่เคยซื่อสัตย์ต่อเพื่อนรุ่นน้องของเขาเลย เมื่อเธอเห็นว่าเขารวยมาก ก็คิดจะจับด้วยการแบล็คเมล์ เพราะไว้ใจคิดว่าพรายคงคบผู้หญิงที่ดี เลยไม่เคยระแวง
จนกระทั่งตื่นขึ้นมาเจอตัวเองนอนอยู่กับแฟนสาวของรุ่นน้อง และอีกฝ่ายก็มาเห็นเข้าพอดี เพียงเท่านั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็ขาดสะบั้นลงจนถึงทุกวันนี้ และสุดท้ายเขากลับต้องมาร้องขอคนที่เคยทำผิดด้วยก่อนนี้เสียอย่างนั้น แม้มันจะไม่ใช่ความผิดเขาก็เถอะ
เขาละอายใจที่ต้องกลับมาพบหน้าพรายเหลือเกิน แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อชีวิตลูกชายนั้นก็สำคัญไม่น้อย มีทางไหนที่จะทำให้ธามรอดเขาก็ยอมทั้งนั้น
รถกระบะสี่ประตูสีดำ แล่นเข้ามาในหมู่บ้านอีกครั้ง หลังจากที่มันเคลื่อนออกไปตั้งแต่เย็นของเมื่อวาน ทำให้สายตาของชาวบ้านที่นั่งอยู่หน้าเรือนต่างก็หันมองเป็นตาเดียว บางคนกำลังนั่งจิบกาแฟที่สามแยกก็พากันแปลกใจที่มีคนนั่งท้ายกระบะมาด้วย
“ผู๋ได่วะ” ทิดสังฆ์เอ่ยถามเพื่อสนิทรุ่นเดียวกันกับเขาที่นั่งอยู่ด้วยกันอย่างเซียงหรั่ง
“คนกรุงเทพ มาถามหากำนันตั้งแต่มื้อวาน คืออยู๋โดนแท้วะ กูว่าแม้นกลับไปตั้งแต่มื้อวานแล้ว”
“ที่บักจ่อยมันว่าพากันยกมู่ยกพวกมานำฮันหน่ะ”
“เออ!! ซุมมู่นั่นแหละ เว้าดังไปเด้อมึง มีปืนสุคนเด้กูสิบอก ห่าเทือมันไดยินถึกเก็บเด้ สิว่ากูบ่เตือน”
เซียงหรั่งเอ่ยกับเสี่ยวตนก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“ถุย! บักห่าหรั่ง เว้าคือเนาะไผมันสิมายิงกันได่ง่ายๆ กำนันพรายสิยอมยุดอกถ่าเฮ็ดจังซั่น” ทิดสังฆ์พูดขึ้นก่อนจะทำท่าโบกไม้โบกมือไปด้วย
“อยากฮู้มึงกะคือบ่ไปถามบักแก้วเบิ่ง เดี๋ยวจักน่อยมันกะมาซื้อของ ถ่าลัดถามมันเบิ่งเด้อ”
“เว้าแบบนี้ ลุงกะอยากฮู้แมนบ่ลุงจาน” เซียงหรั่งหันมาเอ่ยแซวเจ้าของร้านทันที ก่อนจะได้มะเหงกตอบกลับมาเหมือนทุกครั้งพร้อมกับเสียงร้องที่ดูจะเจ็บปวดเสียเหลือเกิน จนทุกคนที่นั่งอยู่ห้าหกคนต้องส่ายหัวกับท่าทางสำออยของเด็กหนุ่ม พอสักพักก็แยกย้ายกันไปทำงานเมื่อถึงเวลาที่ต้องออก
“บักหรั่ง มื้อนี้มึงไปเก็บแตงโม ยุไฮ่กำนันบ่แม้นติ ได่ข่าวอีหยังเว้าสูกูฟังนำเด้อ อย่าเก็บไว้คนเดียวหนามึง”
“เอาไว้มึงจ่ายค่ากาแฟไฮ่กูก่อนคอยว่ากันทิดสังฆ์” ได้ทีเซียงหรั่งก็หาข้อต่อรองทันที ก่อนจะยกคิ้วมองเสี่ยวอย่างเป็นต่อ พร้อมกับสะพายย่ามเดินไปที่บ้านของกำนัน เพราะไร่แตงโมที่นั่นอยู่เลยไปเกือบสองกิโล แม้จะมีรถรับส่งคนงานก็เถอะ แต่เขาก็ชอบเดินมากกว่าโดยเฉพาะวันนี้ ที่จะต้องทำหน้าที่สืบข่าวไปด้วย เพื่อทุกคนในหมู่บ้าน อันที่จริงตัวเขานั่นแหละที่อยากรู้
หลังจากกลับมาถึงบ้านกำนันหนุ่มก็ไม่พูดไม่จากับแขกที่มาพักอาศัยอยู่ด้วยเลย ปล่อยให้สองลุงหลานจัดการดูแลเอง ส่วนเขาก็เดินขึ้นบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อที่อีกฝ่ายส่งคืนติดมือมาด้วย
กลิ่นหอมจางๆ ที่ติดมามันทำเขารู้สึกผ่อนคลายอย่างแปลกประหลาด แต่ก็ใช่ว่ากำนันหนุ่มจะเก็บมาใส่ใจ เขาโยนมันลงตระกร้าผ้าก่อนจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปไร่ กางเกงยีนส์ที่ชอบใส่และเสื้อลายสก๊อตสำหรับกันความร้อนจากแดด และหมวกสานใบพอดีหัว
ทำเอาชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเข้มอยู่แล้วดูดีไปอีกแบบ ร่างสูงก้าวลงมาจากบันได ก่อนจะมองซ้ายขวาหาคนที่พึ่งมาอยู่ใหม่ แต่กลับไม่เห็นหน้าแม้แต่น้อย