บทย่อ
"ผมเป็นเสือ"จะมีคนเชื่อมั้ย "เสือ"ที่ไม่ใช่เสือผู้หญิง ใครมันจะเชื่อว่ายุคนี้จะยังมีวิญญาณของเสือสมิงวนเวียนอยู่ แต่คนที่จะช่วยผมได้ในครั้งนี้ กลับเป็นคนที่เกลียดพ่อผมเข้าไส้ จะรอดหรือจะกลายเสือกันล่ะ
1. กำนันพราย
ณ ตำบลแปดทิศ หมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนฝั่งกัมพูชา รอยต่อนั้นมีขนาดของผืนป่าที่กินอณาบริเวณกว้างเกือบครึ่งอำเภอ ที่นี่เงียบสงบไร้แสงสี แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ความเจริญเสียทีเดียว ทุกอย่างยังมีครบหมด เพียงแต่มันดูน่ากลัวในยามค่ำคืนเท่านั้น เลยทำให้หนุ่มสาวตามหมู่บ้านไม่อยากจะอยู่ที่นี่
“กำนัน! กำนันอยู่ไหม ไปดูไอ้เจิมให้ที มันนอนนิ่งไม่ขยับเลย ดูท่าคงจะไม่พ้นผีเข้าอีกแน่”
นายสอนหนึ่งในลูกบ้านร้องเรียกกำนันของตำบลที่มักจะถูกตามตัวด้วยเรื่องนี้บ่อยครั้ง แม้เขาจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวก็เถอะ แต่ลูกบ้านมาร้องขอให้ช่วยยังไงก็คงต้องไปดูเสียหน่อย เพราะดันรับตำแหน่งนี้มาแล้ว
“ไม่ให้กำนันอยู่เรือน แล้วจะให้ไปนอนไหนล่ะลุง?”
เสียงตอบจากคนสนิทกำนันดังขึ้น ก่อนจะหันมายิ้มแห้งใส่เจ้านายที่ส่งสายตาดุมาให้เขา ร่างสูงหุ่นกำยำล่ำสันแม้จะอายุสามสิบสามแล้ว แต่ก็ยังดูหนุ่มกว่าวัยรุ่นในหมู่บ้านเสียอีก ตอนนี้กำนันนุ่งเพียงโสร่งผืนเดียว พร้อมกับผ้าขาวม้าพาดบ่า เมื่อชะโงกดูรู้ว่าเป็นใครเขาก็ก้าวลงมาจากเรือนไทยที่อาศัยมาตั้งแต่เด็ก เขามองทิดสอนซึ่งมีสีหน้าเป็นกังวลอยู่มาก แต่ก็อ้าปากไม่ทันคนข้างตัว
“มันเป็นอะไร ทำไมถึงนอนไม่ตื่นล่ะลุงสอน”
เสียงจากไอ้แก้วลูกน้องของกำนันเอ่ยถามทันทีเมื่อเดินตามเจ้านายลงมาถึงข้างล่างแล้ว กำนันเหลือบหันมามองหน้าคนของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาทิดสอนซึ่งมีอายุห่างจากเขาแค่ห้าปี เพื่อรอคำตอบที่แก้วเอ่ยถามออกไป โดยที่เขาไม่ต้องอ้าปากเองเช่นทุกครั้ง
“มันแอบเข้าไปที่ป่าดงเย็นน่ะสิ ข้าเตือนมันหลายรอบแล้ว ไม่คิดว่ามันจะดื้อดึงขนาดนี้”
“อะไรนะ!! ทำไมถึงปล่อยให้มันเข้าไปล่ะ ไม่รู้เหรอว่ามันอันตรายแค่ไหน ดีที่มันยังออกมาได้นะนี่”
แก้วพูดขึ้นเสียงดังจนคนในบ้านต่างก็พากันแตกตื่นจนต้องรีบออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอหันกลับมาหากำนันกลับไม่เห็นว่ายืนอยู่ตรงนี้แล้ว
“เอ๊า! ไปก็ไม่บอก” แก้วพูดพร้อมกับสองเท้าที่วิ่งตามเจ้านายไป ด้วยอาการเหนื่อยหอบพอๆ กับทิดสอน เพราะกำนันนั้นไม่รู้ว่าเดินหรือหายตัวเอากันแน่ ถึงได้ไปไม่เห็นเงาเลยแม้แต่น้อย
“ฉันล่ะอยากเก่งเหมือนพี่กำนันจริงๆ เชียว”
“ถ้าเก่งแบบนี้เองจะเอาวิชาไปทำอะไรวะ”
“ก็เอาไว้ไปส่องสาวๆ ตอนที่อาบน้ำอยู่ยังไงล่ะ”
“กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกำนันพรายถึงไม่สอนอะไรมึงเลยนอกจากคาถากันผี เพราะโรคจิตสัปดนแบบนี้นี่เอง” ทิดสอนเอ่ยจบก็รีบวิ่งตามกำนันไปโดยไม่รออีกคนเลย
“โอ๊ยลุง! รอฉันด้วย พูดเล่นแค่นี้ก็ถึงกับทิ้งกันเลยเชียว” แก้ววิ่งหน้าตื่นมาจนถึงบ้านของทิดสอน ซึ่งอยู่ห่างจากเรือนไทยของกำนันเกือบกิโล แต่อันที่จริงบ้านกำนันนั่นแหละที่อยู่นอกหมู่บ้าน
แก้วหยุดยืนหอบหายใจเหนื่อยเพราะวิ่งมาด้วยความเร็ว จะไม่ให้เขาทำแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อนี่มันก็สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ใครจะกล้าเดินอ้อยอิ่งในเมื่อคืนนี้เป็นวันโกน
จนกระทั่งมาถึงบ้านไม้ที่ยกสูงเพียงบันไดห้าขั้นแก้วมองเข้าไปด้านในก็พบว่ามีคนมากมายยืนออกันอยู่ ในใจเขาคิดว่าคงจะมาดูคนที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่นั่นแหละ แต่พอสังเกตดีดีกลับพบว่ามีแต่สาวน้อยสาวใหญ่ซะส่วนมาก เห็นแบบนี้คงไม่พ้นมารอดูหน้ากำนันพรายสุดหล่อแล้วล่ะ
ก่อนเขาจะเดินเบียดตัวเข้าไปยืนมองเจ้านายกำลังนั่งเอามือจับที่หัวของไอ้เจิม ซึ่งมันก็รุ่นไล่เลี่ยกันกับเขานี่แหละ กำลังเรียน ปวช.กันทั้งคู่ แต่เจิมเป็นรุ่นน้องหนึ่งปี
กำนันเริ่มสวด “นะโมตัสสะ 3จบ” ต่อด้วยคาถาอีกบท
“มะโทรัง อะตะระโร เวสะวะโน นะหากปิ ปิสาคะตาวาโหมิ มหายักขะ เทพะอนุตะรัง เทพะดา เทพะเอรักขัง ยังยังอิติ เวสะวะนัน ภูตัง มหาลักชามะนง มะภูอารักขะ นะพุททิมะมัตตะนัง กาลปะติทิศา”
เสียงสวดจบลงลมวูบใหญ่ก็พัดมากระทบกับต้นไม้ที่ปลูกไว้นอกเรือนจนเกิดเสียงดังให้ได้ยิน ทำเอาทุกคนที่มาเฝ้ารอดูอาการของเด็กหนุ่มถึงกับขนลุกซู่ ก่อนทุกอย่างจะสงบลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อันที่จริงบทสวดนี้ทุกคนก็ทำได้ แต่ถ้าบารมีไม่มากพอก็ขับไล่สิ่งชั่วร้ายไม่ได้ แต่สำหรับกำนันพรายแล้วทุกอย่างมันกลับง่ายเหมือนกับพลิกฝ่ามือ เพราะเขาเกิดในฤกษ์พิฆาต อีกทั้งยังมีเหล็กไหลฝังอยู่ในตัวตั้งแต่เด็ก เพราะมันคือมรดกตกทอดจากคุณปู่ที่เสียไปหลายปีแล้วเป็นคนลงมือปลุกเสกและจัดการให้มันเข้าไปอยู่ในร่างเขา
“ไม่เป็นอะไรแล้ว ใส่สายสิญจน์นี้ให้มันแล้วกัน คราวนี้คงเข็ดไปอีกนาน บอกมันกับเพื่อนๆ ด้วยว่าอย่าเข้าไปอีก” กำนันพรายยื่นของในมือให้ทิดสอน
“ขอบคุณกำนันที่มาช่วยไอ้เจิมมากนะครับ” ทิดสอนยกมือไหว้คนที่อ่อนกว่าเขาอย่างจริงใจ กำนันเองก็ทำเช่นกัน ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้กับคนที่พึ่งจะวิ่งมาถึงไม่นาน ส่งสัญญาณว่าเขาจะกลับ
“พี่พรายพักดื่มน้ำก่อนก็ได้นะจ๊ะ” เพลินสาวสวยพี่สาวของเจิมพูดขึ้นเพื่อรั้งให้คนที่เธอแอบชอบอยู่ต่อ
“ไม่ล่ะ ฉันง่วงแล้ว” เขาตอบแค่นั้นก็เดินลงเรือนโดยไม่รอไอ้แก้ว ที่ยังคงยืนฉีกยิ้มให้กับพวกสาวๆ
“นี่แกเห็นกล้ามของกำนันไหม หัวใจฉันจะวาย”
“จริงด้วยคนอะไรหล่อมากมายก่ายกอง ยังกะพระเอกซีรี่จีนที่ฉันดูเลย”
“ไอ้เจิมมันฟื้นแล้ว พวกเองก็พากันกลับไปเสียทีสิ”
เพลินออกปากไล่พวกเพื่อนๆ ทันที ทำเอาสาวๆ ต้องพากันสะบัดหน้า เชิดหนีเพื่อนสาวเดินกลับบ้านที่อยู่ไม่ห่างกัน นัยน์ตาสวยมองตามก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ทำไมพี่พรายถึงใจแข็งนักนะ” เสียงตัดพ้อดังขึ้นก่อนจะปิดประตูบ้านแล้วเดินมานั่งลงข้างน้องชาย
“ปกติไอ้เจิมมันก็ไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามไม่ใช่หรือพ่อ ทำไมรอบนี้มันถึงกล้าเข้าไปคนเดียว”
“ถามกูแล้วจะรู้ไหม รอมันตื่นขึ้นมาก่อนค่อยว่ากัน” ทิดสอนพูดขึ้น ก่อนจะผูกสายสิญจน์ใส่แขนให้ลูกชาย และเอนตัวลงนอนเฝ้าข้างกายด้วยความเป็นห่วง เพลินจึงจำต้องกลับเข้าห้องของตัวเองไป
แก้วมองตามร่างสูงของผู้เป็นนายที่เดินขึ้นเรือนไปก่อนแล้ว ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมเขาถึงปิดกั้นตัวเองขนาดนี้ แค่ผิดหวังเพราะผู้หญิงคนเดียวที่ทิ้งไปเมื่อก่อน ก็ถึงกับไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครอีกเลย ทั้งที่มีสาวสวยมากมายแวะเวียนมาหา
“พี่กำนันพรุ่งนี้มีประชุมที่อำเภอใช่ไหม จะให้แก้วไปด้วยหรือเปล่า ไอ้แช่มมันไม่ว่างจะพาเมียไปหาหมอ”
พรายหันกลับมาหาแก้วพร้อมกับทำท่าครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนเสียงทุ้มจะดังขึ้น
“อืม พรุ่งนี้น่าจะประชุมนานด้วย คงขับรถกลับไม่ไหว”
“งั้นผมไปนอนล่ะ” แก้วพูดจบก็เดินหนีกลับเข้าห้องตัวเองที่อยู่อีกฝั่ง ซึ่งคนเป็นนายก็ทำไม่ต่างกัน
07:00 รถกระบะสี่ประตูสีดำกำลังขับเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน พร้อมกับสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาเป็นปกติ เพราะต่างก็รู้ว่ากำนันคงจะเข้าเมือง และที่ขาดไม่ได้ก็คือจะต้องมีใครบางคนที่ขอติดรถไปด้วยแน่
“เป็นหยังเวลากูซื้อหวยมันคือบ่ถึกวะ”
“อีหยังของมึงบักเซียงหรั่ง” สองหนุ่มขาประจำในหมู่บ้านที่มักออกมานั่งจิบกาแฟพูดคุยกันที่สามแยกแห่งนี้เป็นประจำเอ่ยขึ้น
“มึงบ่เห็นติ อีกุ้งมันโบกรถกำนันติดไปตลาดอีกแล้ว”
“กูบ่ไดตาบอด มันกะไปจังซี่ประจำ”
“กูค้านเว้านำมึงล่ะ มึงเบิ่งบ่ออกติว่ามันอยากไดกำนันเป็นผัว มึงคือบ่ห้ามมันแหน่”
หรั่งพูดขึ้นเป็นภาษาอีสานตามปกติ แต่ปะปนไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อเห็นน้องสาวเพื่อนมักจะทำตัวสนิทสนมกับกำนันอยู่เสมอ รู้ว่าเขามีประชุมทีไรก็มักจะขอติดรถไปด้วยแบบนี้ จนเขากลัวกำนันจะใจอ่อนจนได้
“มึงอยากห้ามกะบอกมันเองตี้ล่ะ”
ทิดสังฆ์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินหนีไป ทิ้งให้วันนี้เซียงหรั่งต้องเป็นคนจ่ายเงินเช่นเคย
“บักห่า ไห้กูจ่ายอีกแล้ว” แม้จะบ่นออกมาแต่เขาก็ควักเงินจ่ายเช่นทุกวันอยู่ดี ก่อนจะมองตามรถที่กำลังขับเคลื่อนเข้ามาในหมู่บ้าน รถคันหรูจอดถามทางตรงหน้าร้านที่เขานั่งอยู่พอดี เลยได้เห็นคนด้านในชัดเจน
“ป้าด!! คือมีแต่ผู๋ขาวๆ แท้ล่ะ” เซียงหรั่งมองเข้าไปในรถตู้ซึ่งเปิดประตูโชว์ให้เห็นด้านใน แต่เขากลับมองไม่เห็นใบหน้านั้น เพราะคนที่นั่งอยู่ใส่เสื้อฮู้ดปกคลุมเอาไว้
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าบ้านกำนันอยู่ตรงไหนครับ”
“หมายถึงกำนันพรายเหรอพ่อ” ลุงจานเจ้าของร้านเดินออกมาถาม เมื่อเห็นว่าเซียงหรั่งยังเอาแต่จ้องคนในรถ
“ใช่ครับ” หนุ่มหล่อร่างสูงตอบคำถามคนตรงหน้า ก่อนจะถอยกลับไปปิดประตูรถที่มันเปิดอยู่ ทำเอาคนที่จ้องถึงกับหันกลับมายิ้มแห้งใส่อีกฝ่ายที่ยืนเอาตัวบังไว้ด้วย
“เลี้ยวขวาตรงสามแยกนี้แหละ ตรงไปเรือนไทยหลังใหญ่หลังเดียวก็ถึงแล้ว มาหากำนันมีอะไรกันรึ คงไม่ใช่มาแก้ของกันหรอกนะ ข้าจะบอกให้เลยว่ากำนันเขาไม่ทำให้หรอก แกไม่ชอบยุ่งกับอวิชา”
“ใช่ๆ ยกเว้นแต่ลูกบ้านเท่านั้น แต่ก็ต้องเฉพาะกับเรื่องผีแถบนี้เท่านั้นนะ เพราะกำนันไม่ชอบข้ามเขต”
เซียงหรั่งพูดจบก็โดนตบหัวทันที และก็ไม่ใช่ใครที่ไหนที่ทำแบบนี้ ลุงจานผู้มีฝ่ามือพิฆาตไว้ปราบคนปากพล่อยอย่างเซียงหรั่งโดยเฉพาะนั่นแหละ
“สิไปไสกะไป อย่ามาเฮ็ดไห้เขาแตกตื่น”
“เจ็บเด้ลุง” เซียงหรั่งพูดพร้อมกับมุ้ยปากใส่อีกฝ่าย
“อย่าไปฟังมันครับ มีธุระอะไรก็ไปรอที่เรือนกำนันได้ ตอนนี้แกออกไปอำเภอเพราะมีประชุม คงกลับบ่ายๆ”
“ขอบคุณนะครับงั้นผมลา” ชายหนุ่มยกมือไหว้คนที่แก่กว่า ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงไม้ ทำเอาเซียงหรั่งอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
“ยิ้มไห้กูเฮ็ดหยังวะ” เสียงบ่นอุบอิบดังขึ้น แต่ก็ทำให้คนที่ยืนอยู่ได้ยินจนฝ่ามือพิฆาตปะทะลงอีกครั้ง
“เขามีมารยาทบ่คือมึง” ใบหน้าซึ่งมีเค้าร่างของความน่ารักมากกว่าหล่อแบบผู้ชาย แหงนมองคนที่เอาแต่ใช้หัวตัวเองเป็นที่รองรับ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้หน้า
พร้อมกับเดินถอยหลังออกมาจากร้านด้วยท่าทางปกติที่ทุกคนเห็นจนเคยชิน เพราะต่างก็รู้ว่าเซียงหรั่งแค่แสดงท่าทางไปอย่างนั้นเอง อันที่จริงเขาเคารพและนับถือลุงจานมากเทียบเท่ากับพ่อแม่ที่เสียไป
หลังจากกลับขึ้นมาบนรถ “โรม” มือขวาของมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลในประเทศก็รายงานกับเจ้านายที่นั่งรออยู่
“อีกไม่ไกลครับนาย แต่ตอนนี้เห็นว่ากำนันไปประชุม คงกลับมาตอนบ่ายครับ เราจะไปรอที่บ้านเขาหรือว่า”
“ไปรอที่บ้านกำนัน” เสียงทุ้มเย็นดังขึ้น พร้อมกับหันไปหาคนที่นั่งเงียบไม่พูดจามาตลอดทาง
“กลัวเหรอลูก” เขาถามเสียงอ่อนโยน
“ไม่ครับ คุณพ่ออย่ากังวลเลย ธามไม่เป็นไร”
น้ำเสียงที่บ่งบอกออกมามันไม่ได้ช่วยให้คนเป็นพ่อคลายกังวลเลย ถ้าไม่ใช่เพราะรุ่นปู่ทวดทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ ครอบครัวเขาคงไม่ต้องมารับกรรมแบบนี้
# นิยายเรื่องนี้มีถ้อยคำบรรยายที่เป็นภาษาอีสานปะปนอยู่ด้วย ถ้าใครที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ ติเตียนมานะคะ เป็นนิยายแนวบ้านๆ ยังไงก็ขอฝากไว้ให้ทุกคนพิจารณากันด้วยนะคะ ชอบก็กดใจ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้กันบ้างนะคะ ยอดอ่านแต่ละเรื่องเป็นเศร้ามาก ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแวะชมกันค่ะ